บทที่ 6
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมอันยาวนานตติยะเดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อได้รับรายงานจากลูกน้องว่าการเจรจาซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศในจังหวัดเล็กๆแถวภาคกลางไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เนื่องจากมีผู้มีอิทธิพลในท้องที่ต้องการที่ดินผืนนี้เหมือนกัน แล้วเจ้าของที่เองก็มีท่าทีว่าจะโก่งราคาที่ดินจนเกินจริง
“บอสจะให้ผมจัดการยังไงต่อไปครับ” พิพัฒน์ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามตติยะเมื่อเดินตามเข้ามาภายในห้องทำงาน
“เรื่องนี้พักไว้ก่อนเดี๋ยวผมขอเวลาพิจารณาอีกทีแล้วจะแจ้งให้ทราบ”
“นี่เป็นแฟ้มข้อมูลรายละเอียดที่ดินผืนที่เราต้องการครับ”
“ขอบคุณมากเชิญคุณไปทำงานต่อเถอะ” เมื่อลูกน้องเดินออกจากห้องไปแล้วตติยะจึงหยิบแฟ้มรายละเอียดที่ดินเจ้าปัญหาขึ้นมาดู ซึ่งทุกครั้งไม่เคยต้องถึงมือเขาแค่ให้ลูกน้องไปเจรจาก็เรียบร้อย แต่คราวนี้การซื้อที่ดินในจังหวัดเล็กๆกลับสร้างปัญหาให้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่ดินผืนที่เขาต้องการเป็นที่ดินในจังหวัดอุทัยธานีจังหวัดเล็กๆทางภาคกลางซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพนักเป็นจังหวัดที่เงียบสงบไม่วุ่นวาย มีทัศนียภาพที่งดงามผู้คนเป็นมิตรและไม่เคยประสบปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติใดๆเลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เป็นที่สนใจของเหล่าเศรษฐีกระเป๋าหนักที่เริ่มจับจองที่ดินเพื่อสร้างบ้านพักเมื่อยามต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงไปหาสถานที่สงบเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
ตติยะมองเห็นโอกาสทองนี้เขาจึงไม่รอช้าที่จะกว้านซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรูหราไว้ตอบสนองความต้องการของบรรดาเศรษฐีที่ชอบพักผ่อนในบรรยากาศธรรมชาติอันสวยงาม แต่โปรเจคของเขาครั้งนี้กลับดูท่าจะไม่ราบรื่นเหมือนที่ผ่านๆมาเสียแล้วเห็นทีคราวนี้เขาคงต้องลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ตติยะหยิบกุญแจรถและเดินออกจากห้องเมื่อถึงเวลาเลิกงาน
“บอส จะกลับแล้วเหรอคะ” แพรวพิลาศเลขาสาววัยกลางคนที่ทำงานกับเขามานานจนคุ้นเคยกันดีเอ่ยทักขึ้น
“ครับ คุณแพรวยังไม่กลับอีกเหรอ”
“กำลังจะกลับเหมือนกันค่ะ แต่ขี้เกียจแย่งคนอื่นๆขึ้นลิฟต์เลยรอก่อนดีกว่า” ตติยะยิ้มให้เลขาคู่ใจ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน”แพรวพิลาศมองตามเจ้านายหนุ่มสุดหล่อของเธอไปจนลับสายตา ตติยะเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ ฐานะดี การศึกษาเยี่ยม เพอร์เฟ็คจนน่าอิจฉา ความเก่งกาจในการบริหารงานเป็นที่ยอมรับ เอเค พร็อพเพอร์ตี้ ภายใต้การบริหารของเขาประสบความสำเร็จสร้างกำไรมหาศาล ถ้าจะมีข้อเสียก็คงเป็นความเจ้าชู้ลื่นเป็นปลาไหลของเขานั่นเอง ตั้งแต่ทำงานร่วมกันมาเจ้านายเธอเปลี่ยนผู้หญิงจนนับไม่ถ้วนบางครั้งก็มีเหตุการณ์รถไฟชนกันจนเธอต้องเป็นฝ่ายช่วยแก้สถานการณ์ด้วยซ้ำไป เธออยากรู้จริงๆว่าใครกันจะเป็นผู้กุมหัวใจเจ้านายหนุ่มจอมเจ้าชู้ของเธอคนนี้เอาไว้ได้หวังว่าเธอคงไม่แก่ตายก่อนที่จะได้เห็น
ตติยะขับรถผ่านเข้ามาในซอยที่เป็นหอพักของเจนิตา ทันใดนั้นคำพูดของเธอก็แวบเข้ามาในหัว ‘*ฉันไม่สบายลงไปไม่ไหว*’
“ป่านนี้ยัยเด็กแว๊นจะหายป่วยหรือยังนะ” ตติยะพึมพำกับตัวเองเบาๆ และโดยไม่ทันคิดมือของเขาก็หักเลี้ยวพวงมาลัยเข้ามาจอดในลานจอดรถของอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้เสียแล้ว เมื่อเขาก้าวลงจากรถก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนในบริเวณนั้นทันที ด้วยรถยนต์ราคาแพงที่เขาขับบวกกับการแต่งกายด้วยชุดสูทเต็มยศเขาจึงเลือกที่จะถอดสูทตัวนอกเก็บไว้เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คเท่านั้น แต่นั่นก็มิอาจทำให้ความน่ามองของเขาลดลงเลยแม้แต่น้อย ตติยะไม่สนใจเขาเดินตรงไปยังร้านอาหารมากมายที่อยู่ข้างๆอพาร์ทเม้นท์ก่อนจะเลือกซื้อน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋และข้าวต้มหมูอีกหนึ่งถุงที่เขาคิดว่าเหมาะสำหรับคนป่วย
“ขอโทษครับคุณลุง” ตติยะเอ่ยทักทาย รปภ.สูงวัยที่นั่งประจำเคาน์เตอร์สำหรับตรวจเช็คคนเข้าออก
“มาหาใครครับคุณ”
“ผมมาหาเพื่อนน่ะครับ เขาพักอยู่ที่นี่แต่เขาไม่สบายผมเลยอยากฝากคุณลุงช่วยนำอาหารพวกนี้ไปให้เขาหน่อยได้ไหมครับ”
“เพื่อนคุณชื่ออะไร อยู่ห้องไหนล่ะ”
“เจนิตาครับ” ตติยะเลือกที่จะบอกแค่ชื่อเพราะไม่ทราบเหมือนกันว่ายัยเด็กแว๊นปากจัดพักอยู่ชั้นไหนห้องอะไร
“อ๋อ หนูเจนนั่นเองแล้วคุณไม่เอาขึ้นไปให้เองล่ะเดี๋ยวลุงบอกเลขห้องให้”
“เอ่อ...พอดีว่าผมต้องรีบไปธุระน่ะครับผมรบกวนคุณลุงหน่อยได้ไหมครับ”
“อ้อ ได้ๆถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวลุงจะเอาขึ้นไปให้ เพราะไม่สบายนี่เองถึงไม่เห็นลงมาข้างล่างเลยนี่มีคนเอามอเตอร์ไซค์มาคืนก็ยังไม่เห็นลงมาเอากุญแจลุงก็สงสัยอยู่ว่าหายไปไหน”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนคุณลุงด้วยนะครับ” ตติยะยื่นถุงอาหารให้ลุงยามพร้อมกับสินน้ำใจค่าเดินเป็นแบงก์สีม่วงหนึ่งใบเท่านั้นลุงยามก็ยิ้มแก้มปริและรีบกุลีกุจอเดินขึ้นไปบนตึกทันที เจนิตาลุกขึ้นไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะเธอแนบหน้าลงกับตาแมวเพื่อดูว่าใครกันที่มาเคาะเรียกเพื่อความปลอดภัยเมื่อเห็นว่าเป็นลุงยามที่คุ้นเคยกันดีจึงเปิดประตูรับ
“มีอะไรเหรอคะลุงยาม”
“มีเพื่อนหนูเจนเอาของกินมาให้น่ะ แต่เขารีบไปธุระเลยให้ลุงเอาขึ้นมาให้แทน” เจนิตาขมวดคิ้วอย่างสงสัยเพราะเธอนึกไม่ออกเลยว่าเพื่อนคนไหนเพราะนอกจากลดาวดีแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอพักอยู่ที่นี่ ซึ่งตอนนี้ลดาวดีไปต่างจังหวัดกับธีรภัทรและลูกสาวตัวน้อยกว่าจะกลับก็อีกหลายวันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนเธอจะซื้ออาหารมาให้
“เห็นเขาบอกว่าหนูไม่สบายลงไปข้างล่างไม่ไหวก็เลยซื้อมาฝาก คราวหลังบอกลุงได้นะถ้าลงไปไม่ไหวลุงจะได้ซื้อขึ้นมาให้”
“เอ่อ...ขอบคุณมากค่ะคุณลุง” เจนิตารับถุงอาหารมาถือไว้
“หายเร็วๆนะหนูเจนลุงไปก่อนทิ้งเคาน์เตอร์มานานๆเดี๋ยวเขาจะว่าเอา” เจนิตาถือถุงอาหารไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะสังเกตเห็นโน้ตเล็กๆที่ใส่มาในถุง ‘*ผมซื้ออาหารมาให้เห็นว่าไม่สบายเดี๋ยวจะอดตายคาห้องซะก่อน...ตติยะ*’
