ข้อแลกเปลี่ยน

1488 คำ
หลังเลิกงานปฐพีก็แวะทานอาหารเย็นที่ร้านประจำก่อนถึงคอนโด พอกลับถึงห้องก็อาบน้ำ จากนั้นก็นั่งดูรูปที่คุณอานนท์พ่อค้าเพชรส่งมาให้ ซึ่งรูปที่ส่งมานั้นมีทั้งเพชร พลอยและทับทิม เขาดูแล้วก็ค่อนข้างพอใจและคิดว่าจะปรึกษากับเอลินอร์เพราะอยากฟังความคิดเห็นของเธอว่าจะออกแบบเครื่องประดับอะไรบ้าง ปฐพีนั่งดูรูปไปได้สักพักใหญ่ก็เปลี่ยนมาดูทีวีซึ่งเขาเปิดช่องแฟชั่นของต่างประเทศ เพราะอยากจะดูว่าตอนนี้เทรนด์การแต่งตัวนั้นไปถึงไหนแล้ว เพื่อจะได้ผลิตเครื่องประดับให้ออกมาได้ตรงกับเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม และสินค้าพวกนี้บริษัทก็จะเสนอขายให้กับลูกค้าซึ่งจะได้กำไรมากกว่าการผลิตตามแบบที่ลูกค้าสั่งเข้ามา เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงปฐพีก็เริ่มง่วง แต่ยังไม่ทันจะได้เข้านอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อน เมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้าเป็นคุณแอนเดรียชายหนุ่มก็รีบกดรับทันที “สวัสดีครับคุณป้า คุณลุงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ปฐพีรีบถามอย่างร้อนใจเพราะมีหลายครั้งที่คุณเอกภพเจ็บหน้าอกกลางดึก แล้วเขาต้องรีบพาไปโรงพยาบาล เพราะท่านไม่ยอมให้รถพยาบาลเข้ามาที่บ้าน เนื่องจากกลัวว่าคนอื่นจะรู้ถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ของตนเอง “เปล่าหรอกดิน คือป้าอยากให้ดินช่วยไปประกันตัวยัยแอลที่โรงพักให้ป้าหน่อย” “อะไรนะครับ” “คืออย่างนี้นะ ยัยแอลออกไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วมีเรื่องทะเลาะตบตีกันนิดหน่อย ตอนนี้ถูกตำรวจจับไปที่โรงพัก ป้าอยากดินไปประกันตัวให้หน่อย เรื่องนี้อย่าให้คุณลุงรู้นะ ป้ากลัวท่านจะตกใจแล้วอาการจะกำเริบขึ้นมา” “ได้ครับ โรงพักไหนครับป้าเดี๋ยวผมจะรีบไป” พอคุณแอนเดรียบอกชื่อโรงพักแล้วเธอก็วางสายส่วนชายหนุ่มก็รีบเปลี่ยนชุดแล้วตรงไปยังโรงพักทันที เขาไปถึงโรงพักในเวลาเกือบจะตีหนึ่ง ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย “ใส่นี่คลุมไว้ก่อน” เขาพูดขณะที่ถอดเสื้อตัวนอกของตนเองส่งให้หญิงสาวเพราะชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้มันแทบจะปิดอะไรไม่มิดเลย เขารู้ว่าใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศและการแต่งตัวแบบนี้ก็ดูจะธรรมดาสำหรับที่นั่นแต่มันใช้กับที่นี่ไม่ได้ “ทำไม หรือกลัวว่าฉันเซ็กซี่เกินไป” เธอพูดแต่ก็รีบรับมาสวมเพราะบนโรงพักยังมีผู้ต้องหาคนอื่นอีกหลายคนและพวกนั้นก็จ้องเธอตาไม่กะพริบตั้งแต่เดินขึ้นมาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน “คุณหนูจะกลับบ้านเลยไหมหรือจะไปเที่ยวต่อ” “อย่ามากวนประสาทฉันนะ ใครจะมีอารมณ์เที่ยวต่อกัน อย่าให้เจออีกทีนะ ครั้งนี้จะเอาให้หนักเลยคอยดู” “ยังไม่เข็ดอีกเหรอ” “ก็มันน่าเจ็บใจไหม เต้นอยู่ดี เดินมาหาเรื่องกันได้” “เขาหาเรื่องคุณก็แค่เดินหนี จะไปสู้กับเขาทำไมล่ะ” “เดินหนีให้โง่ละสิ คนอย่างฉันไม่เคยยอมใคร ตบมาก็ตบกลับ” “แล้วยังไง สุดท้ายก็ต้องมาขึ้นโรงพัก ผมไม่อยากจะคิดเลยถ้าพ่อคุณหนูรู้ท่านจะโกรธแค่ไหน” “พ่อฉันจะไม่รู้ถ้านายไม่เอาไปฟ้อง” “ผมไม่ใช่คนขี้ฟ้อง” “งั้นก็ดี แต่ถ้าเรื่องนี้พ่อรู้เมื่อไหร่ นายตายแน่” “นี่นะเหรอคำพูดที่ผมได้จากคนที่ผมช่วย” “ก็ใครใช้ให้นายมาช่วย ฉันไม่ได้โทรตามนายสักหน่อย” “ใจคอคุณจะให้แม่คุณขับรถมาประกันตัวกลางดึกอย่างนี้นะเหรอ คุณอายุเท่าไหร่แล้ว เอาอะไรคิด” “นี่ ไม่ว่าฉันสักวันจะตายหรือไง ฉันโทรหาพี่ชายฉันแล้วย่ะ” “อลันคงมาช่วยได้หรอกนะ เขาอยู่เชียงใหม่นู่น” “ก็ใช่ไง เขาอยู่เชียงใหม่ ถ้าเขาอยู่เขาก็มาประกันตัวฉัน” “ถ้างั้นคุณกลับไปนอนรอเขาในนั้นไหมล่ะ รอให้อลันกลับมาจากเชียงใหม่ เอาไหม ผมจะบอกร้อยเวรให้” “จะบ้าเหรอนายดิน ใครจะไปนอนในนั้นกัน” “หึหึ” ปฐพีหัวเราะแล้วรีบเดินเข้ารถตนเองขณะที่คุณหนูเอลินอร์ก็รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน “จะขึ้นมาทำไม” “ไปส่งฉันที่บ้านหน่อยสิ” “เพื่อนคุณล่ะ ไปไหนหมดผมว่าจะถามตั้งแต่เมื่อกี้ละ” “พวกนั้นพ่อแม่มาประกันตัวกลับไปแล้ว” “เพื่อนคุณหนูนี่น่ารักนะครับ พอตัวเองได้กลับบ้านก็ไม่สนใจเพื่อนเลย ถ้าหากว่าคืนนี้ผมไม่มาประกันตัวคุณคงได้นอนอยู่ในนั้นคนเดียวถึงเช้าแน่” เอลินอร์นั่งนิ่งเพราะตัวเองก็รู้สึกน้อยใจเพื่อนอยู่เหมือนกัน เที่ยวด้วยกันดื่มด้วยกัน แต่พอเกิดเรื่องกลับเอาตัวรอดไปอย่างนั้น พวกนั้นไม่หันมามองหรือถามเธอด้วยซ้ำว่าจะมีคนมาประกันตัวไหม ผิดกับปฐพีที่เธอไม่เคยพูดดีหรือทำดีด้วย แต่เขากลับมาประกันตัวเธอกลางดึกแบบนี้ ถึงเขาจะทำเพราะเป็นคำสั่งของมารดาเธอก็ยังถือว่ามีน้ำใจในระดับหนึ่ง “ขอบใจ” หญิงสาวพูดออกไปแล้วก็นั่งมองไปนอกรถเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น “เหมือนผมได้ยินเสียงแมงอะไรในรถนะ คุณได้ยินไหม” “ฉันบอกว่าขอบใจ” เธอพูดช้าๆ ชัดๆ อีกครั้ง “ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดนะครับคุณหนู แต่ถ้าจะพูดก็ควรจะใช้คำว่าขอบคุณเพราะผมน่ะอายุมากกว่าคุณเยอะเลย” “ได้คืบจะเอาศอก” “ไปอยู่เมืองนอกมานานรู้จักสำนวนไทยด้วยเหรอ เก่งดีเหมือนกันนะครับคุณหนูเอลินอร์” “ไม่ต้องมาประชด” “ไหนลองพูดสิว่าขอบคุณค่ะพี่ดิน” “นั้นไง นานนี่ชักจะเอาใหญ่” “จะพูดไหมล่ะครับ” “ขอบคุณ” “แค่นี้เองเหรอ” “มากสุดได้แค่นี้” พูดจบก็สะบัดหน้าหนี “ก็โอเค ถือว่ายังมีมารยาทอยู่บ้าง เอาละใกล้จะถึงบ้านแล้วถ้าพ่อคุณถามคุณจะบอกว่ายังไง” “พ่อคงเข้านอนไปแล้วมั้ง” เพราะทุกครั้งที่เธอไปเที่ยวกลับมาบิดาก็มักจะเข้านอนไปแล้ว แล้วเพื่อนของเธอก็จอดรถส่งแค่ที่หน้ารั้วเท่านั้น “ท่านอาจจะตื่นเพราะได้ยืนเสียงรถก็ได้นะครับ” “ฉันจะบอกว่าออกไปเที่ยวแล้วเจอนานก็เลยให้นายมาส่ง นายก็พูดให้ตรงกันด้วยล่ะ” “ผมไม่ชอบโกหกด้วยสิ” “นี่นายดิน” “ผมไม่บอกท่านก็ได้ว่าไปรับคุณมาจากที่ไหน แต่มีข้อแม้ว่าวันมะรืนคุณจะต้องเขาไปเริ่มงานกับผมที่บริษัท” “แค่นี้เองใช่ไหมข้อแลกเปลี่ยนของนาย” “ครับแค่นี้เอง คุณหนูทำได้ไหม” “งั้นก็ดีล” ปฐพีจอดให้หญิงสาวลงจากนั้นตนเองก็รีบขับออกอย่างรวดเร็วเพราะถ้าคุณเอกภพมาเจอตอนนี้เขาก็รู้ว่าตัวเองจะโกหกได้แนบเนียนแค่ไหน คงเพราะรีบมากไปหน่อยเพราะพอกลับมาถึงคอนโดเขาถึงเห็นว่ากระเป๋าถือของเอลินอร์จึงยังวางอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ “สงสัยต้องเอาไปคืนพรุ่งนี้เข้า” ปฐพีบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะถือมันติดมือขึ้นไปบนห้อง ยังไม่ทันได้นอนเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น ปฐพีไม่ได้กดรับเพราะไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว พอทิ้งไว้สักพักโทรศัพท์ก็เงียบลง ยังไม่ทันจะเก็บเข้ากระเป๋าก็มีสายจากอีกคนโทรเข้ามา ปฐพีได้แต่ถอนหายใจแล้วกดปิดเครื่องเพราะถ้ายังเปิดเครื่องไว้คืนนี้เข้าคงไม่ได้นอนแน่ๆ ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างเดิม ในจังหวะที่กำลังจะปิดกระเป๋าก็เห็นซองอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน เพราะไม่แน่ใจว่าใช่อย่างที่ตนเองคิดหรือเปล่าเขาจึงใช้กระดาษทิชชูรองมือก่อนที่จะจับซองซึ่งด้านในเป็นเกล็ดคล้ายสารส้มขนาดเล็กออกมาซึ่งมีทั้งหมดถึงสามซอง เขาจะเก็บซองพวกนี้ไว้ก่อนเพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของคุณหนูเอลินอร์ว่าจะเป็นยังไงถ้าเธอรู้ว่าของพวกนั้นไม่อยู่ในกระเป๋าแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม