8
[DEMI]
สูทตัวนั้น
"คุณเฉินครับ... ล่ามก็ไม่รู้ความหมายครับ" เฉินกัดฟันกรามแน่น สันกรามที่ปูดขึ้นมาของเขาทำให้มือขวาหนาวไปถึงไขสันหลัง
"แค่นี้มึงแปลไม่ได้?..." คำถามนั้นพร้อมจะปลิดชีพหย่งเล่อ มาเฟียหนุ่มจ้องเขาด้วยสายตาจริงจัง
"ขออภัยครับ แต่ตอนนี้ผมทำได้แค่นี้ครับคุณเฉิน ล่ามของเราก็เป็นคนฮ่องกงไปอยู่ไทยไม่กี่ปี คำนี้คงเป็นคำสมัยใหม่ครับ ผมจะหาล่ามใหม่ที่เป็นคนไทยและเก่งกว่านี้ให้ได้ครับ"
เฉินไม่ตอบแต่รับมือถือกลับมา
เขารำคาญใจ อยากรู้ให้ได้ว่าคำว่า 'มุ้ย' มันแปลว่าอะไรกันแน่...
•••
[DEMI]
ฉันอยู่ที่ลำธารไม่นานก็กลับห้องพัก ใช้วันว่างๆนี้พักผ่อนกับครอบครัว ซึ่งคุณพ่อไม่พูดถึงเรื่องงานแต่งของฉันที่จะขยับเข้ามาเลย และฉันก็ไม่ได้ถามด้วยว่าใช่คุณเฉินไหม
ถึงจะสงสัยแต่เก็บไว้ในใจ เพราะจะเป็นใครก็ต้องแต่งอยู่ดี ฉันทำตามหน้าที่และทำตามที่รับปากกับเจเจ้ไว้อยู่แล้ว การไม่รับรู้ว่าเป็นใครยังดีกว่ารู้และรับไม่ได้
วันต่อมาเรากลับกรุงเทพกันแต่เช้า ปล่อยเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ฮันนีมูนกันต่อ พอถึงกรุงเทพฉันรีบแยกรถไปรับอ้อแอ้ที่หอพักและไปร้านเค้กก่อนเลย เวลาก็ผ่านมาหลายวันแล้วเผื่อคุณป้าจะรับฟังและใจเย็นขึ้นบ้าง
กับผู้ชายไม่รู้จะง้อขนาดนี้รึเปล่า...TT
"ร้านเปิดด้วยอ่ะ จัดไปสองปอนด์"
"โอ๊ยเดมี่อย่าหาทำฉันขอร้อง เธอกินขนาดนี้เทคโอเวอร์ร้านเลยไหม"
"เดมี่เคยขอเทคโอเวอร์ และจะทำสาขาเพิ่มแล้วแต่คุณป้าไม่ยอมขายอ่ะอ้อแอ้" อ้อแอ้เบิกตาโตอึ้งๆ
"โห ขนาดนั้นเลย"
"อื้อ... ไอเลิฟเค้ก ไอเลิฟสตรอว์เบอร์รี ถ้าแต่งงานด้วยได้เดมี่แต่งไปนานแล้วล่ะ" เพื่อนสนิทกอดอกโครงหัวเบาๆอย่างเหนื่อยใจ ก่อนที่บอดี้การ์ดจะเปิดประตูรถให้เราสองคนลงไปที่ร้าน
พี่พลส่งกระเช้าดอกไม้ให้ฉัน... ระหว่างทางไม่รู้จะง้อคุณป้ายังไง เราเลยแวะร้านดอกไม้สั่งจัดมาตะกร้าใหญ่
'กริ๊ง~'
เสียงประตูร้านเค้ก ครั้งนี้บอดี้การ์ดไม่ได้เข้าไปสำรวจก่อนเพราะฉันไม่อยากให้คุณป้าไล่ตะเพิดออกมา แต่เมื่อฉันกับอ้อแอ้ไปถึงเคาน์เตอร์เจอกับคุณป้า ผู้ชายใส่เสื้อจีนสีน้ำเงินสี่คนก็เดินออกมาจากในครัว
สี่คนนั้นมองฉันกับอ้อแอ้หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
"คุณเดมี่มาทำไมคะ" ฉันหันไปมองคุณป้าทันที
"คุณป้าคะ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่คนของเดมี่นะคะ เดมี่ถามหมดแล้วค่ะ แล้วตอนนี้ก็ให้บอดี้การ์ดสืบให้ด้วยว่าเป็นฝีมือใคร"
ป้าเจ้าของร้านหันไปพยักหน้ากับชายสี่คนก่อนจะเดินออกมาหาฉัน เราไปนั่งที่โต๊ะกันและฉันวางตะกร้าดอกไม้แสดงความขอโทษ ไม่เข้าใจเลยทำไมต้องคิดว่าเป็นฉันด้วย ฉันดูมีพิษมีภัยกับใครที่ไหน TT
"ทางที่ดีคุณเดมี่อย่ามาที่นี่อีกเลยค่ะ"
"คะ?" ไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจ อ้อแอ้ก็ตกใจมาก
"ทำไมคะ" อ้อแอ้ถาม
"อาเฟยโดนทำร้ายโดยคนมีอิทธิพล เราไม่เคยข้องเกี่ยวกับใครเลยนอกจากคุณเดมี่ และอาเฟยยอมรับเองว่าเขามองคุณเดมี่มากไป ถ้าคุณมาที่นี่อีกเรื่องมันอาจจะใหญ่กว่านี้ก็ได้ค่ะ อย่ามาเลยนะคะถ้าอยากกินเค้กป้าจะให้เมสเซนเจอร์ไปส่งให้"
แง... น้ำตาจะไหล ไม่เอาสิ ไม่บอกเลิกกันแบบนี้ อ้อแอ้จับมือฉันแล้วพยักหน้า ส่งสัญญาณให้พออย่าตื้อไปมากกว่านี้ แถมเธอยังชำเลืองไปที่ชายสี่คนหลังเคาน์เตอร์อีก
"กะ ก็ได้ค่ะ เดมี่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เดมี่ไม่รู้เรื่องนี้นะคะ แต่ถ้าเข้าใจแบบนั้นไปแล้วเดมี่ก็จะไม่มาให้คุณป้าสบายใจค่ะ"
"ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ"
พูดจบคุณป้าเจ้าของร้านก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปที่หลังเคาน์เตอร์ จากนั้นจัดการยกเค้กสตรอว์เบอร์รีทั้งปอนด์ใส่กล่องและใส่ถุงกระดาษอีกที ฉันจำใจลุกขึ้นไปจ่ายเงินท่ามกลางสายตาของผู้ชายสี่คนที่จ้องไม่วางตา และสายตาของคนพวกนั้นก็ทำให้บอดี้การ์ดฉันถึงกับยืนประชิดตัวฉันไว้
ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย สงสัยต้องรีบไปแล้ว
"นามบัตรร้านอยู่ในถุง แอดไลน์หรือโทรมาก็ได้ค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ พี่พลคะ อ้อแอ้กลับกันเถอะ"
อ้อแอ้เดินมาจับมือฉันเดินออกไปจากร้าน อย่าว่าแต่ผู้ชายสี่คนนั้นเลยที่มองแรง บอดี้การ์ดฉันแทบจะชักปืนออกมาแล้ว ทุกคนประกบฉันพาขึ้นรถก่อนจะรีบขับออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
"ผมต้องรายงานเรื่องนี้กับท่านแทนคุณและคุณเดนิสครับ"
พี่พลเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เรื่องอะไรคะ"
"สายตาของคนพวกนั้นอาจจะทำให้คุณเดมี่ได้รับอันตรายครับ" ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย อย่าทำให้ฉันอดกินเค้กได้ไหม!>[]<
"พอเถอะค่ะพี่พล มันไม่มีอะไรหรอกค่ะ คนพวกนั้นก็คงจะโกรธคิดว่าเราทำหลานเขานั่นแหละ ไม่รู้คนบ้าป่าเถื่อนที่ไหนไปทำร้ายคุณเฟยฉี คนซวยเลยเป็นเดมี่เลย"
พี่พลเงียบไปและมองหน้าบอดี้การ์ดอีกคนที่ขับรถ ส่วนฉันเปิดกล่องเค้กหยิบช้อนพลาสติกที่ติดมาด้วยตักเค้กกิน บางครั้งก็อยากลากตัวเองไปเลิกที่ถ้ำกระบอก นี่มันสารเสพติดชัดๆเลย ขาดเธอขาดใจและรสชาติที่ไหนก็ไม่สู้ร้านนี้
แต่หันไปเห็นอ้อแอ้นั่งเล่นมือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฉันก็ตักเค้กเอี้ยวไปป้อนเธอ
"อ้ำๆๆ"
"ขอบใจมากเดมี่ แต่ฉันกำลังเซ็งๆอยู่ กินไม่ลง" ฉันกินเค้กคำนั้นแทน แต่ยังคงมองหน้าอ้อแอ้อยู่ จริงด้วยหน้าอ้อแอ้ดูเครียดๆ ไม่ถูกหวยอีกแล้วสินะ
"เรื่องอะไรเหรอ? หรือไม่ถูกหวย?"
"เปล่า เรื่องโดนหวยกินเป็นเรื่องปกติ ฉันแค่รู้สึกดีกับผู้ชายคนนึง แต่ไม่รู้เขาเป็นยังไง เดาใจยากมาก เขาดีกับฉันทุกอย่างเลยนะ แต่บางครั้งก็เฉยเมยจนฉันไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง"
ฉันเบิกตาโตจ้องเพื่อนตัวเองและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเพราะสายตาอ้อแอ้ดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
"จริงป่ะเนี่ย ใคร? หล่อไหม?" อ้อแอ้มองไปข้างหน้าแวบหนึ่งก่อนจะมองหน้าฉัน แน่นอนว่าฉันมองตาม สายตาของเธอมองพี่พลกับคนขับรถ
"เธอรู้จัก เอาไว้ฉันค่อยบอกแล้วกัน ส่งฉันตรงนั้นด้วยจะซื้อของเข้าห้องหน่อย" ฉันออกคำสั่งบอดี้การ์ดทันที แล้วหันมาถามอ้อแอ้
"ให้ไปเป็นเพื่อนไหม?"
"ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เจอกันนะอย่ากินเค้กหมดปอนด์ล่ะ เป็นห่วง"
"โอเคค่ะ"
เมื่อเพื่อนฉันลงจากรถฉันกลับรู้สึกไม่สบายใจ ขณะที่รถหรูขับผ่านร่างบางที่กำลังเดินก้มหน้าริมฟุตบาท มือฉันกดลดกระจกลงแล้วเกาะประตูไว้
"อ้อแอ้จ๋า รักอ้อแอ้น้าาาา ใครเข้าใจยาก ใครไม่ชัดเจน แต่เดมี่เข้าใจอ้อแอ้มากๆนะ^^"
อ้อแอ้หันมายิ้มให้ฉันแล้วโบกมือบ้ายบาย
"รักเธอเหมือนกันเดมี่ เอาหน้ากลับเข้าไปได้แล้วอันตรายนะ"
ฉันถอยกลับแล้วปิดประจก และหลังจากนั้นบอดี้การ์ดก็ล็อกกระจกทุกบานกึก!ทันที เพราะแบบนั้นมันอันตรายมาก ถ้ารถเฉี่ยวฉันคอพี่ๆก็อาจจะขาดด้วยเหมือนกัน
ถึงตึกไลออนข้าวของทุกอย่างก็มีคนยกลงจากรถไปเก็บให้ ฉันถือเค้กและตักกินเรื่อยๆเดินผ่านบอดี้การ์ดที่ยืนเรียงแถวก้มคำนับ ก่อนจะกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นเพนท์เฮาส์ของตัวเองที่อยู่เกือบถึงชั้นบนสุด
มาถึงก็วางเค้กไว้ที่โต๊ะกลางนั่งพับเพียบที่พื้น เปิดซีรีส์จีนที่กำลังติดอยู่ดู แต่พี่น้ำเต้าแม่บ้านที่ดูแลเพนท์เฮาส์นี้อยู่ๆก็เดินถืออะไรบางอย่างมาหา
"คุณเดมี่คะ ขออนุญาตค่ะ สูท..." ฉันหันขวับไปมอง พอเห็นว่าพี่น้ำเต้าถือสูทอยู่ ช้อนในมือก็ทิ่มลงเค้กทันทีก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นและวิ่งไปคว้ามากอดไว้
"สูทนี้ไม่ได้ค่ะ มันไม่ใช่ของเดมี่"
"ค่ะๆ น้ำเต้าขอโทษค่ะ อยากให้น้ำเต้าส่งซักรีดให้ไหมคะ" ฉันจับสูทยกขึ้นดู ก่อนจะตัดสินใจดมฟุดฟิด หอมจัง กลิ่นเขาเลย ดมแล้วรู้สึกเหมือนคุณเฉินนั่งอยู่ที่ปลายจมูก
"เอ่อคุณเดมี่... ซักไหมคะ"
"ไม่ต้องค่ะเดี๋ยวเดมี่คืนเจ้าของ แล้วพี่น้ำเต้าก็อย่าจับสูทตัวนี้อีกนะคะ เจ้าของสูทเขาเป็นคนหวงของมาก"
"ค่ะๆ"
ฉันยิ้มหวานให้แม่บ้านแล้วถือสูทกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นหยิบไม้แขวนอย่างดีแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าในห้องแต่งตัว แต่เสื้อผ้าฉันเบียดและเยอะมาก ไม่ได้ๆ เดี๋ยวยับ... เอาออกมาแขวนข้างนอกดีกว่า อีกอย่างเดี๋ยวลืมคืนเขาอีก
ข้างนอกไม่ใช่นอกตู้หรอกนะ ฉันถือสูทออกมาที่ห้องนอนและแขวนที่ราวริมกระจก ก่อนจะก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวยืนกอดอกเอียงคอมอง ตอนที่แสงแดดสาดเข้ามาอ่อนๆสีแดงของไหมซาตินฝรั่งเศสทอประกายสวยมาก
จนริมฝีปากฉันเผยยิ้มบางๆออกมา...
"เฮ้อ~ คุณเฉินชอบหายตัวจัง อย่าลืมกลับมาเอาสูทคืนนะคะ ไม่อย่างงั้นเดมี่จะลงขายในลาซาด้าจริงๆด้วย^^"