"บรรยากาศดีมากเลยนะคะที่นี่" เมษาเป็นคนช่างพูดช่างคุย ตลอดทางเดินสาวน้อยจะเป็นคนชวนปรเมศวร์คุยซะส่วนใหญ่
"แต่พี่ชอบทะเลมากกว่านะ พี่มีรีสอร์ตอยู่ภูเก็ต ถ้าวันไหนเมษาว่างจะชวนแฟนไปเที่ยวพักผ่อนพี่ก็ยินดีต้อนรับนะครับ"
"ว้าว ภูเก็ตเลยเหรอคะ ไว้ถ้ามีโอกาสเมษาจะไปใช้บริการรีสอร์ตพี่เมศวร์นะคะ"
"หวังว่าจะได้รับใช้เมษาสักวันนะครับ ใกล้ถึงแล้วครับอีกห้าสิบเมตร เดินไหวหรือเปล่า?"
"สบายมากค่ะ แต่ก็เหนื่อยเอาเรื่องอยู่นะ เมษาไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่นัก"
"ตัวเล็กมากเลยนะเรา อ้วนขึ้นกว่านี้ก็ท่าจะดีไม่น้อย"
เสียงพูดคุยเหมือนกับคนรู้จักกันมานาน ทำให้เมษารู้สึกผ่อนคลายอยู่มาก
สองหนุ่มสาวหาเรื่องมาพูดคุยกันไปตามทางเดินเล็ก ๆ จนไปเจอน้ำตกสีเขียวมรกต ที่มากไปด้วยฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายทวนน้ำวนไปเวียนมา
"ว้าว! ที่นี่สวยมากเลยค่ะ"
"ดีใจที่เมษาชอบนะ ลงไปเล่นน้ำก็ได้นะครับ"
"เสียดายนะคะ ไม่ได้เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปด้วยเลย"
"เดี๋ยวพี่ถ่ายจากมือถือแล้วส่งให้เมษาทีหลังก็ได้ ยืนโพสท่าสวย ๆ สิครับอยากได้มุมไหนเลือกเลย"
โทรศัพท์เครื่องหรูถูกหยิบยกขึ้นมา กดซัตเตอร์ถ่ายภาพนางแบบหน้าหวานภาพแล้วภาพเล่า นอกจากจะเอาไว้ส่งให้เมษาแล้ว เขาจะถือวิสาสะเก็บไว้เป็นที่ระลึกส่วนตัวด้วยเลย
"ไม่รู้ว่าช่างภาพถ่ายเก่งหรือว่าเมษาหน้าตาดีเกินไปนะครับ ดูดีไม่มีที่ติเลย ฮ่า ๆ ๆ" ปรเมศวร์แซวขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมษายิ้มสวยและมีเสน่ห์ จะไม่ให้ตกหลุมรักเธอได้อย่างไรไหว
"เมษามีไลน์หรือเปล่า กดเพิ่มเพื่อนแล้วส่งรูปเข้าเครื่องได้เลยนะครับ"
โทรศัพท์ในมือถูกยื่นให้คนตัวเล็กตรงหน้า ได้ตรวจเช็กรูปถ่ายฝีมือตากล้องจำเป็นในวันนี้
"โห ถ่ายสวยมากเลยค่ะพี่เมศวร์ สงสัยต้องรบกวนอีกแล้วล่ะ"
ผิดกับคนเป็นสามีที่เวลาบอกให้ถ่ายรูปให้สักภาพ ไม่เคยจะถูกใจเลยสักครั้ง แถมยังบ่นมากจนไม่เคยจะมีรูปภาพสวย ๆ เก็บไว้ดูกับเขาบ้างเลย
"พรุ่งนี้ถ้าเมษาเหงา ไม่ไกลจากตรงนี้ยังมีที่ให้เที่ยวอีกเยอะเลยนะครับ เดี๋ยวพี่พาไปถ้าแฟนเมษาเขาอนุญาตนะ"
"เขามาสัมมนาน่ะค่ะ เขาคงไม่ว่างพาเมษาเที่ยวเล่นหรอก มีพี่เมศวร์เป็นเพื่อนก็ดี เมษาจะได้ไม่เหงา"
ถึงตะวันฉายจะไม่ยุ่งกับงานสัมมนา แต่ถ้าคนที่เคยเป็นคนพิเศษมาอยู่ที่นี่ด้วย เขาอาจจะวุ่นวายกับการเทคแคร์เธอคนนั้นมากกว่า แค่คิดก็ชวนให้เจ็บในอกอยู่ไม่น้อย
"แฟนเมษาเป็นหมอเลยเหรอ ว้าวท่าทางจะเป็นคนที่อบอุ่นมากเลยสิงั้น"
อบอุ่นแต่กับคนอื่นนั่นแหละ แต่กับคนที่บ้านหวานอมขมกลืน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางทีอยากจะเลิกรัก อยากจะเลิกสนใจแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะรักมากเกินกว่าจะเดินถอยออกมาเอง ได้แต่เก็บความน้อยอกน้อยใจเอาไว้ทั้งหมด
ถ้าหากในอนาคตอีกสองปีข้างหน้าเขายังไม่เห็นค่ากันอยู่ คงต้องถึงเวลายกธงขาวโบกมือลาไปก่อนแน่ ๆ เมษายิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกในหัวใจ เพราะถึงอย่างไรปรเมศวร์ก็เป็นคนที่ตนพึ่งจะรู้จัก ไม่มีเหตุผลที่จะเล่าเรื่องราวในชีวิตให้อีกคนได้รับรู้กับปัญหา ได้รู้จักกับปรเมศวร์วันนี้ก็ดี อย่างน้อยในระหว่างที่พักอยู่ที่นี่ก็จะได้ไม่ต้องเงียบเหงาหรือรู้สึกเบื่อเวลาที่ตะวันฉายไม่สนใจกัน
อุบัติเหตุระหว่างทางเดินมักเกิดขึ้นได้เสมออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมษาเดินไม่ทันระมัดระวังถึงกับทำให้ลื่นล้มบนโขดหินของน้ำตก ทำให้ร่างของคนตัวเล็กที่แสนบอบบางน่าทะนุถนอม ต้องมีสีหน้าเหยเกเมื่อโดนอีกคนกำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เธออยู่
"ข้อเท้าพลิกน่ะครับ เจ็บหน่อยนะ"
น้ำเสียงที่พูดขึ้นมีแต่ความห่วงใยส่งมอบให้กัน ฝ่ามือหนายังช่วยนวดคลึงเท้าเรียวของคนตรงหน้าบรรเทาอาการที่เจ็บปวดไปมาเบา ๆ
"เมษาคงเดินกลับไม่ไหวแล้วล่ะค่ะแบบนี้"
สีหน้าที่ดูเป็นกังวลรีบตอบกลับ ใบหน้าหล่อของปรเมศวร์แหงนขึ้นมอง พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่นอีกครั้ง
"เดี๋ยวพี่พากลับ เมษาไม่ต้องเป็นกังวลขนาดนั้นหรอกนะ มีพระเอกอยู่ตรงนี้ทั้งคนนี่นา ขึ้นขี่หลังพี่เดินกลับสบายมากเลยครับ"
"เกรงใจพี่เมศวร์น่ะสิ เมษามาเป็นภาระของพี่อีกแล้ว"
"ภาระอะไรล่ะ ก็เมษาเกิดอุบัติเหตุนี่นา มาครับขึ้นหลังพี่มาเลย เดี๋ยวพี่พากลับไปส่งที่ห้อง กลับไปประคบเย็นที่ห้องอีกน่าจะทุเลาลงกว่านี้"
แผ่นหลังกว้างที่บึกบึน หันไปรอให้อีกคนได้ขึ้นมานั่ง เวลานี้เมษาคงมีทางให้เลือกได้ไม่มากเท่าไหร่นัก จึงยอมขึ้นหลังโอบรอบคอของปรเมศวร์เอาไว้ ชายหนุ่มร่างโตเดินพากลับไปตามทางเดินเดิมอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
"หนักไหมคะ เมษาเกรงใจจังเลย"
"หนักอะไรล่ะ ตัวเบามาก กินข้าวให้มันเยอะ ๆ หน่อยสิครับ"
ใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบทำให้เวลาที่ปรเมศวร์หันกลับมาพูดคุยด้วย แทบจะแนบชิดสัมผัสกัน ทำเอาคนที่ไม่เคยจะอยู่ใกล้ชิดกับใครคนอื่นนอกจากสามีที่แต่งงานด้วย ต้องหน้าแดงปลั่งขึ้นอย่างอดไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไรแต่รู้สึกเขินที่ต้องมาอยู่ใกล้กับปรเมศวร์อย่างเช่นตอนนี้