เช้าวันต่อมา
เป็นอีกวันที่น้ำขิงตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ตอนนี้เธอมานั่งอยู่หน้าห้องรอสัมภาษณ์ในบริษัทยักษ์ใหญ่ ดวงตาประหม่าหันมองคู่แข่งที่มารอสัมภาษณ์ในวันนี้เช่นกัน มีหลายคนที่ดูท่าทางมีประสบการณ์และอายุเยอะกว่าเธอ มันทำให้น้ำขิงรู้สึกไม่มั่นใจมากขึ้นไปอีก เพราะถึงในประกาศจะบอกว่ายินดีรับนักศึกษาจบใหม่ก็เถอะ แต่เธอก็อาจจะแพ้คนที่มีประสบการณ์ก็ได้
ร่างบอบบางนั่งสูดลมหายใจเข้าก่อนจะยกข้อมือดูนาฬิกา อีกสิบนาทีจะถึงเวลาเรียกสัมภาษณ์แล้ว แต่ฉับพลันตรงหน้าเธอตอนนี้กลับมีพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ดูท่าทางใจดี แต่งตัวเนี๊ยบ กำลังส่งยิ้มมาให้อยู่ตรงหน้า
“คุณคีติกาใช่มั้ยคะ?”
พนักงานคนนั้นเอ่ยถามน้ำขิง เธอพยักหน้าพลางทำหน้าเหวอ
“เชิญทางนี้ค่ะ”
“คะ?”
น้ำขิงมองตามมือของพนักงานหญิงคนนั้นที่ผายไปอีกทาง ไม่ใช่ห้องสัมภาษณ์ที่เธอและคนอื่นๆ นั่งรอ แต่น้ำขิงลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตามไปอย่างงุนงง คนอื่นๆ ที่มารอสัมภาษณ์งานก็ต่างมองตามเธอที่เดินตามพนักงานคนนั้นไปยังลิฟต์ พนักงานที่กำลังจะพาเธอไปไหนก็ไม่รู้กดปุ่มลูกศรขึ้น ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ทำให้ทั้งคู่เดินเข้าไป และเป็นโอกาสที่น้ำขิงจะเอ่ยถามในความไม่เข้าใจทั้งหมด
“ไม่ได้สัมภาษณ์ห้องเมื่อกี้เหรอคะ?”
“ค่ะ”
เธอได้รับคำตอบเพียง ‘ค่ะ’ เท่านั้น จากนั้นภายในลิฟต์ตัวกว้างก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นยี่สิบแปด พนักงานหญิงเดินนำน้ำขิงออกไป เธอเดินตามพลางหันมองรอบข้างด้วยสายตาตกตะลึงเพราะชั้นนี้ดูหรูหราอลังการยิ่งกว่าชั้นที่เธอพึ่งขึ้นมา แอร์เย็นกว่า แถมยังเงียบกว่า ร่างบางเดินตามพนักงานหญิงจนกระทั่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานใหญ่หน้าห้องหนึ่ง เธอขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะเอ่ยถามคนที่พามาอีกครั้ง
“พาฉันมาหาใครเหรอคะ”
“ท่านรอสัมภาษณ์คุณอยู่ค่ะ เชิญด้านในเลยนะคะ”
“...”
ประตูถูกเปิดออกก่อนที่พนักงานหญิงตรงหน้าจะผายมือให้เธอเข้าไปและหล่อนก็ปิดประตูให้แต่ไม่ได้เข้าตามมา น้ำขิงเดินเข้าห้องนี้เพียงลำพังด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ และความตกตะลึงในดวงตายังคงมีอยู่ต่อเนื่องเพราะในห้องนี้มันช่างกว้างใหญ่ตระการตา เหมือนกับห้องทำงานท่านประธานในซีรี่ย์เกาหลีที่เธอเคยดูอย่างไรอย่างนั้น แอร์เย็นเฉียบจนรู้สึกหนาว สองเท้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าโต๊ะทำงานที่มีเก้าอี้ตัวใหญ่หันหลังให้อยู่ เธอเห็นศรีษะของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โผล่ออกมาจากด้านหลัง ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องนั่งหันหลังให้ คนตัวเล็กไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเอ่ยทักทายออกมา
“ส...สวัสดีค่ะ”
เธอมองหลังเก้าอี้ด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก และในตอนนั้นเอง เก้าอี้ตัวใหญ่หรูหราก็หมุนหันกลับมา ปรากฏใบหน้าหล่อเหลากระแทกตาจนน้ำขิงเบิกตากว้างอ้าปากหวอ
ใครกัน...หล่อชะมัดเลย
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อคีติกา อัศวกรกุล ชื่อเล่นน้ำขิงค่ะ”
เธอยกมือไหว้อีกคนอย่างเคารพและหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง ก็เพราะนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นดูลึกลับดุจรัตติกาล ใบหน้าเรียบนิ่งเพียงมองเธอกลับมาและริมฝีปากก็เอื้อนเอ่ย
“นั่งสิ”
สุ้มเสียงของเขาฟังดูแล้วน่าเกรงขามทรงพลังไม่ต่างกับน้ำเสียงของจอมทัพ น้ำขิงพยักหน้าและเดินไปนั่งตรงเก้าอี้อีกฝั่ง กลายเป็นตอนนี้โต๊ะทำงานกั้นระหว่างเราสองคนเอาไว้
เธอเผลอมองเขาในขณะที่อีกฝ่ายก้มหน้าอ่านบางอย่างในแฟ้มเอกสาร น้ำขิงเดาว่าคงเป็นประวัติการสมัครงานของเธอ ใบหน้าหล่อของเขาช่างไร้ที่ติ ดวงตาคมกริบเรียวรี คิ้วเข้มรับกับสันจมูกโด่ง ริมฝีปากหยักได้รูป ร่างกายดูกำยำแข็งแรงแถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมากระทบจมูกของเธออยู่ตลอด ภายนอกของผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวไม่ต่างจากจอมทัพเลย เพียงแค่สีหน้าของคนตรงหน้าเธอไม่ได้ดูบึ้งตึงเท่ากับผู้ชายคนนั้น มองแล้วสบายตากว่าเยอะ น้ำขิงคิดไปไหนต่อไหนก่อนจะเหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่ตั้งบนโต๊ะทำงานเคลือบสีทอง บนป้ายนั้นทำให้ดวงตาสองข้างของน้ำขิงถลนออกมา
‘เหมันต์ เดชราชันย์’
น...นั่นมันชื่อของ CEO บริษัทนี้ไม่ใช่เหรอ!!
⭐️??
เปิดตัวละครใหม่ค่ะ วี้ดวิ้ดดดดดด