“เป็นไปได้ยังไงเนี่ย อีตาไฮโซหื่นกามนั่นซื้ออาหารมาให้เรา ไม่อยากจะเชื่อ” เจนิตามองโน้ตในมือสลับกับถุงอาหารไปมา ในเมื่อเขาซื้อมาให้เธอก็ไม่อยากขัดศรัทธาเจนิตาลงมือแกะข้าวต้มใส่ชามและรับประทานจนเกลี้ยงตามด้วยน้ำเต้าหูและปาท่องโก๋เพราะเธอเพิ่งฟื้นไข้ทำให้หิวมากเป็นพิเศษ เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยเธอจึงก้าวขึ้นเตียงและเปิดทีวีดูแก้เซ็งเนื่องจากได้แต่นั่งๆนอนๆมาหลายวัน ในทีวีกำลังเสนอข่าวบันเทิงที่นักข่าวกำลังรุมสัมภาษณ์ดาราสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังตกเป็นข่าวว่าควงตติยะขึ้นคอนโดและปรากฏภาพเจ้าตัวในชุดบิกินีสุดเซ็กซี่กำลังกอดจูบกับตติยะอย่างดูดดื่ม เจนิตาเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
“ยังคงคอนเซ็ปต์เจ้าชู้หื่นกามได้ตลอดจริงๆนะคุณตติยะ” มือเรียวกดเปลี่ยนช่องทันทีด้วยความหมั่นไส้นางเอกสาวที่ตีหน้าซื่อทำเป็นว่าไม่มีอะไรแค่รู้จักกันผิวเผิน ทั้งๆที่ภาพออกมาใครๆก็รู้ว่าเจ้าตัวและตติยะไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วถ้าหากไม่มีการคุมกำเนิดป่านนี้แม่นี่ก็คงท้องป่องออกมาให้โลกรู้ถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่มีต่อกันไปแล้ว
“หมั่นไส้แม่นางเอกแอ๊บแบ๊ว” เจนิตากดปิดทีวีแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ตติยะก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์อังคเดชาเพราะถูกมารดาโทรไปตามให้มาทานอาหารเย็นด้วยกันในวันนี้ตั้งแต่เขาเริ่มเป็นหนุ่มเต็มตัวตติยะก็ย้ายออกไปอยู่คอนโดเนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัวและสะดวกในการพาคู่ขามาค้างด้วยในแต่ละคืน ซึ่งเขาไม่อยากพาผู้หญิงพวกนั้นเข้ามาในบ้านอันเป็นสถานที่ส่วนตัวเพราะเขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าผู้หญิงที่เขาจะพาเข้าบ้านนั้นคือผู้หญิงที่เขาเลือกแล้วว่าจะให้มาเป็นแม่ของลูกเท่านั้น แต่จนอายุล่วงเลยเข้าวัยสามสิบสามปีเขาก็ยังไม่เจอผู้หญิงที่มีคุณสมบัติดีพอจะมาทำหน้าที่นั้นได้เลย ในชีวิตเขาพบเจอแต่ผู้หญิงรักสนุกหรือไม่ก็ผู้หญิงที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากเขาเท่านั้น เขาก็ได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะเจอผู้หญิงที่ดีพร้อมและรักเขาที่ตัวตนของเขาไม่ใชสมบัติพัสถานที่เขามีจนเหลือเฟือเหล่านี้
“โผล่มาได้แล้วเหรอยะพ่อตัวดี” คุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยทักทายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นานๆถึงจะได้เจอกันสักที
“คิดถึงคุณแม่จังเลยครับ” ตติยะโผเข้ากอดมารดาและก้มลงหอมแก้มท่านซ้ายขวาทำให้คุณหญิงช่อทิพย์ยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว
“คิดถึงแต่ไม่เคยมาหาแม่เลยนะ นี่ถ้าแม่ไม่โทรตามก็คงจะไม่ได้เจอ” คุณหญิงช่อทิพย์ตัดพ้อลูกชาย
“โถ่ คุณแม่ครับก็ช่วงนี้ผมยุ่งๆอยู่กับงานนี่ครับ”
“จ้า แม่จะพยายามเชื่ออย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าเราทำอะไร ยุ่งอยู่กับงานหรือมัวแต่โอ๋สาวๆอยู่กันแน่ แม่เห็นนะว่าเรากับแม่ดารานั่นน่ะควงกันไปถึงไหนต่อไหน บอกก่อนเลยนะเต้ว่าแม่ไม่ยอมรับผู้หญิงไร้สกุลรุนชาติแบบนั้นมาร่วมวงตระกูลเด็ดขาด” คุณหญิงช่อทิพย์บอกกับลูกชายด้วยท่าทีจริงจัง
“โถ่แม่ครับ ผมกับเขาก็แค่สนุกๆไม่ได้คิดจริงจังอะไรสักหน่อย”
“ให้มันจริงเถอะ ถ้าแค่คบกันประเดี๋ยวประด๋าวตามประสาผู้ชายแม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าเต้คิดจะจริงจังกับใครสักคนผู้หญิงคนนั้นจะต้องดีและมีฐานะเท่าเทียมกับเราเท่านั้น” ตติยะแอบถอนหายใจกับความเจ้ายศเจ้าอย่างของมารดาซึ่งต่างจากบิดาของเขาโดยสิ้นเชิง คุณประวิทย์พ่อของเขานั้นเป็นคนสมถะ เรียบง่าย คบคนได้ทุกระดับไม่แบ่งแยกชนชั้นด้วยเหตุนี้เขาจึงสนิทกับบิดามากกว่าเพราะคุยภาษาเดียวกัน
“แล้วคุณพ่อไปไหนล่ะครับคุณแม่ผมยังไม่เห็นเลย”
“ไปออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อนๆเขานั่นแหละ แต่แม่โทรไปบอกแล้วว่าวันนี้ลูกจะมาทานข้าวด้วยเดี๋ยวก็คงมา” ตติยะพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในห้องรับแขกเพื่อรอบิดามาร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน หลังจากที่เขาเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเต็มตัวพ่อของเขาก็เกษียนตัวเองโดยหันมาใช้เวลาในการท่องเที่ยวรอบโลกกับมารดา ตีกอล์ฟกับก๊วนเพื่อนสนิท แต่ท่านยังคงเป็นที่ปรึกษาให้กับเขาเสมอในเวลาที่เขามีปัญหาเพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนพ่อของเขาก็ยังคงได้ชื่อว่าเป็นเสือร้ายแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งความสามารถด้านนี้ก็ตกทอดมาถึงเขาอย่างไม่ต้องสงสัยทำให้ตติยะนำพา เอเค พร็อพเพอร์ตี้ โลดแล่นทะยานไปในถนนสายธุรกิจได้อย่างงดงามทั้งกิจการโรงแรมและบ้านจัดสรรที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
บนโต๊ะอาหารภายในคฤหาสน์อังคะเดชาวันนี้ทุกคนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าคุณประวิทย์จึงได้โอกาสสอบถามบุตรชายถึงเรื่องงานที่เขาพอจะทราบมาบ้างว่าโปรเจคล่าสุดของบุตรชายส่อเค้าจะวุ่นวายไม่น้อย
“ช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้างลูก พ่อได้ยินมาว่าโปรเจคล่าสุดดูท่าจะมีปัญหา”
“แหม การข่าวของคุณพ่อนี่เร็วดีจริงๆนะครับ” ตติยะแซวบิดายิ้มๆ ถึงท่านจะวางมือไปนานแล้วแต่เขาทราบดีว่าบิดายังคงคอยมองอยู่ห่างๆและคนของท่านในบริษัทก็มีมากมายที่คอยรายงานการทำงานของเขาให้บิดาทราบเสมอ
“เต้ลืมไปแล้วเหรอลูกว่าคุณพ่อน่ะได้ขึ้นชื่อว่าเสือร้ายแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรรอดหูรอดตาพ่อของลูกได้หรอกโดยเฉพาะเรื่องในบริษัทของเรา”
“ผมก็ว่าอย่างนั้นครับคุณแม่”
“เอาล่ะๆ อย่ามัวมาแซวกันเองอยู่เลยไหนลองเล่ามาซิว่ามันเป็นยังไง”
“ครับพ่อ โปรเจคล่าสุดของเราคือสร้างบ้านพักตากอากาศกลางหุบเขาที่จังหวัดอุทัยธานีครับ พื้นที่ตรงนั้นสวยมากถนนหนทางสะดวกสบาย อยู่ใกล้กับหุบป่าตาดแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ตั้งอยู่ในอำเภอลานสักห่างจากตัวจังหวัดประมาณหกสิบกิโลครับ อีกอย่างที่อำเภอนี้ไม่เคยประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติใดๆมาก่อน ตอนนี้พวกเศรษฐีกระเป๋าหนักกำลังให้ความสนใจที่นี่เป็นอย่างมากเลยครับพ่อ”
“ฟังดูน่าสนใจนะ รู้สึกว่าจังหวัดนี้จะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย วันก่อนพ่อเห็นข่าวสมเด็จพระเทพฯท่านเสด็จไปสร้างพระตำหนักไว้ที่จังหวัดนี้ด้วย”
“ใช่ครับ พระตำหนักของท่านอยู่ในตัวเมืองแต่ที่ดินที่เราต้องการสร้างบ้านพักนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาบรรยากาศเงียบสงบมากอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนและหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองหลวง”
“ดีๆพ่อเห็นด้วย และพ่อก็เชื่อมือเต้ว่าจะสามารถทำโปรเจคนี้ให้สำเร็จผ่านไปได้ด้วยดี แต่ถ้ามีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกพ่อได้เลยนะ”
“ตอนนี้ยังไม่มีครับพ่อแต่ในอนาคตผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะที่ตรงนี้เป็นทำเลทองผมได้รับรายงานจากคุณพิพัฒน์มาว่าผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ก็ต้องการที่ตรงนี้เหมือนกัน และดูท่าว่าเจ้าของที่จะพยายามโก่งราคาขึ้นอีกด้วยครับ”
“อืม” คุณประวิทย์พยักหน้ารับรู้
“ดูท่าจะวุ่นวายจริงๆ แต่พ่อเชื่อมือเต้ที่ดินสวยๆที่มีแนวโน้มว่าจะทำเงินได้ดีย่อมเป็นที่ต้องการแบบนี้แหละลูกที่ผ่านมาเรายังทำสำเร็จ ครั้งนี้พ่อก็เชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้นพ่อเชื่อว่าลูกทำได้” คุณประวิทย์ตบไหล่ลูกชายเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ขอบคุณครับพ่อ”
“แล้ววันนี้จะค้างที่นี่หรือเปล่าลูก” คุณหญิงช่อทิพย์ถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คงไม่หรอกครับแม่ ผมมีนัด” คุณหญิงค้อนขวับลูกชายทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“มีนัดกับสาวๆใจแตกพวกนั้นอีกล่ะสิ”
“โถ่...แม่ครับ อย่าไปเรียกเขาแบบนั้นสิครับ เราคบกันด้วยความพอใจทั้งสองฝ่ายเมื่อถึงเวลาก็ต่างแยกย้ายไม่มีอะไรผูกมัดกัน”
“ให้มันจริงเถอะ กลัวถึงเวลาจะเกาะเราเป็นปลิงไม่ยอมปล่อยน่ะสิ”
“ผมไม่ใช่เด็กอ่อนหัดจะให้ใครมาทำแบบนั้นได้หรอกครับแม่”
“จ้า พ่อคนเก่งไม่ใช่จู่ๆก็มีคนอุ้มท้องมาแนะนำตัวกับแม่หรอกนะ บอกไว้เลยแม่ไม่มีทางยอมรับแม่พวกผู้หญิงใจแตกใจง่ายพวกนั้นเด็ดขาด”
“ไม่เอาน่าคุณนานๆลูกจะแวะมาหาที เราจะพูดเรื่องไม่สร้างสรรค์ทำไม” คุณประวิทย์ปรามภรรยา
“ก็ได้ค่ะ ดิฉันจะเลิกพูดแต่อย่าให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่แม่บอกแล้วกันนะเต้เพราะแม่จะไม่มีวันยอม ผู้หญิงที่จะมาเป็นสะใภ้ตระกูลอังคเดชาของเราจะต้องมีพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติเท่าเทียมกันไม่อย่างนั้นคนเขาจะนินทาเอาได้” ตติยะแอบถอนหายใจกับความเจ้ายศเจ้าอย่างของมารดา สำหรับเขาแล้วขอแค่ผู้หญิงคนนั้นรักเขาที่ตัวตนของเขาและเขาก็รักเธอเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ตติยะอยู่คุยกับพ่อและแม่อีกครู่ใหญ่จึงขอตัวกลับเนื่องจากมีนัดกับดาราสาวหุ่นสะบึมที่เพิ่งมีภาพหลุดเป็นข่าวครึกโครมมาด้วยกันนั่นเอง