ศรัทธา 1

1946 คำ
บทคาถาเป็นภาษาไทย แต่ไรท์ได้มีการแปลงเป็นภาษาถิ่น หากไม่ถูกต้องขออภัยด้วยค่ะ “นะโม นะเมอะสะการ เปรียะแอสูรเปรียะนาเรีย แดลเมียนฤทธิ์ มนต์เจาะโมอำปีแผนมีกแผนแด็ย เตี่ยงเปรียะปรมเปรียะยมมะกาล เติบกรูเปร่ออัน ลำเลียยมีเฌอ เทอพิธีเบิกทะเวียร จีกโอรจีกสระ ก็อบขมอจเปรียขมอจกันรอลพอง ตังกันชุ๊โกสพาพอง เติบกรูเปร่ออัญชะมาะเปรียะอนุรุดทะมหาแถร เติบกรูเปร่ออัญออยแว็ย กระแสเตี๊ยะกอปั่ว มนต์ชองตึกมนต์โมห๊อจออยอัญ อันนึงเสร็จเนียะเตี่ยงหลาย สร็อจเตี่ยงแสร็ยเปร๊าะ เนียะจงือชือจำกัด เนียะกันสอตอ็อตตวง เนียะเมียนโรกีพะเยียธี เนียะทวืออแว็ยมันส็อปรารถนา สร็อจแจร แสนงแบกกะจาย เติบกรูเปร่ออัญออยยัวเดิมต่อเดิม เติบกรูเปร่ออัญออยยังจ่องต่อจ่อง ออม นะมะจักขุ ตันลุบาดาร ระเงือบละเลียระเบาะจันไร พะเญอร์ ตุกนึงเปี๊ยะปรี จันไร พะเญอร์นึงมีขย็อลระเบาะคลัง พะเญอร์ยืงเนียงธรแณ็ย สัจกะแด็ยเสาะออยเมียนเตี่ยงดอย นายแม้น พอง” สุ้มเสียงเคร่งขรึมน่าเกรงขามดังไม่ขาดสาย ตาคมกริบภายใต้แว่นเลนส์สีดำ มองเทียนขี้ผึ้งหยดลงยังขันน้ำพุทธมนต์เขม็ง ริมฝีปากขยับบริกรรมคาถาภาษาถิ่นไม่ว่างเว้น ขณะหมู่มวลวิหคบินแตกรังร้องเสียงดังระงม ประสานกับบทคาถาของผู้ร่ำเรียนวิชาไสยเวทย์จนเก่งกาจ ทำเอาผู้คนรอบข้างต่างพากันไรขนลุกชูชัน เมื่อรับรู้ถึงอานุภาพของผู้มีวิชาที่กำลังทำพิธีน้ำมนต์ธรณีสาร สิ้นเสียงแข็งกร้าวที่ผู้คนต่างยำเกรง มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดจับเทียนจุ่มลงในขันสีทอง เมื่อเสร็จพิธีใบหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก ก็หันมองยังลูกศิษย์แล้วพยักหน้าเชิงบอกให้เอาน้ำมนต์ไปอาบให้คนป่วย ส่วนตัวเขายืนกอดอกมองภาพเบื้องหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งพิธีเสร็จสิ้น คนตัวสูงก็โยนสายสิญจน์ที่ผ่านการปลุกเสกเป็นอย่างดี ลงยังตักชายวัยกลางคนที่นั่งประนมมืออยู่ที่พื้น พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่เกรี้ยวกราด แต่วางอำนาจอยู่ในที “ใส่ไว้ ห้ามถอด” “ขอบคุณครับ” เมื่อเห็นว่าเสร็จสิ้นพิธี คนตัวสูงก็เตรียมเดินออกจากบ้านไม้สักสองชั้นทว่า... “เดี๋ยวจ้ะหมอธรรม” ได้ยินเสียงแหลมสูงดังขึ้นจากทางด้านหลัง เท้าหนักจึงหยุดชะงัก ใบหน้าเรียบนิ่งหันยังต้นเสียง เห็นหญิงสาวลูกของกำนันแม้น ที่มาทำน้ำพุทธมนต์ล้างคุณไสยให้ เดินมาหยุดยืนข้างหน้า ห่างจากตัวเขาเล็กน้อย คนตัวสูงจึงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน “ขยับออกไป” “จ้ะ” คำพูดและสีหน้าเคร่งขรึมทำเอาเมย์หน้าเสียไม่น้อย จึงรีบขยับออกห่างจากคนด้านหน้า ขณะดวงตามองหมอธรรมหนุ่มด้วยท่าทีเขินอาย ไม่นานก็ยื่นแบงก์เทาจำนวนสิบใบให้พร้อมเอ่ยบอก “ค่าครูจ้ะ” “เอาให้ไอ้ มงคล” คนตัวสูงเอ่ยบอกหญิงสาวที่ยืนบิดไปบิดมา คล้ายกับกำลังเขินอายบางอย่างอยู่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็เดินออกจากบ้านกำนันแม้น ไปยังรถกระบะของตน ที่จอดอยู่หน้าบ้านทันที ส่วนมงคล ลูกศิษย์ของ ‘กัปตัน’ หมอธรรมหนุ่มวัยยี่สิบเก้า ผู้สืบทอดไสยเวทจากคนเป็นพ่อ ที่พาย่าและมารดากลับไปอยู่ที่บ้านเกิด ทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวต้องรับหน้าที่ ปกปักรักษาและคอยช่วยเหลือ อีกทั้งเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านช้างใหญ่สืบต่อไป... เมื่อรับเงินค่าครูจากชาวบ้านเรียบร้อย ก็รีบเดินตามอาจารย์ของตนไป... “อาจารย์จะกลับบ้านเลยไหมครับ?” “แล้วมึงจะอยู่ทำไม” เสียงของชายที่มักจะไม่ค่อยพูด แต่พอเอ่ยออกมาแต่ละคำ ทำเอาคนฟังสะอึกไม่น้อย เหมือนเช่นมงคลชายหนุ่มวัยยี่สิบสองที่เป็นอยู่ในตอนนี้ จึงเลือกเดินตามกัปตันไปยังรถเงียบ ๆ ขณะร่างสูงกายกำยำ กำลังเดินไปยังรถกระบะสีดำ ที่จอดบนถนนหน้าบ้านกำนันแม้น ก็ได้ยินเสียงแคนบรรเลงเพลงพื้นบ้านประสานกับกลองยาวล่องลอยมาตามลม เจ้าของรองเท้าหนังสีดำจึงหยุดฝีเท้า ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยคิ้วดกดำรับกับจมูกโด่งคมสัน หันมองทางต้นเสียง ตาเข้มดุภายใต้แว่นกันแดดสีดำ มองทะลุเข้าไปภายในบ้านไม้สองชั้นที่มีใต้ถุน เห็นหญิงวัยกลางคน สวมใส่ผ้าซิ่นมีผ้าไหมพาดบ่า ใบหูทัดด้วยดอกไม้สีแดง กำลังยืนร่ายรำอ่อนช้อยเข้ากับจังหวะดนตรี ที่หมอแคนและหมอกลองกำลังบรรเลง คนตัวสูงยืนมองภาพที่ปรากฏภายใต้แว่นกันแดดสีดำ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่ได้ตื่นเต้นแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นพิธีกรรมรำผีฟ้า เพื่ออัญเชิญเทวดาลงมารักษาคนป่วย ขณะใบหน้าเคร่งขรึมที่ใครเห็นเป็นต้องเกรงกลัว ผียังต้องขยาด กำลังจะละสายตาจากภาพเบื้องหน้า ทว่าจู่ ๆ ก็มีสายลมกลุ่มหนึ่งพัดปลิว ทำเอาเครื่องคายที่ตั้งไม่ไกลจากปะรำพิธีเกือบล้ม ตาคมกริบจึงเบี่ยงไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นหญิงสาวร่างอรชรคนหนึ่ง สวมใส่เสื้อแขนกุดลายลูกไม้สีขาวตัดกับผ้าซิ่นสีพื้น ใบหน้ารูปไข่คิ้วโค้งมนรับกับปากนิดจมูกหน่อย อีกทั้งดวงตากลมโตมีเสน่ห์ ซึ่งดูสวยงามราวกับพระเจ้าปั้นแต่ง เนรมิตใบหน้านั้นขึ้นมาอย่างสวยงามไร้ที่ติ บนศีรษะมีผ้าสีดำปกคลุมเรือนผมเงางาม กำลังจับเครื่องคายไม่ให้ล้ม ความที่ไม่ได้ตั้งใจมอง แต่กลับทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ไม่อาจละสายตาไปจากหญิงสาวคนนั้นได้... ต่างจากคนที่ถูกมอง ไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดเลย นอกจากเครื่องคายที่เธอกำลังจับ กระทั่งสายลมที่พัดผ่านสงบลง ตาคู่สวยก็ช้อนขึ้นเพื่อมองคนเป็นแม่รำรักษาคนไข้ ทว่าสายตาดันสะดุดกับชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมใส่ชุดดำ บนใบหน้ามีแว่นกันแดดสีดำปกปิดดวงตาทั้งสองข้าง ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ทางหน้าบ้าน ทำเอาชะงักไปครู่หนึ่ง แม้จะเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความหล่อเหลา ทำเอา ‘สลัน’ ตกอยู่ในภวังค์ หัวใจเต้นสั่นระรัวกับชายดังกล่าว จนไม่อาจถอดถอนสายตาไปจากเขาได้ ขณะตาคู่สวยเอาแต่จ้องมองคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน พอได้สติว่าใบหน้าของเธอไม่มีผ้าคลุมปกปิด จึงกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้ได้สติ จากนั้นก็รีบหันหลังจับผ้าคลุมปิดหน้าตัวเองเช่นเดิม ก่อนจะหันกลับไปทางหน้าบ้านอีกครั้ง แต่พอเห็นร่างสูงกายกำยำกอดอกมองมาทางเธอ สลันจึงพยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดไม่ได้จึงเบี่ยงสายตามองกัปตันครู่หนึ่ง พอเห็นคนตัวสูงยังคงมองมา เธอจึงรีบขยับไปยืนหลบหลังเสาบ้าน หอบลมหายใจเข้าปอดหนัก ๆ แล้วพ่นให้โล่งพร้อมกับพูดพึมพำ “ใครกันนะ ทำไมถึงหล่อจัง” แม้จะเห็นเขาเพียงไม่กี่นาที แต่ก็ทำเอาเธอพร่ำเพ้อ ในหัวคิดถึงแต่ผู้ชายคนนั้นแล้ว... ทางด้านกัปตันขณะยืนมองเบื้องหน้า คล้ายกับกำลังสนใจพิธีกรรม แต่ทว่าสายตากับทิ้งไปยังเสาบ้านต้นหนึ่ง ซึ่งมีใบหน้าจิ้มลิ้มผลุบ ๆ โผล่ ๆ ออกมามอง แต่พอเห็นเขาเธอก็ขยับหลบ ซ่อนตัวหลังเสาเช่นเดิม “หึ” ท่าทีของสลันที่แสดงออกมา ทำเอากัปตันหลุดหัวเราะในลำคอ จนมงคลที่ยืนอยู่ด้านข้างหันมอง เห็นอาจารย์ตัวเองมองไปยังเสาบ้าน ที่มีลูกสาวของร่างทรงผีฟ้า จึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “อาจารย์มองผู้หญิงที่ยืนอยู่หลังเสาเหรอครับ?” “มึงรู้ได้ยังไงว่ากูมอง” คนตัวสูงเอ่ยถามขณะดวงตายังไม่ละจากเธอ “ผมเดา” “หึ” หมอธรรมหนุ่มหัวเราะคล้ายเย้ยหยันในความคิดของลูกศิษย์ ก่อนจะถอดถอนสายตาจากคนตัวเล็ก เดินไปยังรถกระบะสีดำของตน เมื่อขึ้นไปนั่งยังเบาะข้างคนขับเรียบร้อย มือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีดำเพื่อหยิบบุหรี่ พอลูกศิษย์ตามขึ้นมานั่งยังตำแหน่งคนขับ เขาก็จัดการเปิดกระจกรถแล้วจุดบุหรี่สูบ ขณะหูนั้นฟังลูกศิษย์เอ่ยถาม “สรุปเมื่อกี้อาจารย์ได้มองผู้หญิงคนนั้นไหมครับ?” “แล้วมึงอยากรู้ทำไม?” “ก็เผื่ออาจารย์เห็นปอบในตัวเธอไงครับ” “ปอบอะไรของมึง?” “ชาวบ้านทับช้างลือกันว่า สองแม่ลูกที่เป็นผีฟ้า เป็นทายาทปอบ ผมก็เลยอยากรู้ว่าอาจารย์เห็นปอบที่สิงในตัวเธอไหม?” กัปตันฟังมงคลพูดเงียบ ๆ ขณะริมฝีปากพ่นควันสีขาวออกทางนอกกระจกรถ เมื่อรถกระบะเคลื่อนตัวจากจุดจอดเพื่อมุ่งตรงกลับบ้าน ตาคมกริบภายใต้แว่นกันแดดสีดำ ก็มองเข้าไปในบ้านที่มีพิธีกรรมรำผีฟ้า เห็นหญิงสาวร่างอรชรเอวคอดกิ่ว รับกับสะโพกกลมกลึงน่าหลงใหล ยืนหันหลังให้เขาอยู่ จึงยกยิ้มมุมปากแล้วพูดพึมพำ “ถ้าปอบจะสวยขนาดนี้ กูยอมให้กิน ตับ เลย” “เมื่อกี้อาจารย์พูดว่าอะไรนะครับ?” “กูพูด?” อะไรของเขาวะ! มงคลได้แต่งุนงง ก่อนจะหันไปมองหน้ากัปตันครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลือกไม่สนใจ ส่วนคนที่นั่งสูบบุหรี่พอรถกระบะแล่นพ้นบ้านไม้สองชั้น ก็ดีดบุหรี่ในมือทิ้ง แล้วเอ่ยถามลูกศิษย์ ที่กำลังขับรถด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “มึงรู้จักผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง?” แม้จะสงสัยอาจารย์ของตนไม่น้อย ที่จู่ ๆ ก็ถามถึงลูกสาวผีฟ้า ทั้งที่ไม่เคยสนใจ หรือถามไถ่เรื่องของใครมาก่อน แต่มงคลก็เลือกเก็บความสงสัยไว้ในใจ จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ตัวเองพอรู้ให้คนที่เคารพนับถือฟัง “อาทิตย์ที่แล้วผมไปหมู่บ้านทับช้าง เห็นสองแม่ลูกกำลังโดนชาวบ้านขับไล่ออกจากหมู่บ้านพอดี” “ไล่ออกจากหมู่บ้าน?” “ใช่ครับ” “แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน?” “เห็นว่าผู้ใหญ่ลพช่วยไว้ ให้ไปอยู่ที่บ้านท้ายนาของเขา” “ท้ายนาหมู่บ้านเรา?” “ใช่ครับ” สิ้นบทสนทนาของอาจารย์กับลูกศิษย์ ภายในรถก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ กระทั่งมงคลกำลังจะหาเรื่องคุยกับกัปตัน เมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในรถเงียบเกินไป ทว่าได้ยินเสียงของอีกคนดังขึ้นก่อน “มึงกลับทางหมู่บ้านดงช้างนะ” “ทำไมไปทางนั้นครับอาจารย์ เข้าทางหน้าหมู่บ้านเรามันถึงเร็วกว่านะ” เพราะถ้าเข้าทางหมู่บ้านดงช้าง มงคลต้องขับรถอ้อม แล้วขับเลาะท้ายนาของหมู่บ้านช้างใหญ่ ซึ่งกว่าจะถึงบ้านก็ใช้เวลานานกว่าเดิม อีกทั้งถนนก็ไม่ค่อยดี มงคลจึงไม่เข้าใจ แต่พอได้ยินคำตอบของชายหนุ่มที่เคารพนับถือ “กูจะไปหาพระทองคำ” ทำให้มงคลกระจ่างทันทีจึงตอบกลับไป “อ๋อออออออ ได้ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม