ศรัทธา:5

1636 คำ
สลันปั่นจักรยานไปตามถนนเรื่อย ๆ กระทั่งเข้าเขตหมู่บ้าน พอเริ่มเห็นชาวบ้านมากขึ้นหัวใจดวงน้อย ๆ ก็เต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกหวาดกลัวถาโถมเข้ามา มือเล็กจึงจับผ้าที่ปิดบังใบหน้าสวยราวกับปั้นแต่งแน่นขึ้น กระทั่งจักรยานคันเก่าหยุดลง ยังหน้าบ้านเรือนไทยเงียบสงบ ตาคู่สวยจึงมองเข้าไปภายในบ้าน ของคนที่เธอคาดว่าเป็นหมอธรรม เนื่องจากเคยได้ยินผู้ใหญ่ลพพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ว่ามีครอบครัวหนึ่งคอยปกปักรักษาคุ้มครอง อีกทั้งยังเป็นที่พึ่งพิงและความสบายใจให้แก่ชาวบ้าน รับรู้เช่นนั้นสลันก็มองไปยังผักนานาชนิดที่อยู่ในตะกร้าสาน ว่าเธอจะเอากลับดีไหม เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวหรือพัวพันกับใคร อยากอยู่ในที่ของเธอเท่านั้น แต่พอนึกถึงใบหน้าเคร่งขรึม และสายตาดุดันของเขาที่มองเธอ ปากเล็กก็กัดเม้มกันแน่นแล้วพูดปลอบใจตัวเอง “รีบส่งผักแล้วกลับดีกว่า” ตาคู่สวยมองเข้าไปในบ้าน พอเห็นรถกระบะสีดำคุ้นตาจอดอยู่ ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ปั่นจักรยานเข้าไปภายในบ้านเรือนไทย เมื่อจอดรถใต้ต้นมะขามใหญ่ ใบหน้าสวยก็มองขึ้นไปบนบ้าน ที่เงียบเชียบคล้ายกับว่าไม่มีใครอยู่ “ทำไมบ้านเงียบจัง” ปากพูดพึมพำขณะมือเล็กเลื่อนไปหยิบตะกร้าสาน จากนั้นก็เดินไปยังบันไดบ้านด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ แล้วหยุดยืนที่ตีนบันได ก่อนจะเตรียมเอ่ยเรียกเจ้าของบ้าน ทว่า... ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำ ที่อยู่ไม่ไกลจากเธอเปิดออกก่อน สลันจึงหันไปมอง เห็นกัปตันเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยกางเกงผ้าฝ้ายขายาวสีพื้นเพียงตัวเดียว พอตาคู่สวยเห็นกล้ามหน้าท้องเป็นมัด ๆ อีกทั้งรอยสักหน้าเกรงขามยังแผงอกกำยำ ใบหน้าขาวเนียนก็เอ่อแดง ภายในกายร้อนวูบวาบอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะไม่เคยเห็นเรือนร่างผู้ชายเปลือยเปล่า นอกจากพ่อของเธอ ในระยะใกล้แบบนี้มาก่อน สลันจึงรีบเบือนหน้าไปทางอื่น ซึ่งต่างจากกัปตันที่เอาแต่ยืนมองหน้าสลัน แม้จะเห็นเพียงดวงตาคู่สวยเท่านั้นก็ตาม ก่อนจะระบายยิ้มด้วยความพึงพอใจ ที่เห็นเธอยืนอยู่ในบ้านของเขา เพราะคิดว่าเธอจะไม่เอาผักมาส่งให้เขาแล้ว หลังจากยืนมองใบหน้าสวยจนพอใจ กัปตันก็ถามสลันด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมเช่นเดียวกับใบหน้า “เอาผักมาให้ใช่ไหม?” “ชะ...ใช่ค่ะ” “เอาไปไว้ในครัวให้หน่อย” “ครัวเหรอคะ?” ปากเล็กขยับถามพร้อมกับใบหน้าสวยหันมองคนหุ่นดี ที่อยู่ในระยะไม่ไกลครู่หนึ่ง จากนั้นก็เบี่ยงสายตาไปยังทิวทัศน์รอบข้าง เพราะทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ต้องทำหน้าอย่างไร เนื่องจากเขินอายกับเรือนร่างกำยำน่าหลงใหลของเขา ไหนจะไรขนอ่อนตรงกลางหน้าท้อง ที่โผล่พ้นกางเกงขึ้นมา ทำเอาใจสั่นไหว ร่างกายร้อนรุ่มวูบวาบ... “ใช่ อยู่ใต้ถุนบ้าน” “ได้ค่ะ” “เอาผักไปเก็บในครัวแล้ว ก็ขึ้นไปเอาค่าผักบนบ้านนะ” สิ้นเสียงบอกกล่าว คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอธรรมก็เดินขึ้นไปบนบ้านโดยไม่รอคำตอบ ทิ้งคนตัวเล็กยืนมองด้วยใบหน้างุนงง เมื่อสลันเห็นกัปตันเดินพ้นบันไดไปแล้ว เธอก็รีบดึงสติกลับมา ก่อนจะเอาผักไปไว้ในครัว จากนั้นก็เดินไปหยุดยืนยังตีนบันไดบ้าน ตาคู่สวยมองขึ้นไปบนชั้นสอง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ถอดรองเท้าหูหนีบแล้วเดินขึ้นไปข้างบน... ทางด้านกัปตันเมื่อขึ้นมาบนบ้าน ก็หยิบเงินค่าครูในถุงย่ามที่ได้มาเมื่อวาน จากนั้นก็นั่งรอสลันที่โต๊ะไม้สักหน้าโทรทัศน์ ซึ่งใช้เวลาไม่นานเจ้าของร่างอรชรก็เดินขึ้นมาบนบ้าน แล้วยืนมองเขาอยู่ที่หัวบันได ไม่ยอมเดินเข้ามาใกล้ คล้ายกับกลัวอะไรอยู่ คนตัวสูงจึงเอ่ยบอกออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “มานั่งลงตรงข้างหน้า” “ข้างหน้าเหรอคะ?” “ใช่” ได้ยินเช่นนั้นสลันก็คิดไม่ตก ลำพังแค่ยืนอยู่ในระยะไกล เธอก็แทบไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว แต่นี่เขาให้เธอนั่งลงข้างหน้า เธอจะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างไงได้ ขณะยืนเถียงกับตัวเอง พอเห็นสายตาและใบหน้าเคร่งขรึม ของคนที่นั่งอยู่โต๊ะไม้สัก เธอจึงรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ค่ะ” จากนั้นก็เดินไปนั่งพับเพียบลงยังพื้นด้านหน้าอีกคน ทว่าห่างกันเป็นวา ขณะมือเล็กยังคงจับผ้าคลุมปิดหน้า กระทั่งได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นตาคู่สวยจึงช้อนมอง “ไม่ต้องปิดหน้าหรอก เคยเห็นแล้ว” “ค่ะ” สลันจึงปล่อยมือจากผ้าคลุมตามที่กัปตันบอกอย่างว่าง่าย ทำเอาคนที่นั่งมองอยู่พึงพอใจมาก ที่เขาบอกอะไรเธอก็เชื่อฟัง และยอมทำตามที่บอกหมดทุกอย่าง ซึ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก ก่อนจะเอ่ยถามคนตัวเล็ก ทั้งที่มองเธอตาไม่กะพริบ... “มีธุระไปไหนต่อไหม?” “เอ่อ ไม่ค่ะ” “งั้นจ้างทำกับข้าวให้กินหน่อย” “จ้างเหรอคะ?” “ใช่” “ทำให้ได้ ไม่ต้องจ้างหรอกค่ะ” “ขอบคุณ งั้นก็ขยับเข้ามาเอาเงินค่าผัก” สลันได้ยินเช่นนั้นก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ตามที่กัปตันบอก กระทั่งเห็นว่าสามารถเอื้อมมือไปรับเงินจากอีกคนได้ เธอจึงหยุดแล้วเตรียมยื่นมือไปรับเงิน ทว่า... “ขยับเข้ามาใกล้ ๆ อีก ปวดแขนเอื้อมไม่ได้” “ค่ะ” สิ้นเสียงอ่อนหวาน คนตัวเล็กก็เดินเข่าเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะไม้สักมากขึ้น จากนั้นก็เตรียมยื่นมือไปรับเงินค่าผักอีกครั้ง แต่... “เข้ามาใกล้อีก” “เอ่อ ค่ะ” สลันก็ขยับเข้าไปอีกนิดตามที่กัปตันบอกแต่ก็ดูเหมือนว่า... “ใกล้อีก” “แต่ว่า...” ทั้งที่เธอจะนั่งติดเขาอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังบอกให้ขยับเข้าไปอีก สลันเห็นเช่นนั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าเคร่งขรึมน่าเกรงขามของกัปตัน เธอจึงเลือกทำตามอย่างว่าง่าย เดินเข่ากระทั่งไปนั่งในกลางหว่างขาของอีกคน จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดขัด “พอหรือยังคะ?” “คิดว่ายังไง?” “คิดว่าพอแล้วค่ะ” “งั้นก็พอ” ได้ยินเช่นนั้นริมฝีปากเล็กก็กัดเม้มกันแน่น ก่อนที่กระพุ่มมือสวยจะยกขึ้น พร้อมกับเอ่ยบอกคนด้านหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ขอบคุณค่ะ” จากนั้นก็เอื้อมมือไปรับเงินค่าผัก แต่พอตาคู่สวยเห็นเงินแบงก์สีเทาเป็นปึกที่เขาถืออยู่ เธอจึงรีบชักมือกลับแล้วเงยหน้าถามคนด้านหน้า “ทำไมให้เยอะจังคะ ค่าผักไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทเลยค่ะ” “ไม่ใช่แค่ค่าผักวันนี้ แต่ให้มาส่งผักที่บ้านทุกวัน” “ทุกวันเลยเหรอคะ!” “ใช่” เขาต้องเอาไปขายต่อให้ชาวบ้านแน่ ๆ ถึงให้มาส่งผักทุกวันแบบนี้... สลันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะถ้าหากไม่ใช่แผงผัก ก็คงไม่มีใครซื้อผักกินทุกวันหรอก แต่จะด้วยเหตุผลเช่นไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเธอ เพราะจะได้ไม่ต้องปั่นจักรยานเสี่ยงอันตราย ไปขายผักที่ตลาดทุกเช้า แต่ทว่าจำนวนเงินมันเยอะเกินไป เธอก็ไม่กล้ารับอยู่ดีจึงเลือกปฏิเสธ… “มันเยอะไปค่ะ” “ไม่เยอะหรอก มากกว่านี้ก็ให้ได้” กัปตันพูดพร้อมกับยื่นเงินให้สลัน คล้ายกับเชิงบังคับให้เธอรับ สลันเห็นเช่นนั้นก็ยากที่จะปฏิเสธ จึงยกมือขึ้นแล้วค้อมศีรษะลง ไหว้คนด้านหน้าด้วยความนอบน้อม พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหวานละมุน “ขอบคุณค่ะ” ส่วนคนตัวสูงก็เอาแต่นั่งมองศีรษะเล็กที่โค้งลง จนใบหน้าของเธอห่างจากเป้ากางเกงเขาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหลุดยิ้มด้วยความชอบใจ กระทั่งสลันเงยหน้าขึ้นทำให้สบตากับเขา กัปตันจึงกวาดสายตามองยังกรอบหน้าสวยของเธอ ด้วยนัยน์ตาหลงใหล เพราะไม่เคยเห็นใครสวยและถูกใจเท่าเธอมาก่อน... ขณะความรู้สึกเต็มไปด้วยความลุ่มหลง ไม่นานก็เลือกเก็บความรู้สึกที่ก่อเกิดไว้ภายในใจ แล้วยื่นแบงก์สีเทาจำนวนสิบใบให้ พร้อมกับเอ่ยบอก “กับข้าวอยู่ในตู้เย็น อยากทำอะไรก็ทำมา” “ค่ะ งั้นลันลงไปทำกับข้าวเลยนะคะ” “อือ” กัปตันเอ่ยตอบ ขณะดวงตาไม่ละจากใบหน้าสวยของสลัน ที่กำลังเก็บแบงก์สีเทาใส่กระเป๋าเสื้อผ้าฝ้ายไม่วางตา ส่วนร่างเล็กเมื่อได้ยินคำอนุญาตของเจ้าของบ้าน เธอก็ขยับตัวถอยไปทางด้านหลังจากนั้นก็ดันตัวลุกขึ้น ตาคู่สวยช้อนมองทำให้สบกับคนที่นั่งอยู่โต๊ะไม้สัก รับรู้เช่นนั้นเธอจึงรีบก้มหน้าลงแล้วเดินไปยังบันไดทันที... ด้านคนที่นั่งอยู่ก็เอาแต่มองเรือนร่างอรชรของเธอไม่ละไปไหน ก่อนจะเลื่อนสายตาลงยังสะโพกกลมกลึงน่าหลงใหล แล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย... มากกว่านี้ก็ให้ได้ ว่าซ่านนน นี่ค่าผัก หรือค่าหมั้น มัดจำน้องไว้ก่อนคะคุณพี่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม