แล้วเพื่อนทั้งกลุ่มก็ตกลงไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในตัวเมืองปราญติญานั่งมองเพื่อนที่ดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนานกันแต่เธอไม่คิดจะดื่มเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นเพราะหญิงสาวต้องเป็นคนขับรถกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณเกือบ 20 กิโลเมตร
"จะไม่ดื่มอะไรหน่อยเหรอป่าน” ภาณุวิชญ์ถือโอกาสที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานเข้ามานั่งใกล้กับปราญติญา
“ไม่ล่ะ ป่านต้องขับรถแล้วณุล่ะ”
“ผมก็เหมือนกัน ป่านรู้สึกไหมว่าบรรยากาศแบบนี้มันคุ้นๆ” ชายหนุ่มขยับมาใกล้และเมื่อได้กลิ่นกายของหญิงสาวอีกทั้งบรรยากาศในร้านมันคล้ายกับเธอคนนั้นมากก็ทำให้เขามั่นใจทันทีว่าเธอคือผู้หญิงที่เขานอนด้วยในคืนนั้น
“ป่านไม่คุ้นนะเพราะปกติป่านไม่ค่อยเที่ยวเท่าไหร่”
“ผมว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันนะ ออกไปคุยกันหน่อยดีไหม”
“คุยตรงนี้ก็ได้นะ”
“แต่ตรงนี้มันเสียงดังและผมกลัวว่าถ้าคนอื่นมาได้ยินเรื่องที่ผมจะคุยกับป่านมันจะทำให้ป่านเสียหายได้นะ”
“มีเรื่องอะไรที่ต้องสองคนจะต้องคุยกันด้วยเหรอ”
“แน่ใจนะว่าจะให้ผมพูดเรื่องคืนนั้นตรงนี้”
“เรื่องคืนนั้นคือเรื่องอะไร” ปราญติญาเริ่มเป็นกังวลว่าเขาจะใช่ผู้ชายคนนั้น
“ตามผมออกมาสิ” ภาณุวิชญ์เดินนำหญิงสาวออกมารอนอกร้านซึ่งบรรยากาศค่อนข้างเงียบกว่าด้านไหนมาก เขายืนกอดอกพิงรถและมองปราญติญาที่เดินตามมาและสีหน้าของเธอเหมือนกำลังวิตกกังวลอะไรบางอย่าง
“มีอะไรคุยก็ว่ามา” หญิงสาวภาวนาว่าเรื่องที่ภาณุวิชญ์คุยคงไม่ใช่เรื่องที่เธอเป็นกังวลอยู่
“ผู้หญิงคนที่ผมเจอในผับคืนนั้นคือป่านใช่ไหม”
“ณุกำลังพูดอะไร”
“ป่านคิดว่าผมจำเสียงจำกลิ่นป่านไม่ได้เหรอ แล้วผู้หญิงตาโตมีลักยิ้มมันจะมีสักกี่คนกันเชียว อันที่จริงผมจำได้ตั้งแต่ตอนไปโรงพยาบาลแล้วแต่ก็ยังไม่แน่ใจ”
“ณุพูดอะไรเนี่ยไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“แน่ใจนะว่าป่านจำผมไม่ได้”
ปราญติญาเงียบเพราะถ้าเธอไม่ยอมรับภาณุวิชญ์ก็คงทำอะไรเธอไม่ได้
“ป่านไม่เข้าใจว่าณุกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
“ป่านจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมทบทวนให้เองว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา” ชายหนุ่มดึงเธอเข้ามาใกล้มือใหญ่มีปลายทางของหญิงสาวเชยขึ้น
“ณุจะทำอะ...อื้อ...” ภาณุวิชญ์ไม่รอให้หญิงสาวพูดจบเข้าก้มลงจูบแล้วสอดปลายลิ้นไปในโพรงปากเล็กของหญิงสาวตอกย้ำความทรงจำในคืนนั้นให้แจ่มชัดขึ้นมาทันที
ปราญติญาพยายามผลักเขาออกแต่ร่างกายกับตอบสนองจูบกับเจ้าของเขาด้วยความเต็มใจความรู้สึกแบบนี้ที่เธอโหยหาตั้งแต่คืนนั้น เธอยอมรับเลยว่าจูบของเขามันทำให้เธอรู้สึกแตกต่างจากจูบของรัฐภูมิหนุ่มเมื่อครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง
ภาณุวิชญ์ตักตวงความหวานในโพรงปากเล็กจนพอใจก่อนจะยอมถอนจูบออกแต่มือก็ยังรั้งเอวคอดให้อยู่แนบชิด
"จำได้หรือยังล่ะ ว่าคืนนั้นเรามีความสุขกันแค่ไหน”
“แต่…..”
“อย่าปฏิเสธเลยผมจำได้ถึงแม้คืนนั้นเราจะเมาด้วยกันทั้งคู่แต่ก็ใช่ว่าผมจะลืมทุกอย่างนะ”
“ณุจะพูดเรื่องนั้นมาอีกทำไม” หญิงสาวพูดแล้วก้มหน้า เธอไม่กล้าสบตาภาณุวิชญ์เพราะรู้สึกอายกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ยอมรับแล้วใช่ไหมล่ะว่าคืนนั้นเป็นป่านจริงๆ”
“ถ้าใช่แล้วมันจะยังไงล่ะ เรื่องทุกอย่างมันก็จบไปแล้วป่านไม่ติดใจเอาความหรอกนะ ป่านรู้ว่าทุกอย่างเพราะคุณเมาและป่านก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง”
“ป่านโดนยาใช่ไหม อาการแบบนั้นผมพอจะเดาออกว่าแต่ใครเป็นคนเอายาให้ป่านกิน”
“คุณไม่ต้องรู้หรอก เขาก็แค่ผู้ชายเลวๆ คนหนึ่ง”
“ถ้าผมเดาไม่ผิดผู้ชายที่เอายาให้ป่านกินน่าจะเป็นแฟนของป่านใช่ไหม”
“ณุรู้ได้ยังไง”
“บุ๋มบอกผมว่าคุณเพิ่งเลิกกันแฟน มันประจวบเหมาะพอดีมากๆ กับเวลาที่เราเจอกันในคืนนั้น เขาเป็นคนทำใช่ไหม”
“ป่านยอมรับก็ได้ว่าป่านเป็นผู้หญิงในคืนนั้นแต่ป่านก็อยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบไปตั้งแต่คืนนั้นอย่ารื้อฟื้นอีกเลยนะขอร้องล่ะ”
“ทำไมล่ะป่านหรือเพราะคืนนั้นคุณไม่มีความสุข” เขาถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มรู้ดีว่าคืนนั้นเขาแล้วเธอมีความสุขกันมากแค่ไหนถ้าไม่เข้าข้างตัวเองมากนักผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะพอใจในรสสวาทที่เขามอบให้
“ป่านยอมรับว่ามีความสุขแต่เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“แล้วถ้าผมอยากให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีกล่ะ”
“ป่านก็บอกแล้วไงว่าไม่มีทางจะให้มันเกิดขึ้นอีก เราสองคนอย่าคุยเรื่องนี้กันอีกเลยนะ เราเป็นเพื่อนห้องเดียวกันมันจะมองหน้ากันไม่ติด”
“คุณกลัวอะไรกลัวหรือกลัวความรู้สึกของตัวเอง กลัวว่าจะหลงรักผมเหรอ”
“เปล่าเลยป่านไม่เคยคิดแบบนั้น ณุนั่นแหละที่สักวันจะหลงรักป่านขึ้นมา”
“เรามาพนันกันไหมล่ะว่าระหว่างเราสองคนใครจะหลงรักใครก่อน”
“ไม่ค่ะ ป่านไม่ชอบเล่นการพนันและเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นกับความรู้สึก”
“แต่ผมไม่อยากให้เรื่องมันจบ”
“แต่ป่านอยากจบ ขอร้องล่ะณุเห็นแก่เป็นเพื่อนของเราอย่าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”
“ผมจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับและจะไม่เล่าให้ใครๆ ฟังก็ได้”
“ขอบใจนะ เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะออกมานานแล้วเดี๋ยวเพื่อนจะสงสัย”
“ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรอีกล่ะ”
“ผมขอเวลาสามเดือน”
“สามเดือนสำหรับอะไร”
“สามเดือนที่เราจะเป็นคู่นอนกัน”
“ณุหมายถึง Friends With Benefits เหรอ”
“ป่านเข้าใจอะไรง่ายดีนะ ตกลงไหม”
“ไม่ค่ะ ป่านไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะต้องทำแบบนั้นเลย”
“ไม่คิดดูดีๆ หน่อยเหรอป่าน เราจะมีความสุขด้วยกันนะ”
“ความสุขมันไม่ใช่มีเรื่องบนเตียงอย่างเดียวนี่ มันมีความสุขอย่างอื่นอีกเยอะ”
“ผมก็คิดว่าจะคุยกับป่านดีๆ จะลองให้เราได้คุยกันสามเดือน บางทีเราอาจจะชอบกันมาจริงๆ ก็ได้”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ บอกตรงๆ ว่าป่านเข็ดกับผู้ชายเจ้าชู้”
“ถ้าป่านไม่ยอมผมจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนเรานะ”
“คิดว่าเพื่อนจะเชื่อใคร เชื่อผู้ชายอย่างณุหรือผู้หญิงเรียบร้อยอย่างป่าน” ปราญติญาคิดว่าตนเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าถ้าหากเรื่องนี้หลุดออกไปให้คนอื่นรู้รับรองว่าไม่มีใครเชื่อเขาแน่
“ที่ป่านพูดมันก็ถูกนะเพื่อนๆ คงจะเชื่อป่านมากกว่าผมแน่เพราะผมดูเจ้าชู้ดูกะล่อนแต่ถ้าพวกเขาเห็นคลิปของเราล่ะ ป่านคิดว่าเขายังจะเชื่ออีกไหม”
“ณุหมายถึงคลิปอะไร”
“ก็คลิปของเราคืนนั้นไงล่ะ”
“ไปแอบถ่ายไว้ตั้งแต่ตอน” ปราญติญาตกใจจนหน้าซีดเพราะไม่คิดว่าเขาจะถ่ายคลิปไว้ด้วย
“ผมไม่ได้แอบถ่ายนะแต่ในห้องผมมันมีกล้องวงจรปิดและภาพเสียงมันก็ชัดมาก ป่านอยากดูไหมจะได้แน่ใจไงว่าเห็นหน้าของป่านชัดหรือเปล่า” ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้กับปราญติญา
“อย่านะ ใครอยากจะดูภาพแบบนั้นกัน ลบออกเลยนะ”
“ผมจะลบทุกอย่างออกแต่ป่านต้องยอมนอนกับผมสามเดือน”
“ณุจะเอาเปรียบป่านเกินไปแล้วนะ”
“ผมไม่ได้เอาเปรียบเลยนะ เวลานอนด้วยกันเราก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ป่านลองคิดดูสิถ้าคืนนั้นผู้ชายที่ป่านเจอไม่ใช่ผมมันจะเกิดอะไรขึ้น เขาคงไม่ใจดีพาคุณไปค้างที่คอนโดแล้วปล่อยให้คุณกลับออกมาง่ายๆ หรอกนะ”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะคะ บางทีเขาก็อาจจะพาป่านไปส่งที่หอ”
“ไม่มีทางหรอก ป่านลองนึกดูดีๆ สิว่าคืนนั้นเหตุการณ์มันเป็นยังไง”