บทที่1

1162 คำ
"เหยียนเหยียน ตื่น ตื่นสิ" จ้าวเหยียนลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วหอบหายใจแรง "ฝันร้ายอีกแล้วหรือ" หว่านหว่าน รูมเมทที่พักห้องเดียวกับเธอถามอย่างเป็นห่วง "อืม" เธอลุกขึ้นไปรินน้ำดื่มอย่างไร้เรี่ยวแรง นับวันความฝันของเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น จากเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเด็กเธอเพียงฝันเห็นหน้าเขาอย่างเลือนราง บอกไม่ถูกว่าคนคนนั้นมีรูปร่างหรือใบหน้าอย่างไร จนเมื่อจ้าวเหยียนได้งานเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลชั้นนำของปักกิ่ง ความฝันที่หลอกหลอนเธอมาตลอดก็เริ่มเด่นชัดขึ้น เธอแน่ใจว่าไม่ได้ดูซีรีส์หรืออ่านนิยายเรื่องไหนจนเก็บไปฝันอย่างแน่นอน หากจะนำเรื่องมาปะติดปะต่อคงเขียนเป็นนิยายได้สักเล่ม แต่งานที่เธอทำ เธอจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งอ่านนิยาย ทุกวันนี้จ้าวเหยียนแทบจะรับจ้างอยู่เวรเพื่อให้เธอลืมความฝันของเธอ เมื่อเดือนที่แล้วเธอฝันว่าตัวเธออยู่ในอีกยุคหนึ่ง เป็นเด็กน้อยอยู่ในตระกูลจ้าว บิดาของนางเป็นเสนาบดีกรมการคลัง มีมารดาที่เป็นฮูหยินเพียงหนึ่งเดียว มีพี่ชายที่มอบความรักให้เธออย่างเต็มเปี่ยม งานเลี้ยงในวังหลวงบิดามารดามักจะพาเธอและพี่ชายไปด้วยเสมอ สหายในวัยเดียวกันต่างห้อมล้อมรอบตัวเธอ จนวันหนึ่งที่เธอเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นทุกครั้ง เธอวิ่งเล่นไปทั่วกับสหายและได้ไปพบเด็กชายที่อายุมากกว่าเธอไม่เท่าไรนั่งกอดเข่าอยู่ที่ดงดอกไม้หลบหนีสายตาของคนอื่น "เจ้าเป็นอันใดหรือไม่" จ้าวเหยียนเดินเข้าไปสะกิดที่ไหล่ของเด็กชายคนนั้น "ออกไป อย่ามายุ่งกับข้า" เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองจ้าวเหยียนอย่างดุร้าย "เช็ดหน้าเสียก่อน หน้าเจ้าเลอะจนน่าเกลียดนัก" จ้าวเหยียนส่งผ้าเช็ดหน้าของนางให้เขา แต่เด็กหนุ่มปัดผ้าเช็ดหน้าของนางทิ้ง "เหอะ ข้าหวังดี ไม่รับน้ำใจก็ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้ สมควรแล้วที่เจ้าจะถูกรังแก" จ้าวเหยียนตะโกนใส่หน้าของเด็กชายคนนั้นแล้ววิ่งกลับไปหาสหายของนาง เด็กชายมองตามนางไปจนลับสายตา เขาเก็บผ้าเช่นหน้าของจ้าวเหยียนขึ้น แล้วจ้องมองอย่างเหม่อลอย เขามิได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าของจ้าวเหยียนแต่เก็บเข้าไปในอกเสื้อแทน นี่คือสิ่งที่จ้าวเหยียนฝัน แต่ครั้งนี้ชัดเจนกว่าในยามเด็ก เหตุการณ์ในความฝันเริ่มเล่าตั้งแต่วัยเด็กจนวันที่นางออกเรือน และตอนที่นางหอบลูกสาวและลูกในท้องหนีจากสงครามแย่งชิงบัลลังก์จากเมืองหลวง และความลำบากจากการปิดบังตัวตนเพื่อหลบซ่อนตัว จนวันที่นางได้ตายลงเพราะความเจ็บป่วยที่เรื้อรังจนไม่อาจรักษาได้ นางได้ทิ้งบุตรทั้งสองให้ใช้ชีวิตกันตามลำพัง ทุกครั้งที่จ้าวเหยียนฝันถึงตอนนี้ นางจะร้องไห้อย่างเจ็บปวด โดยไม่รู้เหมือนกันว่านางสงสารเด็กทั้งสองหรือสงสารในความรันทดของหญิงสาวที่อยู่ในฝันของนาง จ้าวเหยียนยังใช้ชีวิตเช่นทุกวันอย่างปกติ เธอไปทำงานที่โรงพยาบาล กลับมาถึงห้องก็แทบสิ้นเรี่ยวแรง เมื่อกลับมาเห็นหว่านหว่านที่ออกเวรมาก่อนหนังอ่านนิยายและกินขนมอย่างสบายใจ "หว่านหว่านเธออ่านอะไร" จ้าวเหยียนพูดคุยกับเพื่อนสาวเช่นปกติทุกวัน "นิยายเรื่องใหม่ที่ฉันเพิ่งกดซื้อมาอ่าน" หว่านหว่านส่งโทรศัพท์ในมือให้จ้าวเหยียนเพื่อดูสิ่งที่เธออ่าน "ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย เธออ่านเถอะ ฉันเหนื่อยจนอย่างจะนอนจะแย่อยู่แล้ว" จ้าวเหยียนเดินเข้าไปอ่านน้ำ เมื่อออกมาก็ยังคงเห็นหว่านหว่านอ่านนิยายจากโทรศัพท์อยู่ "สนุกมากเลยหรอ" จ้าวเหยียนเอ่ยถาม เพราะเพื่อนของเธอยังไม่ละสายตาออกจากโทรศัพท์ในมือ "เนื้อเรื่องกระชับดี นางเอกทะลุมิติไปถึงก็โดนอีป้าสะใภ้จะจับแต่งาน ฉันอยากจะเข้าไปตบแทนนางเอกเลย" จ้าวเหยียนหัวเราะให้ความอินของหว่านหว่าน "ฉันอนแล้วนะ เธอก็รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องเข้าเวรแต่เช้า" จ้าวเหยียนเลิกสนใจหว่านหว่านและล้มตัวลงนอนทันที "เจ้ามาหลบอีกแล้วหรือ เหตุใดถึงได้เจ็บตัวอยู่เรื่อยเลย" จ้าวเหยียนหยิบผ้าเช็ดหน้าของนางออกมา แล้วจับใบหน้าของเด็กหนุ่มเพื่อเช็ดคราบสกปรกออก "เจ้าหาข้าเจอได้อย่างไร" ครั้งนี้เขามิได้ปฏิเสธนางและยอมให้นางเช็ดหน้าแต่โดยดี "ข้าเพียงผ่านมาเท่านั้น" จ้าวเหยียนเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่กลมโต "เจ้าเป็นคุณหนูตระกูลใด" "ข้าจ้าวเหยียน บุตรสาวเสนาบดีกรมคลัง แล้วเจ้าเล่า" นางนั่งลงข้างเด็กชาย และหยิบขนมที่นางพกมาด้วยลงให้เขากิน "ข้า ฉีหนิงห่าว" "เช่นนั้น ท่านก็ ท่านก็ เป็นองค์ชายใช่หรือไม่" จ้าวเหยียนลุกพรวดขึ้นและทำความเคารพหนิงห่าวทันที "หากข้าเป็นองค์ชาย เจ้ายังจะเป็นสหายของข้าหรือไม่" หนิงห่าวจ้องมองนางอย่างคาดหวัง "ท่านเป็นถึงองค์ชายแล้วปล่อยให้ตนเองโดนรังแกได้อย่างไร" จ้าวเหยียนเมื่อเห็นรอยช้ำบนใบหน้าของหนิงห่าวก็เท้าสะเอวเอ่ยถามอย่างโมโห "ข้าสู้พวกเขามิได้" เขาก้มหน้าลงเพื่อข่มอารมณ์ "ท่านก็ต้องทำให้ตนเองแข็งแกร่งมิเช่นนั้น หากข้าเป็นสหายของท่าน ท่านจะปกป้องข้าได้อย่างไร" หนิงห่าวเงยหน้าขึ้นมองจ้าวเหยียนก็เห็นใบหน้าของนางโมโหจนแดงก่ำ เพียงคำพูดของนางในวันนั้น หนิงห่าวก็เริ่มขอเสด็จพ่อของเขาเพื่อฝึกวรยุทธ เพื่อวันหนึ่งเขาจะได้แข็งแกร่งจนสามารถปกป้องนางที่เป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของตนได้ จ้าวเหยียนเมื่อตื่นขึ้นก็พบว่านางฝันไปอีกแล้ว และครั้งนี้ต่างจากเดิมที่นางจำชื่อของเขาได้ "ฉีหนิงห่าว" นางพึมพำชื่อของเขาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปเตรียมตัวเข้าเวรเช่นเดิม เสียงโทรศัพท์ของจ้าวเหยียนดังขึ้นเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏเธอก็รีบรับอย่างดีใจ "คุณแม่ โทรหาหนูแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าคะ" "อาเหยียน วันหยุดนี้ลูกจะกลับบ้านหรือเปล่าจ๊ะ" "คุณแม่หนูคงไม่ได้กลับค่ะ เพื่อนฝากเวรให้หนูอยู่แทน" "เอาไว้ว่างก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะลูก อย่าลืมพักผ่อนให้มากหน่อย"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม