เวลา 02.00 น.
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ มิวาก็เดินออกจากห้องแต่งตัวของพนักงาน มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าผ้าใบเล็ก ส่วนอีกข้างกดโทรศัพท์ดูเวลาคร่าว ๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินออกจากคลับไปอย่างเงียบเชียบ แม้จะเมื่อยล้าจากการยืนเกือบหกชั่วโมงเต็ม แต่เธอกลับไม่คิดจะพักเลยแม้แต่น้อย
อากาศยามดึกชื้นเย็นและเงียบเหงา ถนนหน้า Black Venom แทบไม่มีรถสัญจร มิวาขึ้นรถสองแถวที่วิ่งประจำสายกลางคืน ค่อย ๆ เอนศีรษะพิงเบาะ สายตาทอดมองไปนอกหน้าต่างที่มีหยดน้ำเกาะกระจก
“รอนะภูวา... พี่มาหาแล้ว”
ในมือของเธอยังเฝ้ารอดูแจ้งเตือนที่เพิ่งขอเบิกล่วงหน้ามา แม้จะไม่มากนักแต่ก็พอเป็นค่าข้าว ค่ายา ค่าพยาบาลอีกสักวันสองวัน และเธอยังยิ้มบาง ๆ กับตัวเองเมื่อคิดถึงงาน VIP ที่เพิ่งสมัครไปเมื่อต้นคืน
เธอไม่มีสิทธิ์ล้ม ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล มิวารีบขึ้นไปยังชั้นห้องพักผู้ป่วยในทันที เสียงรองเท้าผ้าใบคู่เก่าแตะพื้นดังแผ่ว เธอหยุดยืนหน้าห้องของเด็กชายภูวา อัครวานิช ก่อนจะค่อย ๆ บิดลูกบิดเปิดเข้าไป
ภายในห้องมีเพียงเสียงเครื่องวัดชีพจรเต้นเบา ๆ บอกว่าคนบนเตียงยังปลอดภัย เด็กชายร่างผอมบางนอนหลับสนิท หายใจสม่ำเสมอโดยมีผ้าห่มผืนบางคลุมถึงอก
มิวายิ้มอ่อน เดินเข้าไปวางกระเป๋าและซองเงินไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ที่นั่งประจำของเธอ มือเรียวลูบเส้นผมนุ่มของภูวาเบา ๆ
“ขอโทษนะวันนี้พี่มาช้า... แต่พี่สัญญา ว่าพี่จะทำให้ภูวาหายดีแน่ ๆ”
น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาราวกระซิบ แล้วมิวาก็หลับตาลงพิงข้างเตียง ลมหายใจแผ่วเบาไหลลอดออกมาอย่างเหนื่อยล้า ในที่สุดวันนี้ก็ผ่านไปได้อีกวัน
เช้าตรู่วันใหม่
แสงแดดอ่อน ๆ ส่องลอดหน้าต่างบานเล็กเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย มิวายังหลับอยู่ข้างเตียงคนไข้ มือของเธอจับมือน้องชายไว้หลวม ๆ เหมือนกลัวจะปล่อยให้หลุดไป
“พี่มิวา... พี่มิวา หมอจะมาตรวจแล้วนะ”
เสียงเล็ก ๆ ของภูวาเรียกเบา ๆ ข้างใบหู ทำให้มิวาสะลึมสะลือลืมตาขึ้น
“อืม... โทษทีนะ ภูวา พี่เผลอหลับไป”
เธอพูดพลางยิ้มให้ แล้วลูบหัวน้องเบา ๆ
“ไม่เป็นไรครับ พี่มิวาเหนื่อยนี่นา” เด็กชายตอบอย่างเข้าใจ พร้อมยิ้มบาง ๆ ที่ซ่อนความเป็นห่วงไว้ในแววตา
คนตัวเล็กลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจเล็กน้อย แล้วหันไปมองนาฬิกาที่ผนัง
“พี่ต้องกลับไปห้องก่อนนะ จะได้อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวเย็นนี้พี่มาใหม่”
ภูวาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ครับ พี่มิวานั่งรถดี ๆ นะ”
มิวาก้มลงจูบหน้าผากน้องชายเบา ๆ แล้วคว้ากระเป๋าสะพายข้าง ลากตัวเองออกจากห้องพักด้วยหัวใจที่ยังหนักแน่นกับภาระที่ต้องแบก แต่มันก็เบาขึ้นมาเสี้ยวนึง เมื่อเห็นรอยยิ้มของภูวาในยามเช้า
ไม่นานนัก มิวาก็กลับมาถึงห้องเช่าเล็ก ๆ ของตัวเอง ร่างบางทรุดตัวลงบนที่นอนเก่า ๆ อย่างเหนื่อยล้า ยังไม่ทันได้หลับตา เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ติ๊ง!
เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอแสดงข้อความแจ้งเตือนจากแอปธนาคาร
“เงินเข้าบัญชี +15,000 บาท (เบิกเงินล่วงหน้าจาก Black Venom)”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มจาง ๆ ทั้งที่ดวงตายังแดงช้ำจากความเหนื่อยและการนอนไม่พอ
“อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่เสียเปล่า…”
เธอบอกกับตัวเองในใจอย่างมุ่งมั่น เงินก้อนนี้อาจไม่มากพอสำหรับค่ารักษาภูวาทั้งหมด แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เธอพร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อให้น้องชายได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
จากนั้น มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ปลายนิ้วเรียวกดเข้าแอปพลิเคชันธนาคารอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะโอนเงินหนึ่งหมื่นบาทไปยังบัญชีโรงพยาบาลที่ใช้รักษาภูวา และอีกห้าพันบาทไปยังบัญชีของมหาวิทยาลัย เพื่อชำระค่าเทอมงวดล่าสุดที่เธอผ่อนมาอย่างทุลักทุเล
เสียงแจ้งเตือนเงินออกดังติดกันสองครั้ง ทว่ามันกลับไม่ชวนให้อุ่นใจเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาววางโทรศัพท์ลงข้างตัว หลับตาลงพร้อมกับลมหายใจหนัก ๆ ที่หลุดออกจากอก
"เงินห้าพันแค่ค่าเทอมงวดเดียว... อีกสามแสนค่ารักษาที่ค้างไว้ จะต้องทำงานแบบเมื่อคืนไปอีกกี่ปี..."
เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ จ้องเพดานห้องที่มีรอยร้าวขดไปมาเหมือนใยแมงมุมในหัวเธอ ไม่ใช่ความกลัว ไม่ใช่ความสิ้นหวัง แต่มันคือความจริงที่โถมเข้ามา
มันช่างหนักอึ้ง...
คำนี้คือคำเดียวที่นิยามทุกอย่างในตอนนี้ของชีวิตมิวาได้ครบ
เธอหันไปมองกระเป๋าเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดออกจากคลับเมื่อคืนที่พกติดมาด้วย และเสื้อนักศึกษาพับอยู่ข้าง ๆ เสื้อสายเดี่ยวสีเข้มกับกระโปรงสั้นที่ยังมีกลิ่นบุหรี่และน้ำหอมของลูกค้าผู้ชาย
ชีวิตสองด้านของเธอ...ด้านหนึ่งคือความฝัน ด้านหนึ่งคือภาระ
มิวายกมือขึ้นกอดตัวเองแน่น รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
“อดทนอีกหน่อยนะ...ภูวาต้องหาย”
จู่ ๆ
~ครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เธอกำลังจะเอนหลังพักตา ทันใดนั้นชื่อโรงพยาบาลก็ปรากฏบนหน้าจอ มิวาเอื้อมมือไปกดรับอย่างรวดเร็ว
"คุณธีรดาใช่ไหมคะ? โทรมาแจ้งว่า ทางโรงพยาบาลได้รับยอดเงินค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้วนะคะ แต่รบกวนอย่าเว้นช่วงการชำระนานเกินไปนะคะ"
“ค่ะ...” เสียงตอบรับของเธอแผ่วเบา
หลังจากวางสาย เธอก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนเก่า ๆ อีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจยาว เหมือนจะปลดภาระบางอย่าง...แต่จริง ๆ แล้ว มันก็แค่เสี้ยวเดียวของภูเขาน้ำแข็งที่ชื่อว่า 'สามแสนบาท'
'จะใช้เวลากี่ปีนะ...กว่าจะหาเงินครบ'
ดวงตาเริ่มปิดลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่างกายล้า ใจยิ่งล้าเข้าไปใหญ่ เธอปล่อยให้ตัวเองงีบพักไปชั่วครู่ เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของปี 4 และเธอมีเรียนในช่วงบ่าย