Chapter 2
.......
ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น ในขณะที่พัตเตอร์กำลังจะกดลิฟต์ขึ้นชั้นสาม แต่พอเห็นข้อความจากน้องสาวฝาแฝดส่งมา เขาจึงกดลิฟต์ไปชั้นสองแทน พอมาถึงก็เห็นคนท้องสองคนนั่งอยู่ในห้องไพรเวตบาร์
“เอาหลานขึ้นไปนอนชั้นสามหน่อย...” พอเห็นพี่ชายฝาแฝดเดินเข้ามาพริกหวานก็เอ่ยบอกทันที อีกทั้งยังไล่สายตามองพัตเตอร์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
แม้ตอนนี้จะสามทุ่มแต่พี่ชายของเธอก็ยังเซตผมทรงอันเดอร์คัตแบบหล่อเนี้ยบ ถึงเขาจะใส่เสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดโชว์แผงหน้าอก พับแขนเสื้อขึ้นโชว์นาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือเหมือนหนุ่มเพลย์บอยในคราบนักธุรกิจ แต่ทว่าเขากลับมีบุคลิกที่น่าเกรงขามเหมาะสมที่จะเป็นผู้กุมบังเ**ยนบริษัทของตระกูลทวีทรัพย์ธาดารุ่นที่สาม ซึ่งพัตเตอร์จะรับตำแหน่งเป็นประธานกรรมการต่อจากคุณพ่อในอีกไม่นานนี้แล้ว
“มองอะไรขนาดนั้น กูไม่ใช่ผัวมึงนะอีพริก”
“โวะ! ไอ้นี่หนิ ฉันก็กำลังดูทรงผมแกต่างหาก ดึกป่านนี้ผมยังไม่ตกหน้าผากสักเส้นเลย ใช้อะไรเซตผมอะไรอะ จะซื้อให้ผัวใช้มั่ง” พริกหวานก็พูดไปเรื่อย เพราะไม่อยากชมพี่ชายออกมาตรงๆ
“กูตื่นมาทรงผมก็เป็นแบบนี้เลย...”
“มั่นหน้ามาก ว่าแต่ทำไมแกประชุมไตรมาสเสร็จไวกว่าบริษัทผัวของฉันอะ”
“กูไม่ได้นั่งบริหารงานบริษัทผัวมึงหนิครับ ถึงจะได้มานั่งตอบคำถามมึงได้ มึงนั่งว่างไม่ได้ทำงานทำการก็ลองโทรไปเช็กผัวตัวเองดิ ทำไมถึงได้ประชุมเสร็จช้ากว่าชาวบ้านเขา แน่ใจเหรอว่าผัวมึงประชุมไตรมาสจริงๆ ไม่ใช่ไปแอบกุ๊กกิ๊กกับใครนะ” พัตเตอร์พูดหยอก แต่ทว่าไม่เหมือนหยอก เพราะเขาแสดงสีหน้านิ่งมากเหมือนพูดจริง
“ฉันบันทึกเสียงฟ้องผัวของฉันดีกว่า ว่าแกใส่ร้ายเขา...”
“ขี้แงแบบมึงเป็นแม่คนได้ไงวะอีพริก กูงงมาก เถียงไม่ชนะทีไร เอะอะจะฟ้องผัวท่าเดียวเลย เดี๋ยวกูฟ้องเฮียบ้างดีกว่าว่ามึงลงไปแซวผู้ชายหน้าเวทีทั้งที่มีลูกของเฮียคาท้องอยู่...”
“ไอ้บ้า...อย่ามาใส่ร้ายฉัน...” พริกหวานทำหน้าตาตื่นตกใจ ตั้งแต่มาถึงคลับเธอแทบไม่ได้ลงไปไหน แต่ไอ้พี่บ้ามันใส่ร้ายเธอหน้าตาย
“ขี้ฟ้องอย่างมึง ต้องเจอกู...”
“ดูมันดิวิกกี้...” พริกหวานหันไปพูดกับเพื่อน เมื่อไม่สามารถเถียงพี่ชายได้ชนะ
“มึงก็เหมือนงูพิษที่อ้างว่าตัวเองท้องนั่นแหละอีพริก...” พัตเตอร์พูดจบก็โน้มตัวอุ้มหลานแฝดพาดไหล่คนละข้างและเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้สนใจน้องสาวที่บ่นปอดแปดไล่หลัง
“ปากแซ่บเหลือเกินนนน...” วิกกี้พูดไล่หลังแล้วส่ายหัวไปมากับฝีปากจัดจ้านของพัตเตอร์
“นี่...มันแค่พูดปกติแต่ปากมันแซ่บจัดจ้านมาก ถ้ามันได้ด่านะเจ็บจี๊ดสะเทือนไปถึงมดลูกแน่ๆ”
“ฮ่าๆ แก๊งนี้ปากจัดทุกคน...” สองสาวพากันหัวเราะและนินทาลับหลังพัตเตอร์อย่างสนุกปาก
@คลับ//ชั้นสาม
หลังจากเอาหลานแฝดเข้าไปนอนห้องริมสุดทางด้านซ้ายเรียบร้อย เขาก็ยืนเอาหลังแกร่งพิงผนังหน้าห้อง เพียงไม่นานเสียงลิฟต์ก็ดังขึ้น จากนั้นก็มีหญิงสาวตัวเล็กผิวขาวเดินถือถาดที่มีแก้วสีใสและขวดเหล้าวางไว้บนนั้น เธอค่อยๆ เดินด้วยอาการเกร็ง จนคนมองเหนื่อยแทน
“จะเกร็งอะไรขนาดนั้นวะเนี่ย...”
“นะ...หนูกลัวเหล้าแตก ว่าแต่เอาเหล้าวางไว้ที่ห้องไหนคะ”
“ฉันเคยเอาเธอห้องไหน ก็เอาเหล้าไปไว้ห้องนั้นแหละ”
“…”
“อ๋อ...แสดงว่าฉันเคยเอาเธอหน้าห้องสินะ...” เขาเลิกคิ้วขึ้นทำหน้ายียวน เมื่อเห็นนับดาวยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด
“ปะ...เปล่าค่ะ แต่คุณช่วยเปิดประตูให้หนูได้ไหมคะ มือหนูไม่ว่างเลย...” นับดาวมองเขาด้วยแววตาเว้าวอน
พัตเตอร์ไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาเปิดประตูให้นับดาวเดินเข้าไปในห้อง โดยที่เขาเดินตามเข้าไปติดๆ “ทำไมต้องให้ฉันเดินไปตาม”
“หนูไม่เห็นไลน์ที่คุณพัตเตอร์ส่งมาค่ะ...” นับดาววางถาดลงบนโต๊ะปลายเตียง รีบหันไปอธิบายอย่างร้อนรนเพราะกลัวโดนดุ ความจริงเธอเห็นไลน์เด้งขึ้นหน้าจอในตอนที่กำลังช่วยพี่แคชเชียร์ทำงาน แต่ก็แกล้งเมินไม่สนใจ เพราะไม่อยากขึ้นไปหาเขา แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเดินมาตามถึงที่ห้องแคชเชียร์
“ไลน์ก็ยังไม่ถูกเปิดอ่าน แต่ทำไมถึงรู้ว่าฉันไลน์ไปหาเธอ...” เขาจ้องมองหน้าจอมือถือ แล้วเงยหน้ามองเด็กสาวขี้โกหกที่โดนเขาจับโป๊ะได้
“เอ่อ...นะ...หนูเห็นมันเด้งค่ะ แต่พอกำลังหยิบมือถือมาเปิดอ่าน คุณพัตเตอร์ก็เดินมาที่ห้องแคชเชียร์ซะก่อน...”
“อย่าหัดเป็นผู้หญิงตอแหลนะนับดาว ฉันไม่ชอบ ” เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาเรียบนิ่ง เพื่อให้เธอสารภาพความจริงออกมา
“ไม่ๆ หนูไม่ได้โกหกค่ะ หนูพูดจริง” นับดาวยกมือขึ้นสาบาน ถึงเรื่องที่เธอพูดมามันจะเป็นเรื่องโกหกก็ตามที แต่ถ้ามันทำให้คำพูดของเธอมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เธอก็จะทำ โดนฟ้าผ่ามันคงไม่น่ากลัวเท่ากับทำให้เขาโกรธ
“ระวังจะตายฟรีเอานะ...”
“ไม่ตายหรอกค่ะ หนูไม่ได้โกหกคุณจริงๆ ค่ะ” นับดาวยังคงยืนยันน้ำเสียงหนักแน่นคำพูดของตัวเอง
“เอามือถือมาดูสิ”
“หนูไม่ได้เอาขึ้นมา แต่ถ้าคุณจะดู เดี๋ยวหนูไปเอามาให้นะคะ” นับดาวผลุนผลันจะเดินออกจากห้อง เธอจะได้ใช้โอกาสนี้แกล้งปวดท้อง แล้วหนีกลับคอนโด คืนนี้ไม่ทำงานแล้ว เพราะเขาดูน่ากลัวมากๆ แต่ทว่าหญิงสาวยังไม่ทันได้ทำตามแผนอย่างที่ใจคิด กลับต้องหยุดชะงักฝีเท้ายืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อพัตเตอร์เอ่ยห้ามเสียงเข้ม
“ไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น ถอดเสื้อผ้าออก แล้วขึ้นเตียงซะ”
“ตะ...แต่หนูจะต้องรีบลงไปทำงาน เดี๋ยวพี่ๆ จะพูดได้ว่าหนูแอบอู้งาน”
“คนที่เธอต้องฟังคำสั่งก็คือฉันคนเดียว เพราะฉันเป็นคนจ่ายค่าจ้างให้เธอ”
“แต่...เราพึ่งเอ่อ...ไม่สิๆ แต่เมื่อเช้าคุณพึ่งทำไปตั้งหลายรอบ”
“อย่ามานับจำนวนครั้ง อย่าหาทางเลี่ยง เอาเช้าก็ส่วนตอนเช้า จะเอาตอนนี้ก็คือตอนนี้ อย่าใช้ปากทำงานให้มาก ถอดเสื้อผ้าออก แล้วเอาร่างกายของเธอทำหน้าที่ซะ...”