ตอนที่4

2105 คำ
การพรีเซนต์งานต่อหน้าคนอื่นทำให้มุกดารู้สึกตื่นเต้นมาก เหงื่อซึมออกตามนิ้วมือจนเปียกชื้นไปหมด ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกๆหอบเอาความหวังของเพื่อนอีกสองคนเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ ไล่ความอายความเขินทำหน้าที่อย่างมืออาชีพที่สุด จอโปรเจกต์เตอร์ที่ต่อกับโน้ตบุ๊กส่วนตัวของมุกดาเปิดคลิปวิดีโอขึ้นมาเป็นการนำเสนอบริษัทสตาร์ตอัปเล็กๆของเธอที่รับทำงานเกี่ยวกับการออกแบบแอปพิลเคชันและเว็บไซต์ออนไลน์ เหล่าขณะกรรมที่นั่งหน้าตึงส่งแรงกดดันมาให้ มีเพียงธนัชเท่านั้นที่ส่งยิ้มบางๆเป็นกำลังใจ มุกดาสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งใบหน้าสวยฉีกยิ้มบางๆแล้วเริ่มการพรีเซนต์ทันที “สวัสดีค่ะ ดิฉันมุกดาจาก MOP Soft…” ขณะที่มุกดากำลังพรีเซนต์ด้วยความมั่นใจ จู่ๆประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของผู้หญิงคนหนึ่ง การปรากฏตัวของเธอทำให้คณะกรรมการที่ตั้งใจฟังการพรีเซนต์ของมุกดาลุกยืนขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะคะ ท่านผอ.อยากเข้าร่วมการพรีเซนต์ด้วย” มุกดานิ่งงันหัวใจตกลงไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อผู้ร่วมฟังการพรีเซนต์คนใหม่เดินเข้ามาในห้องประชุม ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่… เกิดคำถามมากมายดังขึ้นมาในหัว ผู้ชายร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสวบทับด้วยเสื้อสูทสีดำกึ่งทางการและกางเกงชิโน่สีดำ ผมรองทรงถูกเซตไปด้านข้างเผยใบหน้าคมหล่อเหลา เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากไม่เหลือเค้าโครงตำนานของขึ้นชื่อแห่งวิศวะเครื่องกลเลยสักนิด ผ่านไปแค่สองปีเวธัสทำให้มุกดารู้สึกประหลาดใจ จะว่าก็ว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้ามุกดาไม่ได้สังเกตใบหน้าแฟนเก่าเลย สิ่งที่เหลือในความทรงจำคือk.ใหญ่ยาวไซซ์64… นัยต์ตาคมปลาบจ้องมองมาทำให้มุกดาได้สติ เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัว ตอนอยู่ในชุดนักศึกษาว่าหล่อแล้ว ตอนนี้มุกดารู้สึกว่าแฟนเก่าของเธอหล่อขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า ยิ่งไฝเม็ดเล็กที่อยู่ตรงหางตานั่นอีก มันดูมีเสน่ห์ดึงดูดให้น่ามองราวกับต้องมนต์ “เริ่มใหม่อีกรอบนะครับ” เวธัสเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่หัวโต๊ะประชุมแล้วนั่งลงด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่นานนักพวกคณะกรรมการก็นั่งตามโดยไม่มีใครคัดค้าน บรรยากาศกลับเข้ามาสู่การทำงานอีกครั้งแต่ครั้งนี้เหมือนจะมีแรงกดดันมากกว่าครั้งแรก จนบรรยากาศรอบข้างตึงเครียดตามไปด้วย มุกดามองไปหาธนัชเพื่อขอความเห็น พี่ชายข้างบ้านพยักหน้าเบาๆ มุกดาจึงต้องกัดฟันตั้งสติและเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง “สวัสดีค่ะ ดิฉันมุกดาจาก MOP Soft…” ห้องประชุมเงียบกริบมีเพียงเสียงใสของสาวสวยนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังพรีเซนต์ถึงธุรกิจของตัวเอง “ทางเราได้ลองสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการกำจัดไวรัสบนเครื่องมือสื่อสาร เป็นโปรแกรมที่สามารถดักจับไวรัสที่แฝงเข้ามากับโฆษณาหรือเว็บไซต์เถื่อน…” ระหว่างที่มุกดากำลังพรีเซนต์งานอยู่นั้นจู่ๆเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอก็เกิดขัดข้อง หน้าจอเปลี่ยนเป็นสีฟ้ามีป๊อปอัปเล็กๆเขียนว่ากำลังอัปเดตวินโดว์และเครื่องก็ดับวูบไป ท่ามกลางความมึนงงของคณะกรรมการและตัวมุกดาเอง เวรแล้วไอ้มุก! ดันตั้งค่าอัปเดตวินโดวอัตโนมัติ ซวย!!! “เอ่อคือ คือขอโทษสำหรับความผิดพลาดทางเทคนิคนะคะ คือว่าถ้าจะขอยืมโน้ตบุ๊กของทางบริษัทจะได้ไหมคะ” “ได้…” “ไม่ได้ครับ” ธนัชที่กำลังออกตัวช่วยต้องเงียบปากลงทันทีเมื่อท่านผอ. เป็นคนปฏิเสธด้วยตนเอง สายตาคมจ้องไปที่หัวหน้าการตลาดทีมหนึ่งก่อนจะหันกลับมามองสาวสวยที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “บริษัทมีกฎห้ามเสียบแฟลชไดร์ฟหรือโหลดข้อมูลจากภายนอก เมื่อกี้คุณพึ่งจะพูดเองว่าแอปพลิเคชันของคุณคือการกำจัดไวรัส ถ้านี่คือแผนการบางอย่างที่คุณต้องการปล่อยไวรัสเข้าเซิร์ฟเวอร์บริษัทของเราเพื่อให้คุณได้แสดงประสิทธิภาพว่าคำสั่งชุดข้อมูลการกำจัดไวรัสที่คุณเขียนมาทำงานได้ผล ขอโทษที่คิดอย่างนี้นะครับผมแค่เล่าถึงความเป็นไปได้” มุกดากำมือแน่นด้วยความโกรธจัด โปรเจกต์ชุดนี้เธอและเพื่อนๆตั้งใจทำเพื่อมาเสนอให้กับนักลงทุนด้วยความเหนื่อยยาก ทุกอย่างทำมาด้วยความสามารถของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีทางทำเรื่องสกปรกตามที่เขากล่าวหาแน่นอน “ตัวเองจบเครื่องกลมาแท้ๆจะมารู้ดีเรื่องซอฟต์แวร์ได้ยังไง” เพราะความโกรธมุกดาถึงได้พูดโพล่งออกไป ก็จริงอยู่ที่ว่ามันอาจจะมีกรณีแบบนี้ แต่ตัวเขาที่รู้จักเธอดีกว่าใครทำไมถึงพูดแบบนี้ออกมา “หืม คุณรู้จักผมหรือครับถึงได้รู้ว่าผมจบวิศวะเครื่องกลมา” จบประโยคสายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่มุกดา ร่างเล็กกัดริมฝีปากอย่างอดทน จิกเล็บเข้าเนื้อจนรู้สึกเจ็บเกิดอาการร้อนๆที่ขอบตาก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาหวิว “ไม่ค่ะ ไม่รู้จัก” “ถ้าหากคุณบริสุทธิ์ใจจริงๆเราจะให้โอกาสคุณได้เตรียมตัวและกลับมาพรีเซนต์อีกครั้ง แต่ครั้งหน้าคุณต้องมาพรีเซนต์กับผมโดยตรง สำหรับโปรเจกต์นี้ผมจะรับผิดชอบเองมีใครคัดค้านไหมครับ” ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ ความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าท่านผอ.เวธัสจะรับผิดชอบโปรเจกต์นี้เพียงผู้เดียว การพรีเซนต์จบเพียงเท่านั้นเมื่อท่านผอ.ก้าวออกจากห้อง คณะกรรมการก็ลุกตามออกไปทั้งหมดเหลืองเพียงธนัชที่รีบเดินเข้ามาหามุกดาที่ยืนก้มหน้าเงียบๆ “ไม่เป็นไรนะมุก” ธนัชถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง การพรีเซนต์ครั้งแรกก็ถูกสับเละจนไม่มีชิ้นดี คนที่มีมั่นใจสูงมาตลอดคงรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย “ไอ้คนนิสัยเสีย ไอ้บ้านั้นจบเครื่องกลมาแท้ๆ ไอ้หมาบ้า” อยากจะกระชากหน้านิ่งๆขี้เก๊กนั้นสักทีสองที หน๊อยไอ้แฟนเก่าคนเปรตเจอหน้าอีกทีจะต่อยให้หายแค้น ธนัชหลุดขำเขานึกว่ามุกดาจะเสียใจจนร้องไห้ที่ไหนได้น้องสาวข้างบ้านกำลังทำท่าโมโหพร้อมล้างแค้นทุกครั้งเมื่อมีโอกาส “ว่าแต่มุกรู้จักคุณเวธัสด้วยเหรอ” “เขาเป็นรุ่นพี่ที่คณะนะ แต่จบไปก่อน” มุกดาไม่มีวันบอกหรอกว่าไอ้บ้าคนนั้นคือแฟนเก่าคนเปรตที่เคยหักอกเธอเมื่อสองปีก่อน “อ๋อ แต่มุกคงไม่รู้ใช่ไหมนอกจากคุณเวธัสจะจบวิศวะเครื่องกลแล้วเขายังจบ ป.โท ที่อังกฤษ สาขาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ด้วยนะ” มิน่าถึงได้เถียงเธอฉอดๆ ไอ้พี่เวย์บ้าทำเธออกหักแล้วตัวเองหนีไปเรียนต่อเมืองนอก มิน่าช่วงแรกๆที่เลิกกันไปถึงไม่มีข่าวคราวของเขาเลย คิดแล้วก็แค้น น่าเจ็บใจนัก “ยังไงก็มีโอกาสนะมุก พี่ว่าวันนี้ถ้าไม่ติดว่าคอมมีปัญหาการพรีเซนต์งานของมุกถือว่าดีเลยทีเดียว” “จริงเหรอพี่นัท มุกตื่นเต้นแทบแย่แน่ะ” “มุกทำดีแล้วลองกลับไปเช็กอีกรอบพี่ว่ามีโอกาสมากเลยล่ะ” “ขอบคุณนะพี่นัท” มุกดาซาบซึ้งใจ พี่ชายข้างบ้านใจดีเสมอไม่เหมือนใครบางคน! ก่อนกลับมุกดาแวะซื้อชานมหวานน้อยแก้วหนึ่งที่คาเฟ่ไม่ไกลจากบริษัทนัก พอได้ดูดชานมของโปรดก็รู้สึกได้ว่าพลังชีวิตที่หายไปค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ร่างสวยเดินเตร็ดเตร่อยู่บนฟุตบาทดื่มด่ำกับชาสีส้มรสชาติเข้มข้น พอร่างกายได้รับน้ำตาลก็อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย บี๊บๆ รถเก๋งคันหรูยี่ห้อสี่ห่วงขับมากระชั้นชิดบีบแตรเป็นสัญญาณแล้วลดกระจกลง พอมุกดาเห็นหน้าคนขับก็รีบสาวเท้าเดินให้ไวขึ้น “ขึ้นมาค่ะ พี่จะไปส่ง” มุกดาเมินคำเชิญของเขา ร่างสวยรีบก้าวขายาวๆแต่เหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของเธอเมื่อรองเท้าส้นสูงสะดุดกับขอบฟุตบาททำให้มุกดาเสียหลักล้มลงกับพื้น แก้วชานมที่ถือในมือหกกระจาย เวธัสรีบเปิดประตูลงมาจากรถ อุ้มร่างเด็กดื้อขึ้นมาแนบอก มุกดาดิ้นขลุกขลิกจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ “ปล่อยนะ!” “ดื้อจนเจ็บตัวแล้วยังไม่เข็ดถ้ายังดิ้นอีกพี่จะทิ้งลงตรงนี้แหละ” ได้ผลเมื่อหญิงสาวหยุดดิ้นแล้วอยู่นิ่งๆ เวธัสอุ้มเธอขึ้นรถจัดการรัดเข็มขัดให้เสร็จสรรพ พอจัดการคนตัวเล็กเสร็จเขาก็วิ่งอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ “เจ็บตรงไหน มีแผลหรือเปล่า” อีกฝ่ายยังคงเงียบ “ถ้าไม่ตอบพี่จะแก้ผ้ามุกออกแล้วเข้าไปสำรวจเองนะ” มุกดาหันขวับ ดวงตากลมจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ไม่เจ็บไม่มีแผลค่ะคุณผอ. แวะส่งดิฉันตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าจะขอบพระคุณมาก” ถ้อยคำประชดประชันไม่ได้ทำเวธัสรู้สึกโกรธเลยสักนิด ไม่เจอกันตั้งสองปีมุกดายังชอบพูดกระแทกกระทั้นเวลาที่ไม่พอใจเหมือนเดิม “โกรธเหรอคะ” มุกดาเม้มริมฝีปากจะไม่ให้โกรธได้ยังไงก็เขาหักหน้าเธอกลางห้องประชุมขนาดนั้น ทำการพรีเซนต์งานครั้งแรกพังไม่เป็นท่า “เอามือมาให้พี่ดูค่ะ” แน่นอนว่ามุกดาไม่ทำตามที่เขาสั่งอยู่แล้ว ร่างสูงจึงดึงมือทั้งสองข้างของเด็กดื้อเข้ามาใกล้ตัว “แบมือค่ะ อย่าให้พี่พูดซ้ำ” เขาใช้น้ำเสียงดุเมื่อมุกดาทำตัวดื้อเงียบ คนตัวเล็กหรี่ตามอง ถึงจะขัดใจแต่มือของมุกดาก็ค่อยๆคลายออก “พี่เคยบอกแล้วนะคะว่าเวลาโกรธห้ามจิกเล็บลงเนื้อตัวเองแบบนี้ ต่อไปไม่ต้องไว้เล็บยาวแล้ว” นิสัยที่เวธัสไม่ชอบมากๆของมุกดาคือเวลาที่โกรธหรือรู้สึกกดดันมากๆจะชอบกำมือจิกเล็บจนเป็นแผล ถึงจะไม่ใช่บาดแผลใหญ่แต่ก็เป็นแผลที่มีเลือดชิบ “เป็นใครถึงได้มาสั่ง ไม่ให้ทำนู่นทำนี่” มุกดาดึงมือทั้งสองข้างกลับมากอดไว้ที่หน้าอก “เป็นคนที่ได้เสียกันเมื่อคืนไงคะ” “ไอ้พี่เวย์!” “ว่าไงคะ” มุกดาอยากใช้เล็บมือข่วนคนหน้าหล่อที่ยกคิ้วให้อย่างกวนๆ “เรื่องเมื่อคืนก็ทำเหมือนที่พี่ถนัดค่ะ มุกแค่เมาแล้วหาเพื่อนนอน ส่วนพี่ก็ฟันดะเป็นปกติอยู่แล้วถือว่าวินวินกันทั้งสองฝ่าย” เมื่อก่อนแฟนเก่าเธอขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงจะตาย ตำนานเครื่องเจ็ดยับของวิศวะเครื่องกลไม่ได้มาเพราะหน้าหล่อกับโจยใหญ่ยาวอย่างเดียวหรอกนะ ก่อนคบกับเธอเขาก็ฟันสาวไปเกือบครึ่งมหาลัย พอได้มาคบกันยังไม่วายมีผู้หญิงตามมาอ่อยไม่จบไม่สิ้น ไม่อยากจะรื้อฟื้นแต่สาเหตุหลักๆที่เลิกกันก็เพราะเรื่องผู้หญิงนี่แหละ “ทำบ่อยหรือเปล่ามุก” “อะไรคะ” “ที่หาเพื่อนนอน” “ก็ตั้งเลิกกับพี่” “หึ” มุกดาหันไปมองหน้าแฟนที่ทำท่ากลั้นขำราวกับว่าเรื่องที่เธอพูดมันเป็นเรื่องตลก “พี่หัวเราะอะไร” “เปล่าค่ะ” “เปล่าอะไรเมื่อกี้พี่ทำท่าหัวเราะ หรือพี่คิดว่ามุกโกหก เหอะ! มุกสวยขนาดนี้ก็ต้องมีคนอยากได้อยู่แล้ว ตัวเองฮอตเป็นคนเดียวหรือไง” สีหน้าของเวธัสไม่มีอารมณ์โกรธหรือโมโหเลยสักนิด กลับกันเขากลับยิ้มบางๆและเอ่ยประโยคที่เบาหวิวแต่ได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู “แต่สำหรับพี่ตั้งแต่นอนกับมุกพี่ก็ไม่เคยนอนกับใครอีกเลยนะ” มุกดาขบเม้มริมฝีปาก จู่ๆหัวใจมันก็เต้นแรง พวงแก้มแดงและร้อนผ่าวขึ้นอย่างไร้สาเหตุ “ระ…เรื่องของพี่ซิ จอดข้างหน้าเลยค่ะมุกจะลง” “ไม่เอาค่ะ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ก่อน ไม่อย่างงั้นพี่ไม่จบเรื่องที่เมื่อคืนมุกฟันพี่แล้วชิ่งนะ” มุกดาหมดคำจะพูดได้แต่หันหน้าหนีออกไปมองนอกกระจกรถ ซ่อนใบหน้าแดงๆไม่ให้เขาได้เห็น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม