ภายในห้องทำงานของผู้บริหารซึ่งเปิดแอร์เย็นเฉียบ แต่กลับไม่ได้ทำให้บรรยากาศเย็นลงเลยสักนิด พายุนั่งจ้องเหล่าอาจารย์และนักเรียนผู้ปกครองกลุ่มนั้น โดยตอนนี้เขารับบทคล้ายผู้พิพากษาแทนอาจารย์ฝ่ายปกครองเป็นที่เรียบร้อย ส่วนข้าวหอมเขาให้เลขาพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายและทำแผล และให้ทางเลขาเตรียมเก็บทั้งพยานหลักฐาน พร้อมกับทนายคิมหันต์ที่เขาจะต้องรบกวนมันให้จัดการฟ้องร้องผู้คนเหล่านั้น ให้เห็นไปเลยว่า ใครหน้าไหนที่มันกล้ารังแกข้าวหอมจะเจอกับอะไร! เด็กข้าใครอย่าแตะ! คำนี้ไม่เกินจริง…
"รบกวนช่วยเล่าสาเหตุด้วยครับ อย่าเป็นใบ้กันกระทันหัน" เหมือนจะเป็นคำพูดที่สุภาพหนุ่มนวล แต่นั้นแหละมันแค่เหมือน
"คือ… เด็กกลุ่มนี้เล่าว่าเห็นเสี่ยแก่ๆมาส่งข้าวหอมพร้อมกับยื่นเงินให้ เด็กๆ เลยเข้าใจว่าข้าวหอมเป็นเด็กเสี่ยบ้าตัณหา เลยเข้าไปตักเตือน อาจจะใช้คำพูดไม่เหมาะหรืออย่างไรดิฉันไม่แน่ใจ ทำให้ข้าวหอมเกิดโมโหและเข้าไปต่อยเพื่อนก่อนจึงเกิดการทะเลาะกันค่ะ"
อาจารย์ฝ่ายปกครองรับบทอาสาเล่าความจริง แต่ใครฟังก็รู้ว่าเป็นความจริงฝ่ายเดียวเข้าข้างเด็กกลุ่มนั้น แต่ไม่มีเหตุผลใดที่มาจากการฟังฝั่งของข้าวหอมเลย พายุที่ฉลาดเป็นกรดอยู่แล้ว ทำไมเรื่องแค่นี้เขาจะเดาไม่ออกว่าเพราะอะไรเด็กของเขาถึงเกิดอาละวาดได้ ข้าวหอมบอกเขาเสมอเวลาที่โดนเพื่อนล้อหรือนินทา เธอบอกว่าเธอจะไม่โกรธหากคนเหล่านั้นเพียงต่อว่าเธอคนเดียว ไม่ลามปามมาถึงพ่อแม่ และตัวเขาผู้เป็นคนที่ช่วยเหลือเธอทุกอย่าง หากไม่มีพายุข้าวหอมคงไม่มีทางมีชีวิตที่ดีขึ้นแบบทุกวันนี้แน่นอ. เขาจึงมั่นใจว่าเด็กพวกนี้ไม่ได้เข้าไปตักเตือนอย่างที่อาจารย์กล่าวอ้าง แต่คงเข้าไปต่อว่าข้าวหอมเสียๆ หายๆ เป็นมากกว่า
"จะบอกว่า ข้าวหอมเป็นเด็กเสี่ย เพื่อน ๆ เลยเข้าไปเตือนด้วยความหวังดี. แต่ข้าวหอมกลับอารมณ์ร้อน จึงทำร้ายร่างกายเพื่อนก่อนอย่างนั้นสินะ. พวกคุณคิดว่าผมโง่งั้นสิ"
"……………" ประโยคหลังของชายหนุ่มทำเอาทั้งห้องเงียบกริบหนักกว่าเดิม
"ถ้าผมบอกว่าคนที่มาส่งข้าวหอม และยื่นเงินค่าขนมให้เธอ เสี่ยบ้าตัณหานั่นคงเป็นผมสินะ"
"มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!"
"เอาล่ะ…เลขาผมส่งหลักฐานเข้ามาพอดีเลย"
พายุหันไปดูบางอย่างในโน้ตบุ๊คเขาจัดการเชื่อมต่อระบบโปรเจ็คเตอร์ทันที กะจะฉายหลักฐานให้เหมือนเป็นการฉายหนัง เขาเปิดเสียงขึ้นจนสุดชนิดที่ฟังจบขี้หูลุกขึ้นเต้นสาวบางโพได้เลย
วิดิโอหลักฐานตั้งแต่เด็กกลุ่มนั้นเดินเข้ามาหาข้าวหอมทุกท่าทางคำพูดชัดเเจ๋วและชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ เด็กห้าคนรวมถึงผู้ปกครองต่างหน้าซีดเป็นไก่ต้มบางคนแอบหยิกลูกตัวเองที่กล้าทำเรื่องโง่ๆจนพ่อแม่ต้องอับอายขายขี้หน้าไปด้วย
"เห็นชัดแล้วใช่ไหมครับ เด็กผมไม่ผิด แม้เธอจะเริ่มก่อนก็เพราะถูกว่ากล่าวหาให้ได้รับความเสียหาย เพราะฉะนั้นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในครั้งนี้ต้องรับผิดชอบ!"
"พวกเราต้องขอโทษแทนเด็กด้วยนะครับคุณพายุ ! ขอโทษจริงๆ หรือจะให้ลูกผมไปขอโทษน้องผู้หญิงคนนั้นก็ได้นะครับ!
พ่อของเด็กหนึ่งในห้าขอโทษเขาเสียงสั่น เพราะบริษัทของเขาตั้งใจจะขอความร่วมมือจากชายหนุ่ม จึงไม่ต้องการให้มีเรื่องผิดใจกัน แต่ก็ช้าไปเสียเเล้ว!เพราะลูกตัวเองดันสร้างเรื่องขึ้นมา!
"ขอโทษต้องขอโทษอยู่แล้วครับ แต่ผมคงต้องแจ้งด้วยว่า เด็กห้าคนนี้จะพ้นสภาพการเป็นนักเรียนของที่นี่! ส่วนเรื่องฟ้องผมเตรียมทนายเรียบร้อย "
"อาจารย์ครับ อาจารย์คิดว่าอาจารย์มีความยุติธรรม และมีเหตุผลพอที่จะเป็นครูสอนที่นี่ต่อไหมครับ?"
พายุหันมาเล่นงานอาจารย์ท่านนั้นแทน เขาบอกเเล้ว ใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาจะเล่นให้หมด เอาให้ยับ! อาจจะดูใจร้ายแต่นั่นแหละพายุตัวจริง…
"ถ้าคิดว่าไม่ก็เชิญลาออกไปพักผ่อนเถอะครับ หรือจะให้ผมไล่ออกก็ตามแต่จะเลือก"
พายุลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะขยับเสื้อเล็กน้อยเช็คความเรียบร้อยของร่างกาย ด้วยท่าทีสง่า ดูดีตามแบบฉบับ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินหนีโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงใดๆ เพราะถือว่าเขาจบเรื่องแล้ว สำหรับเขาจบคือจบ ทำคือทำ การตัดสินใจแน่วแน่ไม่วอกแวกหรือลังเล เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะมีปัญหากับคนอย่างเขาละก็… เชิญคิดให้ดีเสียก่อน
.
.
.
"เจ็บตรงไหนบ้างคะ?"
น้ำเสียงที่เอ่ยกับคนที่นั่งอยู่บนเบาะด้านข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและห่วงใย ต่างจากคนที่ร้องตะโกนเสียงแข็งก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
"ขะ ข้าวไม่เจ็บแล้ว" ข้าวหอมพูดเชิงบ่ายเบี่ยงไม่กล้าสบตา ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางที่คนอย่างพายุจะดูไม่ออก
"ข้าวเป็นอะไร กลัวฉันหรอ?"
