Chapter 8

2243 คำ
Chapter 8 สายลมมองหน้ายาหยี เขาเอามือลูบหน้าตัวเอง ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเครียด “เมื่อคืนเฮียวายุรถคว่ำ” “...” หลังจากสายลมพูดจบ ยาหยีก็ชะงักนิ่งไปทันที ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นจนน้ำใส ๆ ไหลจากดวงตา เพราะข่าวร้ายของวายุทำให้ความรู้สึกของเธอดิ่งลงเหวเหมือนเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนที่หญิงสาวรู้ว่าพ่อแม่ของเธอเกิดอุบัติเหตุรถตกเขา “ฮะ...เฮียปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะพี่หมอ เฮียไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นเครือ “เฮียพ้นขีดอันตรายแล้ว” สายลมยื่นมือมาลูบหัวยาหยีเบา ๆ เพื่อปลอบใจ ทั้งที่สายลมเองก็น้ำตาคลอเบ้าเต็มหน่วยที่พี่ชายของเขาประสบอุบัติเหตุปางตาย “ขอบคุณโลกใบนี้ที่ยังใจดีกับหนู” ยาหยียิ้มทั้งน้ำตา ถึงเธอจะเป็นภรรยาที่เขาไม่ต้องการ แต่เธอก็ยังต้องการเขา ขอบคุณมัจจุราชที่ไม่พรากเขาไปจากเธอ “งั้นเราเข้าไปหาเฮียวายุกันเถอะ” “หนูเอายูริเข้าไปด้วยได้ไหมคะ” “เอาเจ้ายูริไปฝากการ์ดไว้ก่อน” พูดจบ สายลมก็อุ้มกระเป๋าที่ใส่ยูริลงจากรถ แล้วเอาไปฝากไว้กับบอดีการ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูชั้นที่สิบแปด ในระหว่างที่ยาหยีเดินตามสายลมเข้าไป หญิงสาวก็ได้แต่เอะใจที่วันนี้มีบอดีการ์ดเฝ้าที่หน้าประตููชั้นที่สิบแปด แต่ยาหยีก็เก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนใส่ชุดคลุม สวมถุงมือป้องกันเชื้อโรคและใส่หน้ากากปิดหน้า หลังจากแต่งตัวเยี่ยมผู้ป่วยเสร็จเรียบร้อย สายลมก็พายาหยีเดินเข้าไปในห้องปลอดเชื้อ ซึ่งในห้องมีคุณลุงอาทิตย์ เพื่อนสนิทของเฮียวายุที่ชื่อ พัตเตอร์และดินแดน อยู่ในห้องก่อนแล้ว ยาหยียกมือไหว้พวกเขา ก่อนที่เธอจะเดินไปหาคนที่ใส่เครื่องช่วยหายใจครอบไว้ที่จมูกและปาก ถูกเจาะสายระโยงระยางตามตัว ศีรษะของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ขาทั้งสองใส่เฝือก ใบหน้าหล่อเหลามีรอยฟกช้ำตามโหนกแก้ม เมื่อได้มาเห็นสภาพของวายุที่เป็นตายเท่ากัน ยาหยีก็เอ่ยถามหมอสายลมอีกครั้ง “เฮียปลอดภัยจริง ๆ ใช่ไหมคะพี่หมอ” “เฮียปลอดภัยแล้ว” “แล้วทำไมเฮียถึงรถคว่ำได้คะ เฮียของหนูขับรถเก่งมาก ๆ เลยนะคะ” ‘เฮียของหนู’ ที่เธอเรียกวายุ ทำให้คนที่ได้ยินต่างก็รับรู้ได้ว่ายาหยีนั้นรักวายุเพียงใด “ตอนที่วายุกำลังจะยูเทิร์นรถ มีรถพ่วงชนท้ายรถวายุ ทำให้รถเสียหลักหมุนวนอยู่บนถนนแล้วพลิกคว่ำลงข้างทาง...” พัตเตอร์เอ่ยขึ้นตามข้อมูลที่เขารู้มาจากการไปขอดูกล้องหน้ารถจากบ้านคนแถวนั้น เพราะกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุเสียหมด เหมือนกับว่ามีคนจงใจทำให้มันเสีย “มีคนจงใจทำให้วายุเกิดอุบัติเหตุ เพราะตำรวจสายของเราบอกว่ารถไอ้วายุถูกตัดสายเบรก” ดินแดนเอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง “คนร้ายมันคงวางแผนมาอย่างดี ในระหว่างที่ตำรวจยังสืบหาคนร้ายตัวจริงไม่เจอ ป๊าจะย้ายวายุไปรักษาที่เกาะส่วนตัว แล้วจะปล่อยข่าวว่าวายุกับยาหยีไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ” “ก็ดีเหมือนกันครับป๊า ผมคิดว่าเป้าหมายของมัน คงไม่ใช่แค่เฮียวายุคนเดียวหรอก แต่อาจจะเป็นยาหยีด้วย เพราะตอนขับรถมาที่โรงพยาบาลก็มีบิ๊กไบก์ขี่ตัดหน้ารถของผม แล้วชักปืนจะยิงยาหยีด้วย” สายลมเล่าถึงเหตุการณ์ที่เจอมาให้ทุกคนในห้องฟัง เพราะคนร้ายที่จะยิงยาหยีอาจจะเป็นคนเดียวกันที่วางแผนลอบฆ่าวายุ “งั้นโทรตามทีมแพทย์ที่รักษาวายุให้มาหาป๊า ป๊าจะย้ายวายุไปรักษาที่เกาะตอนนี้เลย” “ครับป๊า” สายลมพยักหน้ารับคำสั่งจากคุณพ่อ ก่อนที่จะโทรไปหาทีมแพทย์ และหนึ่งชั่วโมงต่อมา วายุก็ถูกเคลื่อนตัวไปชั้นดาดฟ้าลำเลียงขึ้นเครื่องบิน โดยมีอาทิตย์ สายลม ยาหยี พัตเตอร์ ดินแดน ทีมแพทย์สองคนรวมทั้งยูริเดินทางไปด้วย @เกาะส่วนตัวตระกูลเตชะอมรทรัพย์ เมื่อเดินทางมาถึงเกาะ วายุก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังห้องปลอดเชื้อทันที และหลังจากนั้นทีมแพทย์ก็เฝ้ารักษาวายุอย่างใกล้ชิด วันเวลาก้าวผ่านไปเรื่อย ๆ จนเข้าเดือนที่สาม วายุยังคงหลับเป็นเจ้าชายนิทรา ทั้งที่ร่างกายภายในและแผลภายนอกหายเป็นปกติแล้ว ตอนนี้รอเพียงแค่เขาฟื้น ในทุก ๆ วันยาหยีจะนั่งเฝ้าวายุอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง อย่างวันนี้ก็เช่นกัน ในขณะที่ยาหยีเอาใบหน้าฟุบลงไปข้างเตียง เธอก็เอานิ้วก้อยเกี่ยวนิ้วของเขาเอาไว้ แต่จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกว่านิ้วกระตุก ยาหยีจึงรีบเงยหน้ามองไปที่มือของตัวเอง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขาวซีด จากนั้นรอยยิ้มกว้างสดใสก็ผุดขึ้นบนใบหน้าสะสวยทันที เมื่อคนที่เธอเฝ้ารอให้เขาตื่น กำลังจ้องมองมาที่เธอ “เย่ ๆ เฮียฟื้นแล้ว” ยาหยีดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตะโกนเรียกคุณหมอราวกับเด็ก ๆ “คุณหมอคะ เฮียของหนูฟื้นแล้วค่ะ” หลังจากทีมแพทย์ที่คอยรักษาวายุได้ยินยาหยีเอ่ยบอกแบบนั้น ทีมแพทย์ก็รีบเข้ามาในห้องพักฟื้นทันที โดยมีอาทิตย์และสายลมที่เดินทางมาเกาะส่วนตัวทุกวันแบบลับ ๆ ตามเข้ามาในห้องด้วย วายุกวาดตามองทุกคนในห้องด้วยแววตาเรียบนิ่ง จากนั้นเขาก็พยายามขยับตัวลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงที่หัวเตียง แต่ขาของเขากลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขาจึงขยับตัวอีกครั้ง ซึ่งมันขยับได้แค่ส่วนท่อนบน แต่ขาของเขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย “ทำไมขาของผมถึงไม่มีความรู้สึกอะไรเลย” วายุเอ่ยถามด้วยสีหน้าเครียดพร้อมทั้งพยายามขยับขาไปด้วย แต่มันก็ไร้ผล เพราะเขาไม่สามารถขยับขาได้เลย “เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นกระทบกระเทือนร่างกายของคุณอย่างรุนแรง อีกทั้งคุณวายุนอนเป็นเจ้าชายนิทรานานถึงสามเดือน ทำให้ขาทั้งสองข้างเกิดอาการอ่อนแรง มันต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งในการทำกายภาพ คุณวายุถึงจะกลับมาเดินได้ปกติครับ” คุณหมอพยายามพูดไม่ให้กระทบกระเทือนจิตใจวายุ “โธ่...โว้ย ผมเดินไม่ได้ก็บอกเดินไม่ได้สิหมอ” วายุตะคอกใส่คุณหมอด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างคุมอารมณ์ไม่ได้ ที่โดนหลอกล่อให้ทำกายภาพ ทั้งที่ตอนนี้เขากลายเป็นคนพิการไปแล้ว “ใจเย็นก่อนนะครับ คุณวายุจะต้องกลับมาเดินได้เหมือนเดิมแน่นอน” “ในเมื่อสภาพกูเป็นแบบนี้ จะให้กูใจเย็นได้ยังไงวะ ออกไปให้หมด กูอยากอยู่คนเดียว” วายุไล่ตะเพิดทุกคนเสียงดัง แต่ทว่ากลับไม่มีใครเดินหนีเขาไปไหน เพราะทุกคนเข้าใจความรู้สึกของเขาดีว่ามันกระทบกระเทือนจิตใจของเขาแค่ไหนที่รู้ว่าตัวเองเดินไม่ได้ “กูบอกให้ออกไปไง!” วายุไล่คนในห้องอีกครั้ง “คุณหมอกับหนูยาหยีออกไปก่อน เดี๋ยวลุงจะจัดการเอง” อาทิตย์เอ่ยบอกทุกคนอย่างใจเย็น หลังจากคุณหมอและยาหยีออกไปแล้ว อาทิตย์และสายลมก็คุยเรื่องสำคัญบางอย่างกับวายุทันที และกว่าที่อาทิตย์และสายลมจะเดินออกมาจากห้องก็นานเกือบชั่วโมง “ฝากดูแลเฮียวายุด้วยนะหนูยาหยี” “ป๊าไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะช่วยคุณหมอดูแลเฮียอย่างเต็มที่เลย” “หนูกับเฮียวายุจะต้องอยู่ที่นี่แค่สองคนนะลูก” “เอ่อ...แล้วไม่ให้คุณหมออยู่ดูแลเฮียต่อเหรอคะ” “ตอนนี้อาการโดยรวมของคุณวายุปกติดีแล้วครับ เหลือเพียงทำกายภาพที่ขา คุณยาหยีสามารถเป็นเทรนเนอร์สอนคุณวายุทำกายภาพตามที่หมอเคยสอนได้เลย” คุณหมอเอ่ยบอกยาหยีด้วยน้ำเสียงสุภาพ เพราะในระหว่างที่วายุหลับเป็นเจ้าชายนิทรา ยาหยีก็ได้รับการอบรมเรื่องทำกายภาพจากคุณหมอแล้ว “งั้นก็โอเคค่ะ หนูจะดูแลเฮียให้ดีที่สุด จนเฮียกลับมาเดินได้ปกติเลยค่ะ” “งั้นป๊ากลับก่อนนะลูก ถ้าเฮียมันดื้อ หนูก็จัดการได้เลย” อาทิตย์เอ่ยบอกยาหยีด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ “รับทราบค่ะ ขอให้ป๊าเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัยนะคะ” “จ้า” อาทิตย์พยักหน้า แล้วยกมือลูบหัวยาหยีอย่างเอ็นดูเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ก่อนที่อาทิตย์จะเดินออกจากบ้านไปพร้อมทีมแพทย์สองคน “ตอนนี้เป็นโอกาสของหนูแล้วนะยาหยี ถ้าเฮียมันดื้อนัก ก็ฟาดมันเลย ยังไงป๊าก็เปิดทางให้แล้ว” “สอนหนูดี๊ดีนะคะพี่หมอ...” “จัดการให้เฮียมันหน้าหงอยไปเลย อย่าไปยอม” “จัดการได้เลยเหรอคะพี่หมอ” ยาหยียิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ “ได้สิ เต็มที่” “งั้นก็โอเคเลยค่ะ จัดไป” “ฮ่า ๆ งั้นพี่กลับก่อนนะ หนูอยู่ทางนี้ก็ดูแลตัวเองด้วย” “เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะคะพี่หมอ” “ครับผม” หลังจากสายลมเดินออกจากบ้านไปแล้ว ยาหยีก็มองไปที่ประตูห้องใหญ่ จากนั้นเธอก็จับลูกบิดหมุนเปิดประตูเข้าไป “เข้ามาทำไม” คนในห้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่น เมื่อเห็นเขาตั้งท่าจะเปิดศึกกับเธอ ยาหยีก็ตอบกลับวายุด้วยหน้าตาใสซื่อ “หนูเป็นห่วงเฮียค่ะ” “เธอเป็นห่วงฉันหรือกำลังสมน้ำหน้าฉันกันแน่ ที่ฉันกลายเป็นคนพิการแบบนี้” “เฮียไม่ใช่คนพิการสักหน่อย เฮียจะต้องกลับมาเดินได้เหมือนเดิมแน่นอนค่ะ” “ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว” วายุไล่ยาหยีออกจากห้องทันที เพราะเขาไม่ต้องการคำปลอบโยนที่เป็นเรื่องโกหก “ถ้าเฮียอยากอยู่คนเดียว เฮียจะต้องกินข้าวกินยาก่อนนะคะ” “ฉันไม่หิว” “โอเคค่ะ” ยาหยีพยักหน้าอย่างเข้าใจง่าย ๆ ก่อนที่เธอจะเดินออกไป สิบนาทีต่อมายาหยีก็ถือถาดอาหารเข้ามาในห้อง “เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอยาหยี ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่หิว...” “หนูเข้าใจในสิ่งที่เฮียพูดค่ะ แต่ถึงเฮียไม่หิวก็ต้องกินข้าวกินยาค่ะ เฮียจะได้มีแรงในการทำกายภาพ” “ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น...” “หนูไม่สนว่าเฮียจะทำหรือไม่ทำ เพราะยังไงเฮียก็ต้องทำกายภาพตามคำสั่งหนู” ยาหยีเถียงกลับทันที “เธอเป็นใครถึงได้กล้ามาสั่งฉัน” “เฮียจำไม่ได้เหรอคะ ว่าหนูเป็นเมียของเฮีย” “เมียที่ฉันไม่ต้องการน่ะสิ...” “ถึงเฮียจะไม่ต้องการหนู แต่เราก็แต่งงานกันแล้วนะคะ ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ฉะนั้นเฮียก็ต้องเชื่อฟังหนู” “เพ้อเจ้อ กำลังฝันอยู่เหรอว่าฉันจะต้องเชื่อฟังเธอ” “ไม่ได้ฝันค่ะ เพราะหนูยังไม่ได้นอน มาค่ะ กินข้าวได้แล้ว” ยาหยีตักข้าวแล้วขยับช้อนจ่อไปที่ปากหยัก “อ้าปากค่ะ” “ก็บอกแล้วไงว่าไม่กิน” “เลิกงอแง แล้วก็เลิกดุหนูสักที เรื่องที่เฮียไม่เต็มใจจะแต่งงานกับหนู หนูรู้ดี แต่เฮียช่วยลืมเรื่องนี้ไปก่อน ถ้าเฮียหายดีเมื่อไรค่อยมาเปิดศึกกับหนู ตอนนี้เฮียต้องรักษาตัวก่อน โอเคไหมคะ อื้อ ~” ยาหยีเบ้หน้างอ เมื่อโดนมือสากบีบปากเข้าให้ จนคำพูดของเธอหลุดหายไปในลำคอ “พูดมากจังวะ หนวกหู” “ถ้าเฮียหนวกหู ก็รีบกินข้าวสิคะ หนูจะได้ออกไปจากห้อง” “เออ ๆ กินก็ได้วะ...” เขายอมอ้าปากให้หญิงสาวป้อนข้าวด้วยความรำคาญใจ และเมื่อยาหยีป้อนข้าวเขาจนหมดชาม หญิงสาวก็จัดยาให้เขากินตามที่แพทย์สั่งไว้ “เฮียขา หนูสแตนด์บายอยู่ด้านนอกนะคะ ถ้าเฮียอยากได้อะไร เรียกใช้หนูได้เลย” “อย่ามาสั่งเสียเหมือนจะไปตาย” “อย่ามาปากเสียกับหนู” ยาหยีทำตาดุใส่วายุ “...!” วายุก็จ้องมองยาหยีโดยไม่ยอมแพ้เช่นกัน “หยอก ๆ ถ้าเฮียยังไม่หายดี หนูไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอกค่ะ” ยาหยีหลุดยิ้มออกมาด้วยสีหน้าสดใส “ปากดีขึ้นเยอะ” วายุมองหน้ายาหยีอย่างไม่สบอารมณ์ เขาหลับไปสามเดือน ยาหยีเปลี่ยนไปเยอะ โดยเฉพาะฝีปาก “ไม่ ๆ หนูยังเป็นหนูเหมือนเดิม” ยาหยีพูดหน้าตาดื้อ ๆ ใส่เขา “กวนประสาท ออกไปเลย” “งั้นหนูไม่กวนแล้วก็ได้ เฮียพักผ่อนเถอะค่ะ” พอยาหยีเห็นเขาส่งสายตาคมกริบราวกับมีดจ้องมองมาที่เธอโดยไม่ละสายตา หญิงสาวก็รีบออกไปจากห้องทันที...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม