"ยิ้มต้องมั่นใจในตัวเองนะ ยิ้มอย่าเอาแต่มองว่าตัวเองแย่ ไม่ดี ต่ำต้อย ไม่ควรค่าที่จะได้รับสิ่งดีๆ"
เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวย เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแฝงไปด้วยพลังบวกที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน จู่ๆ ไบรท์ก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม
"ยิ้มออกจะน่ารัก ทำกับข้าวเก่ง ทำงานบ้านเก่ง เรียนก็เก่ง นิสัยดีอีกต่างหาก " เขาเอ่ยร่ายยาวพร้อมกับเปิดกระป๋องเบียร์ และยื่นมันมาให้เธอ
"ให้ทำไม?" เธอทำหน้าสงสัยเล็กน้อย
"มันช่วยให้หลับสบาย ลองดู"
"เราไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์" เธอไม่เคยดื่มจริงๆ และไม่รู้เลยว่าถ้าเธอเกิดกระดกมันเข้าไปแล้วสภาพหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร
"ลองดูสักครั้งเถอะ ไม่เสียหายหรอก เราอยากให้ยิ้มหัดลองอะไรใหม่ๆ บ้าง"
"งั้นก็ได้ " ทำไมเธอถึงตกลงง่ายขนาดนั้นน่ะเหรอ สั้นๆ เลยคือ...อยากลอง
"อึก อึก อึก" เธอกระดกเครื่องดื่มในกระป๋องลงคออย่างฝืดเคือง และนั่งกระพริบตารอดูสิ่งที่จะตามมา พอผ่านไปได้เพียงสามนาที...
ฟุบ! เอาเป็นว่าสาวเจ้าของกายของไบรท์ หลับคอพับในท่านั่งท่าเดิมจนเขาขำปอดโยก เบียร์แค่สามอึกทำเอาเธอน็อคกลางอากาศได้ขนาดนี้เลยเหรอ? น่าทึ่งเกินไปแล้ว..
สองเดือนผ่านไป...
ผ่านมาเกือบสองเดือนเต็ม ที่ยิ้มไปใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคนนั้น นับวันเธอยิ่งสวีทหวานกับหนุ่มลูกครึ่งนั่น จนใครๆ ต่างอิจฉา รวมถึงตัวเขาเอง
"ยิ้มๆ กันต์หิว"
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเผลอเรียกชื่ออดีตแฟนสาวที่เคยเป็นคนทำทุกอย่างให้ จากที่ตื่นมาไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน บนโต๊ะก็จะมีกับข้าว หรือไม่ก็ของว่างวางรอเขาอยู่บนโต๊ะ
ตอนนี้กลับพบเพียงความว่างเปล่า อ่างล้างจานที่เมื่อก่อนเคยมีจานไม่เกินสามใบแช่อยู่ ตอนนี้กองพะเนินจนจะชนกับเพดาน เสื้อผ้าที่เคยมีคนซักรีดให้ทุกครั้ง ตอนนี้ล้นตะกร้าไปหมด ห้องที่สะอาดสะอ้านตอนนี้ไม่ต่างจากรังหนู
และที่สำคัญเจ้าของร่างเล็กที่คอยวิ่งเต้นไปมา รอยยิ้มและเสียงหัวเราะในวันวาน กลับไม่ปรากฏตัวตนขึ้น ยิ่งทำเขาใจหาย...
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด~~จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เรียกให้คนที่นั่งหลบมุมมืดอยู่หลุดออกจากภวังค์ความคิด และกดรับสายในเวลาต่อมา
"ว่าไง"
[ไอ้กันต์มึงไม่มาเรียนเหรอวะ ที่คณะให้ตามมาทำกิจกรรม]
"ไม่อะ กูไม่ว่าง"
[มึงอย่ามาตอแหล มึงไม่อยากเสด็จออกจากห้องก็บอกมาตรงๆ]
"วันนี้ยิ้มมาเรียนไหม?"
เขาไม่คิดจะสนใจสิ่งที่เพื่อนถามเลยสักนิด ประโยคเดียวที่เขาจะเฝ้าถามหากตนเองไม่ได้ออกไปเจอเธอก็คงจะเป็น 'ยิ้มมาไหม?' 'เจอยิ้มทีไหน?' วนอยู่แค่นี้
[มา มากับผัวเขา มึงจะถามทำซากอะไร ตอนนี้มึงต้องมาทำกิจกรรมกับน้องๆ มึงเป็นเดือนคณะนะเว้ย งานสังคมมึงต้องรับผิดชอบ]
"บอกว่ากูไม่สบายก็จบ ถ้าไม่โอเคกูก็จะคืนตำแหน่งให้คนอื่นเอาไปทำแทน"
เขาตอบง่ายๆ เพียงเพราะไม่มีกะจิตกะใจจะคิดเรื่องอื่นให้ปวดหัว ตอนนี้เขาไม่อยากทำอะไรสักอย่าง ชีวิตดูไม่มีเป้าหมายและไร้เหตุผลสุดๆ
ซึ่งต่างจากตอนเเรกที่ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เลิกกับเธอ ยิ่งโดนเธอหักหน้าแบบนั้น เขายิ่งโมโหและประกาศกร้าวว่าไม่เคยคิดเสียดายผู้หญิงแบบนั้น ใช้ชีวิตสนุกสุดโต่ง กินเหล้าเที่ยวทุกวันไม่มีใครห้าม อิสระเต็มตัวนอนกับสาวไม่เคยซ้ำหน้า แต่พอนานวันเข้ากับรู้สึกเบื่อหน่ายเพียงแค่ชั่วข้ามคืน
ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเลยสักนิด ส่วนความสุขที่แท้จริงของเขา ตอนนี้หลงเหลือไว้เพียงสิ่งของบางอย่างที่เธอไม่แม้จะกลับมาเอา
ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอ เพราะไอ้เวรนั่นไม่เคยปล่อยเธอให้คลาดสายตาเลยแม้แต่ก้าวเดียว สิ่งที่คนแบบเขาทำได้ก็คงมีเพียงการแอบมองเธอครั้งแล้วครั้งเล่า น่าสมเพชนะว่าไหม?
"กันต์ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ฮึก~"
แขนแกร่งสองข้างโอบกอดเข่าตัวเองไว้แน่น พลางซุกหน้าลงคล้ายกับอยากหนีความเป็นจริงที่ไม่มีเธอคนนั้นแล้ว เธอใช้เวลาจากวันนั้นเพื่อลืมเขาไปทีละนิด และกำลังมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น แต่เขาล่ะ? เขาเคยลืมเธอได้อย่างที่ปากเก่งกับเธอไหม? ก็ไม่...
ตื๊ด~ ตื๊ด~ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะฮอตเป็นพิเศษ มีคนโทรตามไม่ว่างเว้น แต่กลับไม่มีสายที่รอคอยเลยสักครั้ง
"ครับม๊า"
[กันต์ลูกรัก เป็นไงบ้างลูก ช่วงนี้ไม่กลับบ้านเลย]
"ช่วงนี้กันต์งานเยอะครับม๊า ยังไม่มีเวลาว่างเลย" ชายหนุ่มพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะกุเรื่องให้ผู้เป็นแม่ตายใจ
[งั้นเหรอ? สบายดีไหมครับ กินอะไรบ้างหรือยัง]
"เรียบร้อยครับม๊า"
[เหรอ แล้ววันนี้ลูกสะใภ้ม๊าทำเมนูอะไรให้ลูกม๊ากินล่ะ"]
"อึก..." กันต์ถึงกับสะอึกพูดไม่ออก ความรู้สึกบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกตรงกลางอก จนหายใจไม่เต็มปอด ยิ่งพูด ยิ่งคิดถึง ยิ่งรู้สึกผิด
"เหมือนเดิมครับแม่ หลายเมนูจนกันต์จำไม่ได้"
เขายังคงโกหกผู้เป็นแม่ต่อไป จะให้บอกแม่ว่าเลิกกับยิ้มอย่างนั้นหรือ? เขาก็ไม่กล้า ไม่กล้าบอก และยิ่งไม่กล้ายอมรับ อีกอย่างที่บ้านชอบยิ้มมากเพราะยิ้มเป็นคนนิสัยดี เข้ากับคนได้ง่าย พูดจาน่ารักน่าฟัง ผู้ใหญ่คนไหนได้เจอก็อดเอ็นดูไม่ได้ ทุกคนคาดหวังว่าตำแหน่งลูกสะใภ้หลานสะใภ้ของบ้านต้องเป็นยิ้ม แต่กลับเป็นเขาซะเองที่รักษาเธอไว้ไม่ได้...
[สุดยอดจริงๆ ลูกสะใภ้ม๊าคนนี้ แล้วยิ้มอยู่นั่นไหม ม๊าอยากคุยด้วยสักหน่อย]
ม๊าจะรู้ไหม ว่าเขาก็อยากคุยกับยิ้มเหมือนกัน อยากให้เธออยู่ข้างๆ แต่นั่นมันคงเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
"ยิ้มออกไปซื้อของครับ อีกสักพักกว่าจะกลับ" เขาบังคับเสียงไม่ให้เเสดงอาการสั่นอย่างสุดฤทธิ์
[อ้าวเหรอ ไม่เป็นไร ๆ ช่วงปิดเรียนอย่าลืมพายิ้มมาเยี่ยมที่บ้านบ้างนะ อากงบ่นคิดถึงใหญ่เลย อีกอย่างก็จะได้แนะนำให้ญาติผู้ใหญ่รู้จักด้วย เดี๋ยวเรียนจบเราสองคนก็จะเเต่งงานกันแล้ว]
"ดะ ได้ครับ"
ก่อนที่เขาจะกดวางสายไปด้วยมือสั่นเทา แต่งงาน? จะเเต่งงานได้ยังไง ตอนนี้แม้แต่หน้าเขายิ้มยังไม่ยอมหันมองเลยด้วยซ้ำ ขนาดเพื่อนเรียกชื่อเขาเธอยังไม่อยากได้ยินเลย คำที่ไอ้นิกเคยพูด เล่นวนในหัวเขาซ้ำไปซ้ำมา "ตอนผู้หญิงรัก ก็รักจะเป็นจะตาย แต่พอได้เกลียดมากๆ แม้แต่ชื่อก็ไม่อยากได้ยิน"
เขาควรจะทำอย่างไรงั้นเหรอ? ทำใจยอมรับกับความจริงที่ตัวเองป็นคนเลือกผลักไสเธอให้คนอื่นตั้งแต่แรก หรือหน้าด้านดั้นด้นไปขอโอกาสเธออีกครั้งดี? …