บทที่ 7 ดูหนัง

1514 คำ
“เด่น ฉันยังไม่ได้ถามเธอเลยว่า เธอคุยอะไรกับหมออัฐพลบ้าง” ดาหลาเอ่ยถามเด่นนภาด้วยความสงสัย เพราะเธอมองเด่นนภาและอัฐพลตลอด และเธอชื่นชมในใจที่เขาสองคนราวกับกิ่งทองและใบหยก และอีกอย่างอัฐพลเองก็ไม่เคยขึ้นเต้นรำกับไฮโซคนไหน อีกทั้งยังโสดอีกด้วย “เปล่า” เด่นนภาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่กล้าสบสายตาดาหลา “แน่นะ เห็นคุยกันน่าจะสนุก” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องทั่วไป” “จร้า จะเชื่อ ถึงที่พักแล้ว พรุ่งนี้ไม่มีงานพักผ่อนให้เต็มที่ วันจันทร์มีถ่ายนิตยสารโมเดล” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “ตรีมอะไรหรือ” “ไม่บอกให้รุ่นเอาเอง ไปพักผ่อนเถอะ” ดาหลาเอ่ยบอก ขณะที่รถจอดที่หน้าคอนโดหรู เด่นนภาค่อยๆ ก้าวลงจากรถ แล้วหันกลับมามองดาหลา ดาหลาโบกมือให้กับเธอ “แล้วเจอกัน” “แล้วเจอกัน” เด่นนภาก้าวเดินออกจากห้องน้ำหลังจากเธออาบนเสร็จสิ้น ตัวเธอสวมเพียงผ้าขนหนูพันร่างกาย บนหัวของเธอใช้ผ้าโพกหัวเอาไว้หลังจากเช็ดเรียบร้อย แล้วจะเอาไดร์มาเป่าผม แต่ทว่าเสียงของไลน์ดังขึ้น เธอจึงเลือกเดินไปที่มือถือ เธอกดปุ่มด้านล่างเพื่อเปิดหน้าจอ ไม่ช้าหน้าจอก็สว่างขึ้น เธอเห็นข้อความเด้งขึ้นมา LINE Dr. Atapon พรุ่งนี้ ผมจะมารอคุณที่ เดอะ คลัสเตอร์ ร้านอาหารนี้อยู่ไหนอะ ว่าแต่เขาเอาไลน์ของฉันมาจากไหน? เด่นนภาขับรถหรูสีแดงสดคู่ใจ รถคันนี้เป็นรถที่พ่อของเธอซื้อให้วันเกิดปีที่แล้ว อีกทั้งรถคันนี้เป็นรถแข่งอีกด้วย จึงมีเพียงสองที่นั่งเป็นเบาะหนังอย่างดีเลยทีเดียว และยังขับนุ่มมากๆ ด้วย เธอออกจากคอนโด จนมาถึงหน้าร้านในตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงห้าสิบ อีกสิบนาทีก็เป็นเวลาที่เขานัดไว้ เธอจอดรถไว้ที่ลานจอดรถข้างๆ ร้าน เธอมองไปยังข้างๆ ร้านเป็นโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ และเป็นโรงพยาบาลของครอบครัวของเขาด้วย เธอก้าวเดินเข้าไปในร้าน เธอยังไม่ถอนแว่นตาสีดำออก เพราะกลัวว่าผู้คนจะจำเธอได้ สายตาราวกับเหยี่ยวของเธอมองเข้าไปในร้านบริกรสาวก้าวเดินมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับคุณผู้หญิง ได้จองโต๊ะอาหารไว้หรือเปล่าคะ” บริกรสาวเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ “เปล่าค่ะ” “รอสักครู่นะคะ” พนักงานคนนั้นก็ส่งสัญญาณเข้าไปในร้านด้วยมือถือเพื่อหาโต๊ะให้เธอ เธอเองก็ยืนรอสักพักพนักงานคนใหม่เดินมาหาเธอ “สวัสดีค่ะ เชิญคุณผู้หญิงเข้าไปในร้านค่ะ” บริกรสาวเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เด่นนภาก้าวเดินตามพนักงานสาวคนใหม่เข้าไปในร้าน เธอทอดสายตามองเข้าไปในร้านสไตล์โทนขาวดำ ภายในร้านยังมีน้ำตกจำลอง โต๊ะอาหารนั้นจะเป็นไม้ส่วนใหญ่ เธอหันว่าชายหนุ่มนั่งหันหลังอีกทั้งเขายังเซตผมอย่างดีเช่นทุกครั้งที่เธอเห็น เธอจึงเดินไปหาเขาทางด้านหน้า “หาร้านยากไหม” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “ไม่” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ “เชิญนั่งครับ” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ เธอจึงนั่งลงบนเก้าอี้ทันที “ว่าแต่คุณรู้ไลน์ฉันได้อย่างไง” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไม่ยากหรอกถ้าผมจะหา ว่าแต่จะกินอะไรดี” เขาเอ่ยถามแล้วยื่นเมนูให้เธอ เธอจึงหันไปบอกบริกรที่รอรับคำสั่ง “ขอน้ำส้มกับสลัดซีซ่าร์หนึ่งที่ค่ะ” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “ครับคุณผู้หญิง” บริกรเอ่ยบอก และกดรายการอาหารในไอแพด “คุณกินแค่นี้เหรอ” เขาถามด้วยความสงสัย “ค่ะ” เธอเอ่ยบอกเขา “เอาสเต็กเนื้อวากิวราดซอสพริกไทยดำและไวน์แดงที่เคยสั่งจำได้ใช่ไหม” เขาเอ่ยบอกบริกร “ค่ะ” บริกรสาวเอ่ยบอก อือหือ...ดื่มเหล้าแต่กลางวัน ไปตรวจคนไข้มือจะไม่สั่นสลับสมองซีกซ้ายไปขวา ซีกหน้าไปซีกหลังเหรอ “ผมออกตรวจแล้ว” อัฐพลเอ่ยบอก “คุณก็เป็นหมอ ทำไมไม่รักษาสุขภาพตัวเอง” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ผมแค่ผ่อนคลาย คุณเป็นห่วงผมหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เปล่าถามเฉยๆ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “วันนี้ผมนัดคุณมา ผมอยากมีเรื่องจะคุยกับคุณ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีอะไร” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คือว่า...” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และท่าทางเขาเหมือนไม่กล้าพูด เธอจึงเอ่ยถามเขากลับไปอีกครั้ง “มีอะไรคะ” เธอเอ่ยถามเขาอีกครั้ง “วันนี้ไปดูหนังกับผมได้ไหม ไปดูเป็นเพื่อนผม” เขาเอ่ยถามเธอ ดูน้ำเสียงเป็นกังวลพอประมาณ “ได้สิคะ ฉันว่างๆ อยู่ ว่าแต่คุณอยากดูเรื่องอะไร” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่เด่นนภาทานอาหารกลางวันอัฐพลแล้ว เขาก็มาพาเธอมาเอสซีคารา ซึ่งเป็นห้างและมีโรงภาพยนตร์ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ความจริงแล้วตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์มาเขาก็ไม่เคยเข้าโรงหนังอีกเลย เพราะเขาหมกมุ่นกับการเรียนและการสอบ จนพ่อและแม่ของเขาพาออกไปเที่ยวบ้าง กลัวว่าเขาจะเครียดเกินไป แต่ยังไม่วายที่จะพกหนังสือไปอ่าน ด้วยนิสัยเขาเหมือนพ่อและพี่ชายที่ชอบอ่านหนังสือด้วยเช่นกัน แต่ว่าพี่ชายของเขานั้นเรียนบริหาร เพื่อบริหารงานต่อจากพ่อ ส่วนเขาขอบเรื่องกายภาพจึงเรียนแพทย์เพื่อเป็นหมออย่างทุกวันนี้ “นายน้อยครับ” ชายวัยเดียวกับเขาเอ่ยเรียกเจ้านายของตนเอง เธอเห็นว่าเขาอาจเป็นบอดี้การ์ดของอัฐพล เพราะดูการแต่งตัวเหมือนบอดี้การ์ดบ้านเธอไม่มีผิด ส่วนชายหนุ่มอีกคนนั้น เขาสวมชุดสูทเช่นเดียวกันในมือหนาน้ำโคกสองแก้วที่ใส่ถุงหิ้วกับป๊อปคอร์นถังใหญ่ส่งให้อัฐพล อัฐพลรับเอาไว้ทั้งสองอย่าง “ให้ฉันช่วยถือนะ” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “คุณถือตั๋วหนังนะ” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วส่งตั๋วหนังให้เธอ เธอรับไว้ แล้วก้าวเดินข้างๆ เข้าไปยังที่ตรวจก่อนเข้าไปในโรงหนัง โดยมีบอดี้การ์ดสองคนก้าวเดินตามมาเพราะซื้อตั๋วเข้าไปด้วยกันเพื่อดูแลเจ้านายของเขา แม้กระทั่งในโรงพยาบาลเขาก็อยู่กับอัฐพล แต่ว่าจะนั่งอยู่หน้าห้องตรวจ เพื่อดูแลความปลอดภัย อัฐพลให้บอดี้การ์ดไปซื้อตั๋วหนังระดับพรีเมียมแบบเป็นเตียงนอนมาสี่ที่รวมถึงบอดี้การ์ดสองคนที่จะตามเข้าไป เธอจึงเดินไปนั่งบนเตียงหนามีผ้าห่มพร้อม บริกรสาวก็ก้าวเดินเข้ามาถามว่าจะเอาอะไรไหม เพราะมันสั่งอาหารได้ เธอเองก็พึงรู้ไม่ต่างจากเขา เขาจึงสั่งไวน์จากบริกรไม่ช้าบริกรก็นำไวน์มาเสิร์ฟให้เขาและเธอ หลังจากหนังฉายไปครึ่งชั่วโมง ดวงตาที่หนังอึ้งมันปิดลงเรื่อยๆ จนหลับ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนกระทั่ง.... “คุณตื่นได้แล้วหนังจบแล้ว” เสียงของอัฐพลดังเข้ามาในโสตประสาทของเธอ ฉันลืมตาขึ้นช้าๆ มองจอ ตามันเป็นเพลงปิดหนังแล้ว ฉันหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ “หนังจบแล้วหรือคะ” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่กล้าใช้มือเรียวขยี้ดวงตาให้ตื่น เพราะเธอแต่งหน้ามาด้วย “ครับ” เขาเอ่ยบอก “หนังเป็นอย่างไงบ้างคะ” “จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง” “นั้นและที่ฉันต้องการ” “ผมจะไปส่งคุณที่คอนโด” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถ้าเขาไปถึงคอนโดดาหลาต้องรู้แน่ๆ ซึ่งมันไม่ดีกับตัวเธอและตัวเขา เพราะเธอเองคือคนของสังคมไม่ต่างกับเขา นักข่าวอาจแห่งมาที่คอนโดก็ได้ “แต่ฉันขับรถมา...” เธอเลือกที่จะปฏิเสธเขา “เอากุญแจให้ตะวัน ส่วนคุณผมไปส่ง” เขายื่นคำขาดให้เธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอกลับบ้าจี้ส่งกุญแจให้บอดี้การ์ดของเขา เขาจึงถือวิสาสะจับมือเรียวของเธอก้าวเดินออกจากโรงหนังทันที เพื่อไปยังลานจอดรถ ........................................ ขอย้ำอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่เน้นเนื้อหา เน้นกระแทกเด้อ 555 ไรท์ชอบอ่านคอมเม้นท์ของทุกๆ ท่าน อย่าลืมคอมเม้นท์ด้วยนะคะ เม้นท์แล้ว อย่าลืมกดหัวใจให้ด้วยนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม