“ทำไมเสียใจเหรอ ฉันออกจะดีใจมากที่สุดเลย แล้วอีกอย่างหล่อนฟังไม่ผิดหรอกนะ ในที่สุดลูกชายฉันก็ตาสว่างจากผู้หญิงอย่างหล่อนสักที ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวทุกวันแล้วก็หัดจำใส่หัวเอาไว้เสียบ้างหรือไม่ก็ตักใส่กะลาส่องดูนะ ว่าผู้หญิงชั้นต่ำอย่างหล่อนคู่ควรกับลูกชายของฉันมั้ย!”
“…”
“ต่อไปนี้ก็เลิกพยายามติดต่อหาลูกชายฉันได้แล้ว ฉันละเบื่อผู้หญิงที่วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่ชอบเกาะหากินกับผู้ชายอย่างหล่อนจริงๆ ทุเรศ เหอะ!”
ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!
มารดาของแฟนหนุ่มหัวเราะเยาะเย้ยอย่างชอบใจก่อนที่จะตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไป ดวงหน้าหมดจดของหญิงสาวซีดเผือดขึ้นมาทันที มือเรียวเล็กที่แนบโทรศัพท์ไว้กับหูในทีแรกค่อยๆ ลดต่ำลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกโหวงเหวงอ้างว้างเกาะหัวใจที่ขมขื่นอย่างอธิบายไม่ถูก
ในหัวของหญิงสาวยังเกิดความสับสนในเวลาเดียวกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่เมื่อตอนเย็นเธอกับแฟนหนุ่มยังคงพูดหวานหยอกล้อใส่กันอยู่เลยแถมเขายังนัดเธอออกมาดินเนอร์ที่นี่อีก ไม่มีท่าทีว่าเขาจะโกธรเคืองเรื่องอะไรและเป็นไปไม่ได้เลยว่า ที่อยู่ๆ มาวินแฟนหนุ่มของเธอจะไปต่างประเทศโดยไม่มีธุระด่วนหรือเหตุผลจำเป็นบางอย่างถึงขั้นไปโดยที่ไม่โทรมาบอกเธอล่วงหน้าก่อน
หญิงสาวยังคงไม่เชื่อในคำพูดของมารดาแฟนหนุ่มอย่างสนิทใจ เธอพยายามคิดไปในทางที่ดีว่า แฟนหนุ่มของเธอเดินทางไปต่างประเทศอย่างฉุกละหุกแบบนี้เพราะเขาอาจจะมีธุระด่วนสำคัญจนลืมที่จะโทรมาบอกกล่าวกับเธอก่อนก็เป็นได้และหลังจากเสร็จธุระแล้วคงอีกไม่กี่วันเขาก็กลับมา
ความคิดในทางด้านบวกทำให้ใบหน้าของหญิงสาวได้คลายกังวลลง ปล่อยวางเรื่องที่ไม่น่าจะเก็บเอามาให้คิดมาก ริมฝีปากบางอมชมพูผุดคลี่ออกเป็นรอยยิ้มอย่างไม่อาจคาดเดา พลางหันมองออกไปยังทะเลที่มีคลื่นน้อยๆ กำลังซัดเข้าฝั่งอย่างอารมณ์ดีอยู่คนเดียวในร้านแห่งนั้น อันที่จริงแล้วในดินเนอร์คืนนี้เธอนั้นก็ได้ตั้งใจว่าจะมาเซอร์ไพรส์บอกเรื่องสำคัญบางอย่างที่สำคัญที่สุดในชีวิตกับแฟนหนุ่มเช่นกัน
หญิงสาวได้หันกลับมาแล้วก้มลงมองท้องน้อยๆ ของเธออย่างใจจดจ่อพลางยกมือเรียวขึ้นลูบหน้าท้องเบาๆ แสดงถึงกระแสความอบอุ่นอย่างเขินอาย จนพวงแก้มนุ่มทั้งสองข้างแดงขึ้นมาทันที พลันคิดจิตนาการในหัวเมื่อนึกถึงในวันที่แฟนหนุ่มกลับมาแล้วเธอจะบอกข่าวดีเรื่องนี้ให้เขาได้รับรู้ เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ หากรู้ว่าตัวเขาเองกำลังจะเป็นพ่อคนในอนาคตแล้ว
เดิมทีเรื่องการตั้งท้องนั้นมันเป็นเรื่องที่เหนือความต้องการของเธอมากๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจที่จะรีบมีลูกกับเขาก่อนแต่งงานแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ในเมื่อพลาดมีไปแล้ว หญิงสาวจึงตั้งใจที่จะเลี้ยงของขวัญที่พิเศษที่สุดของครั้งหนึ่งในชีวิตเป็นแม่ที่ดีให้กับตัวน้อยที่กำลังอยู่ในท้อง และคิดว่าผู้เป็นพ่อของลูกอย่างแฟนหนุ่มเขาก็จะรักลูกไม่ต่างจากเธอเช่นกัน
แต่หญิงสาวไม่รู้ความจริงเลยว่าในตอนนี้แฟนหนุ่มกลับหมดใจที่จะรักและทิ้งเธอให้อยุ่อย่างโดดเดี่ยวไปแล้ว ตั้งแต่ที่เขานั้นได้เห็นภาพที่ทิ่มแทงหัวใจอย่างโหดร้ายคิดว่าเธอนั้นได้นอกใจแอบไป มีผู้ชายคนอื่น
แต่ทว่าภาพที่ชายหนุ่มได้เห็นมากับตาตัวเองนั้นล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งสิ้น เพราะผู้ชายที่ชายหนุ่มกล่าวหาว่าเป็นชู้กับแฟนสาวนั้น ทั้งที่จริงแล้วผู้ชายคนที่หญิงสาวยืนกอดในตอนเย็นนั้นก็คือพี่ชายต่างมารดาของเธอที่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว
เขาได้มาทำธุระในเมืองถือโอกาสนี้แวะมานัดเจอน้องสาวเพียงช่วงครู่และกำลังจะเตรียมตัวกลับพอดีจึงขอกอดเธอเพื่อร่ำลา แต่ไม่คาดคิดเลยว่าแฟนหนุ่มของเธอนั้นกลับผ่านมาเห็นภาพในจังหวะที่เธอกำลังกอดกับพี่ชายพอดี ทำให้ชายหนุ่มเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าแฟนสาวได้นอกใจจริงๆ และในเวลานี้เขาก็ได้เกลียดเธอไปแล้ว เพียงแค่เรื่องไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไรแต่กลับบานปลายจนเป็นเรื่องใหญ่โตจนได้
สามเดือนต่อมา
หญิงสาวกับลูกน้อยในท้องของเธอยังคงรอชายหนุ่มอย่างมีความหวังแต่เวลากลับผ่านไปถึงสามเดือนแล้วยังคงไร้ซึ่งวี่แววว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเธอพยายามติดต่อโทรหาแฟนหนุ่มอยู่หลายครั้งแต่ยังคงไม่สามารถติดต่อได้เลย ทำให้เธอที่อุ้มท้องลูกมาได้สามเดือนแล้วก็เริ่มเป็นกังวลใจคอไม่ค่อยดีกลัวว่าจะเรื่องอะไรเกิดกับเขา แต่บางครั้งภายในใจก็ผุดนึกถึงคำพูดมารดาแฟนหนุ่มที่ได้เคยบอกกับเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาเป็นบางครั้งอย่างอดไม่ได้
แต่หญิงสาวที่รู้นิสัยของชายหนุ่มดีกว่าใครๆ มั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลแบบนั้น อย่างที่มารดาของเขาพูดพร่ำเพรื่อเพื่อให้เธอกับเขาแยกจากเลิกรากันแน่นอน
ความรักที่หญิงสาวมีให้ต่อชายหนุ่มยังมั่นคงและเป็นสิ่งที่ทำให้เธอกับลูกในท้องยังคงมีความหวังรอชายหนุ่มต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะกลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาสามคน พ่อ แม่ ลูกในอีกไม่นานนี้และเธอก็เชื่ออย่างสุดใจว่าแฟนหนุ่มจะต้องมากลับมาหาเธอกับลูกอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ท้องของหญิงสาวก็โตขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างที่รอเขานั้นเธอต้องอดทนกับความลำบากอย่างตัวคนเดียวมาโดยตลอด จนถึงกำหนดวันที่เธอเจ็บท้องคลอดแต่เขาก็ยังไม่กลับมาอีกเช่นเคย
หญิงสาวต้องคลอดลูกที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง ไม่มีแม้กระทั่งพ่อของลูกมายืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ และไม่แม้แต่ญาติหรือคนในครอบครัวคนอื่นๆ ไม่มีเลยสักคนที่มาคอยเป็นห่วง เพราะเธอเลือกที่จะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร กลัวว่าทางครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัดจะตำหนิที่เธอนั้นได้ท้องก่อนแต่งงานและกลัวว่าพวกเขารังเกียจลูกของเธอที่กำลังจะคลอดออกมาอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เธอจึงตัดสินใจเลือกที่จะปกปิดเอาไว้ให้เป็นความลับจนกว่าพ่อของลูกจะกลับมา