4 VAGUS | บ้าดีเดือด (TW : ความรุนแรง)

1734 คำ
“อย่าทำอะไรบ้าเลือดนะ ดาวขอ” ผมได้แต่อมยิ้มให้กับความรู้ทันของน้องสาวตัวเอง เธอยังเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุดไม่เปลี่ยนแปลง “อย่ายิ้มแบบนั้นล่ะพี่เวย์ ถือว่าขอนะ” “เอาน่า พี่ดูแลตัวเองได้ กลับไปหาลูกได้แล้ว” ผมเอ่ยปากไล่ดาวก่อนจะหันหลังเดินออกมาทันที คริสรีบวิ่งตามผมมาติด ๆ ก่อนที่ผมจะหันไปสั่งมันให้เตรียมล่าในคืนนี้ “คริส” “ครับนาย” “เบิกปืนไรเฟิลให้กูด้วย” “ครับ” มันรีบเดินออกไปอีกทางทันทีเพื่อจัดการเรื่องที่ขอ คลังอาวุธของไวท์โรสที่เหลือถูกย้ายมารวมเข้ากับโกดังของทางแบล็คไวท์ การจะใช้งานมันต้องมีการตรวจตราที่เข้มงวดยกเว้นในกรณีฉุกเฉินที่จะไม่มีการบันทึกข้อมูลไว้ ไม่นานไอ้คริสก็กลับมาหาผมพร้อมกับปืนที่ขอ ผมเปิดดูเล็กน้อยก่อนจะโยนมันไว้ที่เบาะหลัง “เลือกได้ดีเลยนะ” “ผมเลือกกระบอกโปรดของนายมาครับ ขอให้สนุกในการล่าครับ” “อืม คุ้มกันห่าง ๆ พอ กูจะลงมือคนเดียว” ผมบอกมันแค่นั้นแล้วขึ้นรถขับออกมาเลย เมื่อกี้ก่อนจะแยกกันพ่อของเทวาได้บอกข้อมูลสำคัญมาให้ผม ‘คืนนี้เฟนเนคจะมีการส่งของที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง’ แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าต้องทำอะไรต่อ ตอนนี้ยังเป็นเวลาแค่สี่โมงเย็น การขนย้ายน่าจะเริ่มประมาณเที่ยงคืนยังพอมีเวลาให้ผมหาจุดซุ่มยิงดี ๆ อยู่ ผมขับรถไปอย่างไม่รีบร้อนและปล่อยให้คริสกับลูกน้องบางส่วนขับรถตามห่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตากับคนอื่น ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดหมาย ท่าเรือเก่าที่ถูกทิ้งร้างเป็นที่ที่เหมาะมากในการใช้ขนของผิดกฎหมายทั้งหลาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเลือกที่นี่..... “นายน้อยครับ ผมตรวจสอบเท่าที่จะทำได้แล้วครับ” “เจออะไรไหม?” “ยังไม่พบอะไรเป็นพิเศษครับ คาดว่าคงยังควบคุมลูกน้องได้ไม่หมด ผมรู้มาว่าบางคนไม่ได้อยากเข้าร่วมกับเฟนเนคแต่จำใจทำเพราะคนในครอบครัวถูกจับเป็นตัวประกัน” “งั้นเหรอ ถอยออกไปกันได้แล้ว หลังจากเสร็จงานที่นี่ฉันจะออกไปที่จุดนัดพบเอง” “ครับนายน้อย” ผมเจอจุดที่เหมาะกับการซุ่มยิงอยู่สองสามที่จึงเลือกทำเลที่สูงหน่อยเพื่อจะได้มองเห็นทุกอย่างชัด ๆ ก่อนจะจัดการเอาปืนไรเฟิลออกมาเช็คสภาพ ไรเฟิล M24 เป็นปืนที่ผมฝึกใช้มาตั้งแต่เด็ก ๆ มันเป็นปืนที่เหมาะกับการซุ่มยิงและพลังทำลายของมันก็ไม่ธรรมดา ตัวปืนติดกล้องอินฟาเรดมาให้ด้วยพร้อมกับกระสุนสำรองอีกจำนวนหนึ่ง ผมลองใช้มันเล็งไปรอบ ๆ เพื่อทำให้ตัวเองชินมือ ถึงจะใช้มันบ่อยแต่ระยะหลัง ๆ มาผมแทบไม่ได้แตะมันเลย “ดูแลอย่างดีเลยสินะ” คนที่ดูแลอาวุธนี้ต้องเป็นคนที่เชี่ยวชาญพอตัว ปืนสภาพไม่ได้ใหม่มากแต่กลับดูเหมือนมีการทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลาจนแทบไม่ต้องปรับอะไรมาก ผมรอเหยื่อให้มาติดกับอย่างใจเย็นถึงจะเมื่อยไปบ้างที่ต้องอยู่ท่าเดิมหลายชั่วโมงแต่ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง เวลาเที่ยงคืนตรงเสียงรถหลายคันขับเข้ามาจอดช้า ๆ ทำให้ผมตื่นตัวเต็มที่ พวกมันทุกคนติดเข็มกลัดที่เป็นสัญลักษณ์จิ้งจอก บางคนมีรอยสักที่บ่งบอกว่าเป็นคนของเฟนเนคสักไว้ด้วย “เรือล่ะ?” “กำลังมาครับ” เสียงที่พวกมันคุยกันผมได้ยินชัดแจ๋วเพราะเครื่องดักฟังที่แอบติดไว้ล่วงหน้า เรือลำเล็กปิดไฟวิ่งเข้ามาจอดเทียบท่าช้า ๆ ก่อนจะใช้ไฟฉายส่งสัญญาณแจ้งคนบนฝั่ง “มาแล้วครับ” “อืม ไปจัดการให้เรียบร้อยเช็คของทุกกล่องให้ดีเพราะงานนี้ถ้าพลาดคุณคาลมาเอาพวกเราตายแน่” “คะ ครับ” เมื่อเรือจอดเทียบท่าสนิทแล้วผมเห็นกัปตันเรือเดินยิ้มเข้ามาจับมือคนที่รออยู่บนฝั่ง ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันเป็นอย่างมากคงทำแบบนี้กับมานับครั้งไม่ถ้วน ผมลดเสียงหูฟังลงเล็กน้อยแล้วตั่งสมาธิไปที่เป้าหมายตรงหน้า ไม่สนหรอกว่าพวกมันเป็นใครจะเข้ากันได้หรือไม่ได้เพราะเฟนเนคก็คือเฟนเนค พวกสวะที่เอาแต่ทำร้ายคนบริสุทธิ์โดยไม่สนอะไรทั้งนั้น “เอาล่ะ หัวแรกมึงก็แล้วกัน” ผมเล็งเป้าคนที่อยู่ห่างที่สุด ปลายนิ้วแตะไกปืนเล็กน้อยก่อนจะออกแรงกด ฟุ่บ.... เสียงจากท่าเรือทำให้กลบเสียงปืนไปจนหมด มันล้มลงและตายไปโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นผมรีบดึงลูกเลื่อนเพื่อนำกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิง ปลอกกระสุนเปล่าตกลงข้างตัวดัง ‘แกร๊ก’ พร้อมกับเล็งคนต่อไปทันที “คนที่สอง.....” ผมเล็งไปที่ชายอีกคนที่กำลังเดินไปดูศพเพื่อนและก่อนที่มันจะได้บอกคนอื่น ๆ กระสุนเพชฌฆาตก็พุ่งเข้าหัวมันอย่างแม่นยำจนมันลงไปนอนกองกับศพแรก “คนที่สาม....” ผมเลือกเล็งยิงคนที่ห่างมากที่สุดเพื่อตีวงล้อมเอาไว้ก่อน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนราวกับจับวางใครก็ตามที่เดินมาเจอศพก็จะกลายเป็นศพซะเอง จนในที่สุดท่าเรือก็เหลือคนไม่มาก พวกมันมัวแต่ขนของลงจากเรือมาไว้ที่ท่าจนไม่ได้สังเกตความผิดปกติรอบ ๆ ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว “ถึงเวลาแล้ว....” ผมเก็บไรเฟิลเข้ากระเป๋าพร้อมกับหยิบโม่งดำมาสวมปิดใบหน้าเอาไว้ก่อนจะคว้าไรเฟิลจู่โจมมาเช็คกระสุนให้พร้อม หลังจากตรวจสอบจนมั่นใจแล้วจึงค่อย ๆ อาศัยเงามืดคืบคลานเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ “ของครบใช่ไหม ไม่ขาดอะไรนะ” “ใช่ รอบนี้เป็นของคุณภาพดีด้วยคงได้ราคาดีไม่น้อย” “หวังว่านายของคุณจะพอใจ พวกผมต้องไปแล้ว” “อืม ไว้เจอกันงานหน้า” “ครับ” กัปตันกำลังจะเดินกลับไปขึ้นเรือเพื่อเตรียมออกจากท่าเรือแต่มันคงไม่คิดว่าคืนนี้ที่นี่จะกลายเป็นที่ตายของมัน ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!! “เฮ้ย! มีคนลอบยิงพวกเรา!” ผมยิงกระสุนเจาะหัวกัปตันและลูกน้องจนพวกมันลงไปนอนจมกองเลือดและตายในพริบตา พวกที่เหลือเอะอะโวยวายก่อนจะแยกย้ายกันหลบทันที “คนของเราไปไหนหมด!” “ไม่ทราบครับ! ไม่มีใครตอบเลย!” “เวรเอ้ยยยย” หัวหน้าของพวกมันสบถออกมาด้วยความเจ็บใจเพราะยังหาผมไม่เจอผมใช้ทักษะที่มีให้เป็นประโยชน์และไล่เก็บพวกมันทีล่ะคน ๆ จนเหลือแค่สาม-สี่คนสุดท้าย “แน่จริงก็ออกมาดิว่ะ ไอ้หมาลอบกัด!!” ฟุ่บ.... “ไอ้เวรนี่ บ้าจริง พวกเราถอยก่อน!” พวกมันที่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกกับผมที่มาสำรวจสถานที่ก่อนแล้วใครได้เปรียบก็คงไม่ต้องบอก ผมจำทางหนีทีไล่ทั้งหมดได้และคืนนี้จะไม่มีใครรอดจากเงื้อมมือผมได้ทั้งนั้น ถ้าผมไม่อนุญาต..... ฟุ่บ ฟุ่บ.... กระสุนสองนัดตัดขั้วหัวใจอย่างแม่นยำราวกับจับวาง ตอนนี้เหลือแค่หัวหน้าพวกมันที่กระเสือกกระสนหนีตายเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหยิ่งยโสเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “คนของเฟนเนคมีฝีมือแค่นี้งั้นเหรอ” ผมดึงโม่งดำออกเผยใบหน้าตัวเองให้อีกฝ่ายได้เห็น มันเบิกตากว้างพร้อมกับยกมือไหว้ขอชีวิตไม่หยุด “ขะ คุณเวกัส วะ ไว้ชีวิตผมด้วย” ผมจำมันได้ มันเป็นคนที่อยู่ในวีดิโอวันที่พ่อผมตาย เป็นลูกน้องคนสนิทของพ่อผมและเป็นคนที่หักหลังพ่อผมด้วย “โทษที ฉันไม่ใช่พ่อพระน่ะ” “อ๊ากกก อุ่บบบ!!” “อย่าแหกปาก มีดแค่นี้ไม่ทำให้ถึงตายหรอก” ผมปามีดเล่มเล็กปักเข้าดวงตามันอย่างจังก่อนจะยัดหมวกในมืออุดปากมันที่ร้องโหยหวนไว้ “ความปราณีเขามีไว้ให้คนที่ควรได้รับ แกทรยศฉัน ทรยศพ่อฉันที่ชุบเลี้ยงแกมา ถามหน่อยสิทำไมฉันต้องไว้ชีวิตแกด้วย?” “อื้อออ!!!!!!!” มันดิ้นทุรนทุรายเหมือนไส้เดือนที่โดนน้ำร้อนราดไม่มีผิด ผมตัดหูทั้งสองมันช้า ๆ และประณีตเพื่อให้มันทรมานที่สุดก่อนจะพูดต่อ “หูที่ฟังคำคนอื่นและสนใจแค่ผลประโยชน์แกคงไม่ต้องใช้มันแล้ว” ดวงตาที่เหลือข้างเดียวมองผมด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ มันพยายามยกมือขึ้นมาล้วงเข้าไปในเสื้อแต่ก็ถูกผมหยุดเอาไว้ซะก่อนด้วยมีดอีกเล่มที่ปักทะลุมือและตรึงไว้กับดิน “แกถนัดขวานี่ ฉันจำได้” “อื้ออ อึก อื้ออ!!” “ส่วนนี่ ตอบแทนที่แกทรยศไวท์โรส!” ผมปักมีดอีกเล่มเข้าตาที่เหลืออีกข้างอย่างรวดเร็วร่างของมันกระตุกอีกไม่กี่ทีก็ขาดใจตายเพราะหายใจไม่ออก ผมดึงหมวกที่ยัดปากมันไว้ออกก่อนจะหยิบกุหลาบขาวที่พ่อชอบมาถือไว้ “พ่อครับ ผมจะล้างแค้นทุกคนที่มันทำกับพ่อแบบนั้น โดยเฉพาะไอ้คาลมา....มันจะต้องตายอย่างทรมานที่สุด ผมสัญญา.....” ผมจัดการให้คนตรงหน้าคาบดอกกุหลาบไว้ เลือดสีแดงของมันไหลลงมาย้อมกลีบกุหลาบจนกลายเป็นสีของเลือด “คริส ออกมาได้แล้วกูรู้ว่ามึงดูอยู่” “ครับนายน้อย” “เก็บกวาดหลักฐานให้หมด ขนของพวกนั้นไปทำลายด้วย” “แล้วศพล่ะครับ ให้ผมเอาไปทิ้งเลยไหม” “ไม่ต้อง เอาไว้แบบนี้ล่ะ” “ครับนายน้อย” มันคือการประกาศสงครามจากผมถึงไอ้คาลมา นับจากนี้เป็นต้นไปมันกับผมต้องตายกันไปข้าง สงครามระหว่างไวท์โรสกับเฟนเนคได้เริ่มขึ้นแล้ว.....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม