สนามบินสุวรรณภูมิ
บรรยากาศภายในสนามบินที่พลุกพล่านไปด้วยคนผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ที่ตั้งใจมาเที่ยว ทำงานหรือแม้แต่เรียนต่อ ส่วนเขาเรนตั้งใจมาที่นี่ที่เป็นบ้านเกิดเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่หลังจากที่ไปอยู่ต่างประเทศมาหลายสิบปี แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ลืมว่าที่นี่คือบ้านเกิดของเขา
เรนหรือรัตนธร ดิเรกกูล ชายหนุ่มวัย 19 ปีลูกครึ่งไทย-อเมริกา แต่เกือบครึ่งชีวิตเขาไปใช้ชีวิตที่นู่นเพราะตามแม่ผู้ให้กำเนิดไปตั้งแต่ท่านหย่าร้าง
“ (ขอโทษนะคะ พอดีฉันมาที่ไทยเป็นครั้งแรกคุณพอจะแนะนำโรงแรมดี ๆ ให้หน่อยหรือเปล่าคะ แต่ว่าทางที่ดีคุณช่วยพาฉันไปหน่อยได้หรือเปล่า) ”
ยังไม่ทันที่เรนจะได้เดินออกไปนั่งรอคนที่จะมารับก็มีหญิงสาวชาวต่างชาติวัยน่าจะไม่เกิน 30 ปีเข้ามาทักด้วยภาษาของเธอ ถึงแม้เธอดูสวยนะเหมือนตุ๊กตาผู้หญิงที่คนนิยมสะสมกันเพราะมีเส้นผมสีทอง
“ (ผมก็เพิ่งมาที่ไทยครับ แนะนำให้หาไกด์หรือไม่เก็บเสิร์จหาข้อมูลดูนะ) ”
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะรับไมตรีจากเธอแล้วก็พาไปโรงแรมหรือที่ไหนสักที่ ที่อาจจะได้ค่าตอบแทนอย่างมากกว่าเรื่องเงินแต่มันไม่ใช่สำหรับเขา เพราะตัวเขาไม่ชอบผู้หญิงเลยสักนิด
“เรน!”
เสียงเรียกชื่อจากด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหันไปมองก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเจอกับพ่อของตัวเอง เขาไม่เจอท่านเกือบครึ่งปีได้แล้วมั้งเพราะครั้งสุดท้ายที่เจอท่านก็บินไปคุยกับคุณตาของเขาเรื่องที่จะให้เขาย้ายมาอยู่ไทยถาวรหลังจากการจัดงานแต่งของแม่เสร็จ
"สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับดีครับแม่มล" เขาเลือกที่จะทักทายทั้งพ่อและแม่เลี้ยงที่แสนใจดี
"ไหว้พระเถอะลูก ว่าแต่เมื่อกี้แม่เห็นมีสาวๆ มาแอบขายขนมจีบให้เหรอ" ชิดกมลแอบแซวลูกเลี้ยง
"มีครับแต่ว่าผมไม่ชอบผู้หญิง"
คำพูดของลูกชายทำเอาคนเป็นพ่อแบบคมสันถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยเพราะเขาไม่ได้เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เลยไม่รู้ความชอบของลูกชาย
"หมายความว่ายังไง"
"ผมชอบผู้ชายและมีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด"
เพราะต้องใช้ชีวิตที่นี่ตลอดไปเขาเลยไม่คิดที่จะปิดบังเรื่องสำคัญแบบนี้กับผู้เป็นพ่อ ส่วนคมสันที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจไม่น้อยแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรลูกชายหรอกนะ แค่ตอนนี้ได้ลูกกลับมาอยู่ด้วยเขาก็มีความสุขแล้ว
"เรื่องแบบนี้ต้องบอกพ่อด้วยเหรอ นั่นมันรสนิยมของแกจะชอบใครคบใครพ่อก็ไม่ได้ว่าแค่เป็นคนดีก็พอ"
เรนพอได้ยินคำพูดของพ่อก็ยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปจับมือท่านทั้งสองพูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างมีความสุข
"ตอนนี้ผมหิวแล้วไม่รู้ว่าจะอะไรอร่อยๆ ตกถึงท้องบ้างหรือเปล่า"
"แม่ทำอาหารไทยที่เรนบอกว่าชอบให้ตั้งหลายอย่างไว้รอ"
"อ่า...แบบนี้ต้องรีบกลับกันแล้วครับ"
พอพูดจบเขาก็จับมือของพ่อกับแม่เลี้ยงเดินออกจากสนามบินทันทีโดยมีลูกน้องคนสนิทของคมสัมเดินลากกระเป๋าของเรนตามมา
………………..
Sirisorn University (คณะนิเทศศาสตร์)
บรรยากาศยามเย็นหลังเลิกเรียนนักศึกษาต่างพากันเริ่มทำกิจกรรมของแต่ละคน บางคนก็ทำกิจกรรมชมรมหรือของคณะ
"ยัยชาร์มแกเป็นอะไรเนี่ย ทำเหมือนคนคิดมากมาสิบชาติ" ฟ้าถามเพื่อนสนิทอย่างสงสัย เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้านิ่วคิ้วขมวดมาเป็นนานแล้ว
"โอ๊ยยยย จะเป็นอะไรล่ะย๊ะ ก็โทรศัพท์หาผัวไม่ติดนะสิ" ฟีฟ่าเพื่อสาวประเภทสองตอบแทนแบบแซะๆ
"ผัว? พี่เมธีนะเหรอ เป็นอะไรทำไมโทรไม่ติด แต่เมื่อวานพี่เขาก็เอาของขวัญวันครบรอบคบกัน 1 ปีมาให้อยู่นิ"
"ก็หลังจากนั้นก็หายไปเลยไง เห็นบอกว่าจะไปทำรายงานที่ห้องเพื่อนงานเร่ง ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่นี่มันข้ามวันแล้วยังไม่ติดต่อมาเลย กลัวว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า" ชาร์มพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ถึงจะไม่เจอกันหลายวันบ่อยๆ แต่เขาไม่เคยขาดการติดต่อแบบนี้เลยสักครั้ง
หรือเธอควรไปหาเขาที่คณะดีนะ
"เรียนหนักหรือเปล่านักศึกษาแพทย์ก็แบบนี้ เดี๋ยวพี่เมธีก็มาง้อแกพร้อมกับของขวัญสุดอลังการเหมือนทุกที" ฟ้ากลัวว่าเพื่อนจะคิดมาก ถึงชาร์มจะเป็นพวกสวย เริ่ด เชิด ยิ่ง ไม่สนใจใครแต่ก็รักแฟนมาก
"แต่พี่เมธีไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ"
"นอกใจแก มีคนอื่นหรือเปล่า"
ด้วยความปากไวของฟีฟ่าทำให้ชาร์มถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้ถ้าเป็นเมธี เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ไม่ระแวงเรื่องนอกใจและพยายามจะไม่ระแวงจนเขาอึดอัด ตัวเธอก็ผ่านการมีแฟนมาก่อนจะคบเขาแต่คบกันได้ไม่นานก็ต้องเลิกราเพราะนิสัยขี้ระแวงของเธอ จนกระทั่งเธอเลิกกับผู้ชายคนหนึ่งถึงแม้เธอจะเป็นคนไม่ค่อยสนใจว่าจะเลิกกับผู้ชายหลายคน แต่ภายในใจลึกๆ มันก็แอบเศร้า วันนั้นเธอเลยอยากหาที่เงียบๆ อยู่คนเดียว หลังจากเรียนเสร็จเลยขับรถไปแทบจะทั่วมหาวิทยาลัย ขับอยู่นานสองนานจนไปจอดอยู่ข้างสระน้ำใหญ่ของคณะแพทย์ เธอเลือกที่จะเดินลงจากแล้วไปนั่งที่ศาลาใกล้ๆ จนเขาปรากฏตัวขึ้นตอนแรกเธอก็ระแวงแต่เขาก็พยายามที่จะเข้าหา ไม่นานก็กลายเป็นว่าพวกเราเริ่มคุยทุกวันและตกลงปลงใจคบกัน
เมธีเป็นคนที่สม่ำเสมอมากคอยไปรับ ไปส่ง เวลาเธอจะต้องไปกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเขาก็จะคอยไปด้วย ส่วนเรื่องผู้หญิงเวลามีใครพยายามเข้าหา เขาก็จะปฏิเสธและแนะนำว่าเธอคือแฟน มันทำให้เธอไว้ใจเขามาก
แปะ!! มือเล็กของฟ้าตีลงบนแขนฟีฟ่าเบาๆ เพราะเห็นสีหน้าของชาร์มไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"ยัยชาร์มอย่าไปฟังฟีฟ่าพูดเยอะ ยัยกะเทยกล้ามโตนี่ก็ปากไม่มีหูรูดแบบนี้แหละ"
"เออใช่แก อย่าฟังฉันเยอะเลยพี่เมธีไม่ทำแบบนั้นหรอก" ฟีฟ่ายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดสิ่งที่ไม่ควรออกไป
"ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันเชื่อใจพี่เมธี"
ที่ไหนกันล่ะ ตอนนี้ใจของเธอมันร้อนรุ่มเหมือนไฟเผาไปหมดแล้ว
"ดีแล้วแกอย่าคิดมาก"
"ฉันไม่คิดมากหรอก ตอนนี้ฉันเป็นคนใหม่ที่หัดเชื่อใจคนอื่นแล้ว"
ชาร์มยิ้มกว้างเพื่อให้เพื่อนเชื่อ แต่ความจริงในใจอยากจะบึ่งรถไปหาคนรักที่คณะตอนนี้เลย
เชื่อใจ ห้ามวีน อย่าคิดมาก ท่องไว้ยัยชาร์ม