เขาคิดว่าเธอน่าจะตกใจไม่หายที่โดนเขาตะคอก ไม่แปลก…เพราะข้าวหอมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ตลอดเวลาที่อยู่กับเธอเขามักจะหยอกล้อและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ไม่มีครั้งไหนที่ทำนิสัยดุร้ายใจร้อนใส่เธอเลยสักครั้ง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก
"ขอโทษนะที่ตะคอกใส่ ตอนนั้นฉันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าอันนี้ยอมรับ"
"………"
"ข้าว"
"คะ!"
"คิดอะไรอยู่"
"เปล่าค่ะ" สาวน้อยส่ายหน้าปฏิเสธ เมื่อกี้เธอถึงกับสะดุ้งโหยง จู่ๆพายุก็เอามือมาวางทับมือเธอไว้ ทำเอาข้าวหอมรู้สึกตกใจเล็กน้อย
"ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่เธอจริงๆ"
พายุทำเสียงออดอ้อนออเซาะ จนข้าวหอมถึงกับขนลุกเกรียว ต่อหน้าคนอื่นเขาดูเหมือนจะเชือดคอทุกคนทิ้ง แต่พออยู่กับเธอดวงตาสองข้างที่แว่นบางสวมอยู่นั้นกลับมองเธอตาแป๋ว
การกระทำของคนด้านข้างทำให้เธอยิ้มออกมา ใบหน้าสวยที่ตอนนี้มีรอยฟกช้ำยิ่งตกค่ำยิ่งสังเกตุได้ชัด เธอหันไปสบตาคนที่อยู่ข้างๆ ความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากเกินจะอธิบาย รู้แค่ว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่น แต่เธอนั้นไม่กล้าที่จะพูดหรือแสดงมันออกไป
"ข้าวไม่โกรธอาพายุหรอกค่ะ ข้าวเข้าใจอาแค่อยากปกป้องข้าว"
"ต้องแบบนี้สิ"
พายุเอ่ยยิ้มๆ ก่อนที่จะหันไปให้ความสนใจกับถนนด้านหน้า แต่มือหนาก็ยังกุมมือเล็กของหญิงสาวไว้แน่น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน เขาถึงอยากจับมือเธอไว้ตลอดแบบนี้
"แต่จะไม่มากไปเหรอคะ ถึงกับต้องไล่ออกเลยเหรอ?"
"นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ กล้ามาแตะต้องเธอ ฉันไม่ฟ้องคนละสิบล้านก็บุญแค่ไหนแล้ว"
"อาพายุไม่จำเป็นต้องทำเพื่อข้าวขนาดนี้ก็ได้นะคะ"
"จำเป็นสิ เธออยู่กับฉันนะข้าว ฉันไม่ปกป้องเธอใครจะทำ" ชายหนุ่มเอ่ยจริงจัง เขาหันมาสบตาข้าวหอมครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันกลับไปมองถนนเช่นเคย
"ต่อไปนี้ใครกล้าทำอะไรเธอ ฉันจะจัดการให้หมดเป็นไง"
"ไม่เอาค่ะ คุณอาดุเกินไป ข้าวสงสารคนอื่น" ข้าวหอมเอ่ยยิ้มๆ เธอแสร้งหยอกล้อคนข้างๆ
"เธอว่าฉันเป็นหมาหรอ?"
"ข้าวไม่ไดพู๊ดดด" ข้าวหอมเอ่ยเสียงสูงพร้อมกับทำตาเหล่ ทำเอาพายุที่เห็นเพียงแค่เเวบเดียวถึงกับขำพรืด ดีที่รถไม่เสียหลัก
"อย่าทำแบบนี้อีกนะข้าวหอม ฮ่ะ ฮ่าๆ
เมื่อเสียงหัวเราะสงบลง รถทั้งคันก็ตกอยู่ในความเงียบ จู่ๆพายุก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมา ทำให้ข้าวหอมตาลุกวาว รีบดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรงอย่างดีใจ
"กินชาบูกันไหม?"
ข้าวหอมดีใจจนเนื้อเต้น เธอชอบกินชาบูกับครอบครัวเป็นที่สุด เพียงแค่ตอนนี้อาจจะต่างกันที่ไม่มีพ่อกับแม่แล้ว เหลือเพียงชายที่อยู่ตรงหน้าที่ชีวิตนี้เธอสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอน