เงินซื้อฉันไม่ได้ (ถ้าไม่มากพอ)

937 คำ
“หยา ช่วยฉันด้วยยยย” วิกเตอร์เดินเข้ามาที่สตูดิโอ ส่งเสียงดังให้รู้ก่อนจะเห็นเจ้าตัวเสียอีก ทำเอาคนฟังที่กำลังถือกล้องในมือพรูลมหายใจออกมา “อะไรอีกเตอร์ ฉันมีงานต้องถ่ายรูปเนี่ย” ปันหยาหันมาบ่นอย่างเอือมระอา ทว่าไม่ได้วางมือลงจากงานที่ทำอยู่แม้แต่น้อย “แม่หาคู่ดูตัวให้อีกแล้วอะดิ” ชายหนุ่มก้าวยาว ๆ ไปนั่งที่โซฟาแล้วบ่นออกมาอย่างจนใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนแวะมาหาที่ลี้ภัย อย่างสตูดิโอถ่ายภาพของเพื่อนสนิท “แกยังไม่ชินอีกเหรอ บอกแล้วไงว่าให้บอกที่บ้านไปให้จบ ๆ ว่าเป็นเกย์” “ถ้าบอกได้ก็บอกแล้วปะ” วิกเตอร์นั่งกอดอกพลางเบะปากอย่างไม่พอใจ รู้ดีว่าที่บ้านของตนเป็นพวกรักหน้าตาขนาดไหน แม่เป็นโรคหัวใจ ส่วนพ่อก็ขี้โวยวาย อีกทั้งยังเป็นลูกชายคนเดียวอีก แม้จะมีพี่สาวอีกคน แต่มันก็เป็นเรื่องที่พูดออกไปไม่ได้อยู่ดี “มีผัวได้ แต่ไม่กล้าบอกที่บ้านว่าเป็นเกย์” ปันหยาเอ่ยแซว มือก็กดถ่ายภาพไปด้วย “เอ้าอีนี่ เพื่อนกันจริงไหมเนี่ย” ชายหนุ่มแผดเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ “เออออ รำคาญ ขอถ่ายรูปให้เสร็จก่อน จะบ่นอะไรก็บ่นไป” จากนั้นห้องก็กลับมาเป็นบรรยากาศทำงานอีกครั้ง โดยมีเสียงดนตรีคลอเบา ๆ ไปกับเสียงชัตเตอร์ ปันหยาเป็นเจ้าของสตูดิโอขนาดเล็กที่ใช้บ้านของตนเองต่อเติมเพิ่มเป็นห้องสำหรับทำงาน งานหลักคือการรับถ่ายภาพสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ครีมบำรุง หรือจะเป็นพวกการจัดจานอาหารก็รับหมด แม้ไม่ใช่เจ้าใหญ่แต่ก็มีกลุ่มลูกค้าเหนียวแน่นไม่น้อย เพราะงานที่มีสไตล์ ทั้งยังมีการตกแต่งฉากถ่ายภาพหลายแบบให้เข้ากับสินค้า ทำให้มีงานเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย “อะ ว่ามา จะเล่าอะไรก็เล่า แม่จับไปดูตัว แกเท แม่งอน พ่อบ่น เลยมางอแงใส่ฉัน มีอะไรนอกเหนือจากนี้ก็ว่ามา” หลังจากงานถ่ายภาพเสร็จแล้ว ปันหยาก็ทำข้าวไข่เจียวง่าย ๆ สองจานมานั่งทานตรงห้องครัวที่อยู่ในโซนตัวบ้าน วิกเตอร์เขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างใช้ความคิด ไม่ว่าจะหาเหตุผลเรื่องอายุหรืออะไรก็ตาม ที่บ้านก็ไม่ฟังอยู่ดี ใช่ว่าจะไม่เคยบอกเรื่องที่เขาชอบผู้ชายออกไปหรอกนะ แต่บอกไปแล้วกลับถูกมองว่าเป็นข้ออ้างอยู่ดี เฉพาะปีนี้ก็ไม่รู้ต้องเจอเรื่องนี้ไปแล้วกี่รอบ แม้จะเอาตัวรอดมาได้ แต่ก็ไม่รู้จะยื้อเหตุการณ์นี้ไปอีกนานแค่ไหน เขาถูกที่บ้านบังคับให้ไปดูตัวตั้งแต่สามปีก่อน ทำเอาตารางชีวิตรวนไปหลายครั้ง บางครั้งตั้งใจจะไปเจรจาธุรกิจ แต่พอไปถึงกลับเจอหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ใส่ชุดเกาะอกโชว์อึ๋มมองมาตาเยิ้มราวกับจะกลืนกินเขา เล่นเอาถอยหนีแทบไม่ทัน แน่นอนว่าปันหยาคือเพื่อนสนิทที่ต้องรับฟังการบ่นของตนมาโดยตลอด ก็ใครใช้ให้คบกันอยู่แค่สองคนกันล่ะ! ตึง!!! “ตกใจหมด อะไรของแกอีกยะ” ปันหยาสะดุ้งโหยง จู่ ๆ เพื่อนสนิทก็ทุบโต๊ะเสียงดังจนแก้วน้ำแทบหก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาให้คนที่กำลังหิวอย่างเธอ หญิงสาวยกจานอาหารขึ้นมาแล้วทานต่ออย่างไม่สนใจอีกฝ่าย “ฉันมีแผน” วิกเตอร์พูดพร้อมตาเป็นประกาย มองเพื่อนที่เคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย แม้จะรู้ว่าปันหยาไม่ค่อยสนใจฟัง แต่ตนก็มั่นใจว่าแผนการนี้ดีที่สุดตั้งแต่คิดมา “แม่ฉันบอกว่าถ้าไม่อยากให้หาคู่ให้ ก็รีบหาคู่มาเอง” “แล้ว...” คนตัวเล็กถามอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะทำตาโตเพราะรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาดื้อ ๆ “แกมาคบกันฉันได้ปะ ไม่สิ แกล้งแต่งงานกันไหม” “เหี้ย!” ปันหยากลืนข้าวลงคอ ก่อนจะกระแทกเสียงก่นด่าออกมาเต็มคำ “ห้าหมื่น” “แสน” “สองแสน” “ห้าแสน สุด ๆ ที่ฉันมีแล้ว ช่วยฉันเถอะนะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทยังนิ่งเฉยกับข้อเสนอ วิกเตอร์เลยทุ่มสุดตัวด้วยงบทั้งหมดที่สู้ไหว พร้อมกับยกมือไหว้ขอร้องอีกฝ่าย “บัญชีเดิม นัดวันแต่งมาได้เลยค่ะสามีขา” ปันหยาหัวเราะสุดเสียง ความจริงแล้วที่เงียบอยู่นั้นเพราะตกใจยอดเงินที่เพื่อนบอกมาต่างหาก จะตอบตกลงตั้งแต่ห้าหมื่นแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งเสนอเพิ่มมาแบบนี้ไม่ให้ตกลงยังไงไหว ความจริงหญิงสาวมีแพลนต่อเติมบ้านด้านหลังเพื่อขยายสตูดิโอเพิ่ม รวมถึงจ้างพนักงานมาช่วยอีกด้วย งบที่ต้องการอยู่ประมาณสองถึงสามแสนพอดี หากได้เงินก้อนนี้มาก็จะทำให้อัปเกรดอุปกรณ์และเพิ่มฟังชันก์การใช้งานได้มากขึ้นด้วย ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่สุดท้ายปันหยาก็จับเพื่อนเซ็นสัญญากู้ยืมเงินเป็นเวลาห้าปี และแน่นอนว่าดอกเบี้ยก็คือการร่วมแสดงเป็นแฟนและแต่งงานปลอม ๆ กันนั่นเอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย คนตัวเล็กก็นอนมองยอดเงินในบัญชีอย่างพึงพอใจ แบบนี้มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม