ทั้งคู่พอจะรู้ว่าอริสราไม่ค่อยจะสนใจเรื่องพวกนี้นักเพราะผิดหวังกับความรักในอดีต แถมชีวิตยังเจอแต่ผู้ชายไม่น่าคบ เรื่องของปวีย์พวกเธอก็พอจะรู้มาอยู่บ้างแต่ก็รู้เท่าที่ว่าถูกเขาหลอกให้ไปดื่มที่ร้านอาหาร มากกว่านั้นอริสราไม่เคยเล่าเพราะไม่อยากจำ
"ก็ดูเผินๆ จากรอยตีนกา " เท่าที่เธอมองอยู่ภายนอกเธอคิดว่าอายุของเขาก็ไม่น่าต่ำกว่าสามสิบหรืออาจจะสี่สิบเลยด้วยซ้ำเพราะจากการกระทำและคำพูดของเขาที่เธอเคยพบเจอมา
แต่ถ้าหากพูดถึงเรื่องหน้าตา ยอมรับว่าเขายังดูเหมือนยี่สิบปลายๆ แต่คนอายุยี่สิบกว่าจะดูสุขุมแบบนั้นได้ยังไง
แถมยังกล้าพูดว่าจะเลี้ยงดูใช้หนี้ให้เธอ แลกกับการเป็นเด็กของเขา
"อคติ” ปภาวรินว่าเพื่อนด้วยท่าทีไม่จริงจังนัก
“นี่ระดับแรร์ไอเทม ระดับไอดอลยังมาติด" หล่อนพูดต่อแล้วเบ้ปากใส่เพื่อนเป็นการหยอกล้อ อริสราเองก็ไม่ได้พูดต่อ จะว่าเธออคติก็ไม่ผิดเสียทีเดียวเพราะเธอกับเขาน่ะไม่มีอะไรให้ต้องชื่นชมกันอยู่แล้ว ในสายตาผู้ชายคนนั้นก็คงมองเธอเป็นผู้หญิงง่ายๆ สำหรับเธอเองก็เห็นเขาเป็นไอ้เฒ่าจอมวางมาดที่ซ่อนหัวงูไว้เช่นกัน
ทำเป็นสั่งห้ามไม่ให้เธอเพ่งพรายความลับแต่เขากลับชวนเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าสนองตัณหาของตัวเอง
‘ไอ่แก่หนังเหนียว!’
‘เวธัส’ ชื่อของผู้ชายคนนั้นที่เธอเพิ่งรู้จากเพื่อน เขาตามหลอกหลอนในความทรงจำตลอดหลายเดือนแต่เพิ่งจะมารู้ชื่อจริงกันก็วันนี้
อันที่จริงการพบกันวันนี้เขาแทบจะไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ ดูเหมือนเวธัสเพียงแค่มาตรวจดูความเรียบร้อยของการจัดงานแล้วก็กลับ มาทักทายตามมารยาทก่อนเดินจากไปเงียบๆ ทำเหมือนเธอเป็นธาตุอากาศที่มองไม่เห็น อริสราไม่แน่ใจว่าเขามองไม่เห็นเธอจริงๆ จำไม่ได้หรือไม่ให้ความสนใจกับเธอแล้วกันแน่
แต่ไม่ว่าจะเหตุผลไหนมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร
“แล้วเป็นยังไงบ้างเรื่องไอ้หมอนั่น”
ปภาวรินถามเพื่อนถึงเรื่องหนึ่งโดยที่ไม่ได้กล่าวชื่อคนที่กำลังพูดถึง เพราะเรื่องที่ครอบครัวเป็นหนี้ก้อนโตกับตระกูลนักการเมืองถูกเจ้าตัวเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อระบายเมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว
“ไม่ได้ใช้หนี้สักบาท ค่าใช้จ่ายในบ้านก็เยอะ ส่งน้องเรียนอีกแก จะเอาไหนไปใช้หนี้ ขนาดว่าแม่ขายดีแทบไม่ได้พักนะ” เจ้าของเรื่องตอบด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยวเช่นเดียวกับจิตใจ พอคิดถึงชื่อไอ้คนเฮงซวยนั่นทีไรเธอก็หมดอารมณ์ทำทุกอย่างตรงหน้า
“แล้วมันยังมาอะไรด้วยไหม”
“ไม่นะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ
แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริงนัก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นที่เธอโทรต่อว่าและขู่จะไปแจ้งความ ผู้ชายคนนั้นก็ให้แม่มาไกล่เกลี่ยแถมยังยกเรื่องหนี้ก้อนโตที่อริสราไม่เคยรับรู้มาก่อนพลิกคดีให้เธอเป็นฝ่ายต้องยอมอ่อนข้อ
“แปลว่ามันก็กลัวที่เราขู่อยู่หรอก” ปภาวรินขยับคิ้วด้วยสีหน้าสงสัย
“ก็ดีแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีอยากถูกหวย”
ถึงจะพูดว่าคนพวกนั้นไม่ยุ่งเกี่ยวก็ยังต้องพบเจออยู่ทุกสิ้นเดือนและบางวันที่นับเป็นวันเฮงซวยเพราะปานใจเช่าตึกของปวีย์ขายข้าวมันไก่อยู่ ยังติดหนี้อีกก้อนใหญ่และลูกค้าก็ชินกับการมากินข้าวที่ร้านนั้นจะหนีไปไหนก็ไม่รอดเพราะทำเลตรงนั้นคนติดแล้ว หากเปลี่ยนทำเลใหม่คงต้องใช้เวลาฝื้นตัวอีกนาน
ถึงอริสราจะโกรธที่ถูกกระทำแบบนั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมีหนี้ค้ำคอ คนพวกนั้นมีสิทธิ์ที่จะเรียกเอาเงินได้ทุกเมื่อเพราะมีสัญญาชัดเจน แล้วจะเอาอะไรไปชนะพวกคนเหล่านั้นได้ พวกเขามีเงินและมีอำนาจ
ประเทศนี้เงินมันทำให้คนยิ่งใหญ่จะตายไป เปลี่ยนผิดให้เป็นถูกได้เสมอ…
และไม่รู้ว่าเป็นการตบหัวแล้วลูบหลังคนจนๆ อย่างเธอหรือเปล่า แต่ครอบครัวปวีย์ขยายเวลาการใช้หนี้ให้อีกหลายปี ทว่าอริสรากลับมองว่ามันเป็นวิธีที่เหมือนกักขังลูกหนี้อย่างเธอให้ยอมจำนนต่อการถูกกระทำมากกว่า
อยากถูกหวยรวยวันนี้พรุ่งนี้เธอจะได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้นเสียที
“หาแฟนรวยๆ แล้วไปปิดหนี้มัน” ภาวินพูดพลางขำแต่แฟนสาวกลับจริงจัง
“นั่นสิ พอจีบสาวไม่ติดก็มาทวงหนี้ ก่อนหน้านี้นี่แหม…แทบจะยกรถยกบ้านให้ยัยเอย” ปภาวรินลากเสียงยาวให้เห็นถึงความหมั่นไส้ที่ล้นเปี่ยม
“เงินเขา เขาก็อยากได้คืน รออะไรเข้าที่เข้าทางก่อนจะหามาใช้ให้หมด” อริสรากระดกเครื่องดื่มที่เหลืออีกครึ่งเพียงรวดเดียวหลังพูดประโยคนั้นจบ
ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายที่เธอท่องบ่อยกว่าการไม่ขอพบเจอเวธัสเสียอีก ทุกวันนี้ที่ยอมเหนื่อยตื่นเช้าทำงานช่วยร้านข้าวมันไก่ของแม่ ตกเย็นทำขนม เพื่อวางขายหน้าร้านและฝากขายตามร้านกาแฟรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด ก็เพราะอยากหาเงินมาใช้หนี้ไอ้โรคจิตนั่นเพื่อจะได้ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก
“ตามจีบแกมาเป็นปี ไม่คิดจะใจอ่อนเลยเหรอตอนนั้น สงสัยอยากรวบหัวรวบหาง” เพื่อนสาวที่นั่งข้างแฟนหนุ่มของเธอเอ่ยถามอย่างนึกสงสัยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้คำตอบของอริสรา
บางครั้งพวกหล่อนก็อยากจะเห็นผู้ชายคนสุดท้ายที่ลงเอยกับเพื่อนคนนี้เสียที หรืออาจจะไม่มีวันนั้นเพราะเพื่อนยืนยันว่าจะอยู่ครองโสดไปจนแก่ ใครจะไปคิดว่าแค่การถูกหักหลังในความรักเพียงครั้งเดียวจะทำให้คนคนหนึ่งเจ็บจนเข็ดหลาบขนาดนี้
ปภาวรินไม่ใช่เจ้าแม่ความรักแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยอกหัก การเริ่มต้นใหม่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเสมอไป หากเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่ยังไงเราก็พร้อมมีความรักครั้งใหม่
“ไม่ใช่แนว”
“อยากรู้นักแนวแกเป็นยังไง ไม่รู้ชาตินี้จะได้เห็นไหม” ปภาวรินบุ้ยปากใส่เพื่อนอย่างนึกหมั่นไส้ก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยรู้ว่าต่างคนต่างไม่ได้จริงจังกับคำพูดกันและกันนัก สำหรับพวกหล่อนมิตรภาพมีล้นเปี่ยมเสมอ
“จะไปเดินเล่นหน่อย อากาศเริ่มเย็นแล้ว”