“ท่านอ๋องมีสิ่งใดจะให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ห่าวหรานหันไปมองใบหน้าที่มีผ้าที่ปิดบังเอาไว้แต่เขาเห็นมาหมดแล้วรวมถึงเรือนร่างที่น่าหลงใหลนั่นด้วย ใจเขานึกอยากจะกระชากผ้าคลุมหน้านั้นออกเสียเหลือเกินจะได้เห็นริมฝีปากสีอ่อนนั้นอีกครั้ง
“เปล่า ข้าไม่ได้มีธุระกับเจ้า”
“เช่นนั้นพระองค์…”
“ค่ายนี้ข้าเป็นแม่ทัพ ข้าจะเดินไปที่ใดต้องแจ้งใครด้วยงั้นหรือ”
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิกล้า”
“ให้มันไม่กล้าอย่างที่ปากเจ้าพูดเถอะ”
“เอ๊ะ กระหม่อม…”
พูดเสร็จก็เดินหันกลับออกไป ท่าทีของเขาไม่ต่างกับโมโหผู้ใดมาเพราะแม้แต่องครักษ์อย่างต้าเป่าก็ยังรีบหนีทันที เหลือแค่หลี่เหยาที่เป็นสนามอารมณ์รองรับเขาอยู่คนเดียว
“อะไรอีกละเนี่ย ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยมิใช่หรือโมโหอะไรของเขานักหนาละนี่”
เย็นวันนั้น
“รายงานพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอะไรเหตุใดจึงแตกตื่นเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น!!”
ท่านอ๋องและเหล่านายกองคนอื่น ๆ หันไปมองหน่วยลาดตระเวนที่ออกไปพร้อมกับฟางอี้หลงแต่ตอนกลับมาพวกเขากลับบาดเจ็บและกลับมาเพียงสองคน
“เกิดอะไรขึ้น ฟางอี้หลงล่ะ”
“ทูลท่านอ๋อง รองแม่ทัพถูกข้าศึกจับไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ!!”
“เพล้ง!!”
หมอหลี่เหยาที่กำลังยกยาเข้ามาให้ท่านอ๋องในกระโจมได้ยินว่าฟางอี้หลงถูกข้าศึกจับก็เผลอทำยาที่ยกมาตกจนแตก สายตาของนางกลัวสุดชีวิตเมื่อเห็นว่าทหารที่กลับมาบาดเจ็บ
“เกิดขึ้นได้อย่างไร”
“พวกมันหลอกล่อให้รองแม่ทัพตามมันไปที่เชิงเขาและล้มจับเขาไปพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกมันต้องการอะไร”
“มันส่งจดหมายนี้ให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
ทหารส่งจดหมายมาให้ท่านอ๋อง เมื่อเขาเปิดอ่านดูจนหมดก็รีบพับและโยนให้นายกองข้าง ๆ อ่านทันที
“ต้องการเสบียงกับยางั้นหรือ ข้าไม่ได้โง่เช่นนั้นสักหน่อย”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อม….”
“หุบปาก!! เจ้าเข้ามาทำอะไรที่นี่ พาหมอหลี่ออกไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องหันไปมองหลี่เหยาที่กำลังจะเสนอตัว เขารู้ทันทีว่านางคิดอะไรอยู่ เพียงแค่ได้ข่าวว่าอี้หลงถูกจับไปนางก็ตื่นกลัวถึงเพียงนี้ เขาเข้าใจไม่ผิดนางคงมีใจให้กับรองแม่ทัพของเขาเป็นแน่จึงได้มีท่าทางเช่นนี้และยังอยากจะไปช่วยเขาอีก
“ท่านหมอหลี่ ท่านออกไปก่อนเถอะขอรับ เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในท่านโปรดเข้าใจ”
“แต่ข้าช่วยรองแม่ทัพได้ ขอเพียงให้ข้า…”
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ!! ที่นั่นเป็นค่ายของข้าศึกเข้าไปก็มีแต่ตายเจ้ากำลังคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่!! ยังไม่รีบพาตัวออกไปอีก”
“ไปเถอะท่านหมอ”
“ท่านอ๋อง แต่ว่ารองแม่ทัพ…”
“ท่านหมอหลี่อย่าพูดอะไรอีกเลย พาตัวออกไปเร็ว ๆ เข้า”
ทหารที่เหลือพาตัวหลี่เหยาออกจากกระโจมกลับไปที่กระโจมของหมอหลวง ท่านอ๋องนึกโมโหเมื่อเห็นว่านางร้อนรน ใช่ว่าเขาเองจะไม่คิดช่วยรองแม่ทัพของตัวเอง แต่เขาไม่มีทางให้นางออกไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นเป็นอันขาด
“ท่านอ๋อง”
“สั่งให้คนจับตาดูหมอหลี่เหยาเอาไว้ อย่าให้เขาเล็ดลอดออกจากค่ายสร้างความวุ่นวายได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้ามานี่ เราต้องวางแผนช่วยอี้หลงออกมา”
""พ่ะย่ะค่ะ""
กระโจมหมอหลวง
“หลี่เหยา เจ้าไม่ต้องห่วงนะเรื่องที่พี่อี้หลงถูกจับไป อย่างไรท่านอ๋องก็ต้องหาวิธีไปช่วยเขาอยู่แล้ว แต่เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นอีกนะครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีเช่นนี้”
“ช่างปะไรข้าหาได้สนใจไม่ พี่อี้หลง…เขาเป็นรองแม่ทัพนะ เป็นคนของเขาแท้ ๆ เหตุใดจึงไม่คิดจะช่วยเขาข้าไม่เข้าใจ”
“เรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้ ทางข้าศึกต้องการกักตัวพี่อี้หลงเพราะอยากได้ยาและเสบียง เราเองก็มีจำกัดดังนั้น…”
“ก็เลยจะปล่อยให้เขาถูกข้าศึกทรมานจนตายงั้นหรือ”
“ไม่ใช่แบบนั้นแต่เรื่องการถูกจับนั่น….”
“ต้าเป่า!!”
“ท่านอ๋อง!!”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ท่านหมอที่กระโจมคนบาดเจ็บถามหายาที่เจ้ามาเอาอยู่เหตุใดยังไม่เอาไปส่ง”
“พ่ะย่ะค่ะกระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ ข้าไปก่อนนะหลี่เหยา”
หลี่เหยายื่นหอบยาให้ต้าเป่าโดยไม่มองหน้าผู้ที่เดินเข้ามาที่กำลังจ้องหน้านางอยู่ไม่วางตา เมื่อองครักษ์ของเขาเดินออกไปท่านอ๋องจึงค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหลี่เหยาที่เอาแต่บดยาโดยไม่มองหน้าเขา
“โกรธข้างั้นหรือที่ไม่ไปช่วยเขาทันที”
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีสิทธิ์อันใดไปโกรธพระองค์”
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดต้องพูดจาเสียงแข็งเช่นนี้ ไม่พอใจผู้ใดงั้นหรือทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้คุยกับต้าเป่าดีกว่านี้นี่”
หลี่เหยาทิ้งที่บดยาและเดินสะบัดเข้าไปข้างในตู้เก็บยา ท่านอ๋องเดินตามเข้าไปทันทีและดึงแขนนางออกมา
“ทำไมต้องเดินหนี”
“ท่านอ๋อง อย่านะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ทันเจ้า”
“เหตุใดพระองค์ทรงตรัสเช่นนี้ กระหม่อมไม่ได้คิดสิ่งใด”
“แต่สายตาเจ้ามันบอกว่ากำลังตำหนิข้าที่ไม่ไปช่วยเขาทันที ข้ามองออก”
“หึ พระองค์คงคิดมากไปแล้วกระมัง กระหม่อมหรือจะกล้าเช่นนั้น”
“งั้นหรือ แล้วเจ้าคิดจะทำอะไร หอบยาและจะแอบไปช่วยเขางั้นหรือ”
“ท่านอ๋อง เขาคือรองแม่ทัพของพระองค์นะ”
“แล้วถ้าหากข้ามีเหตุผลที่ยังไม่ช่วยเขาเล่า เจ้าจะทำสิ่งใดได้”
“ท่าน!!”
“หึ เจ้าดูท่าทางเจ้าตอนนี้สิ เพียงแค่พูดว่าจะไม่ช่วยเขาสายตานั่นก็โกรธข้าจนแทบจะฉีกเนื้อกินให้ได้แล้วยังบอกว่าไม่มีอะไรอีกหรือ!!”
หลี่เหยาตกใจจนผ้าคลุมหน้าหลุด สีหน้าและแววตาที่ตื่นกลัวนั้นทำให้สัตว์ร้ายบางอย่างในกายของชินอ๋องตื่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ปากที่แดงจัดเพราะอยู่ภายใต้ผ้าปิดหน้าและสายตาที่โกรธของนางทำให้เขาลืมตัว
“ปล่อยกระหม่อมนะ”
“แล้วถ้าข้าไม่ปล่อย แต่จะจับเจ้ามัดขังเอาไว้ในกระโจมนี่เพื่อไม่ให้คิดจะทำเรื่องที่กำลังคิดอยู่ล่ะ เจ้าจะว่าอย่างไร”
ท่านอ๋องดึงหลี่เหยาเข้ามาจนชิดกาย ลมหายใจร้อนรุ่มเพราะความกลัวปนกังวลพระทัยจากที่มองสายตานางทำให้เขาเริ่มโกรธ คิดไม่ถึงว่านางจะให้ความสำคัญกับรองแม่ทัพมากกว่าเขา
“ปล่อยนะ!!”
“ไม่!! มานี่!!”
ท่านอ๋องลากนางเข้าไปยังห้องพักด้านในที่นางเอาไว้นอนพัก เมื่อเข้าไปได้ก็ถูกเขาดึงเข้ามาแนบกายจนชิด ริมฝีปากห่างกันแค่ครึ่งคืบ
“เหตุใดต้องอยากช่วยอี้หลงถึงเพียงนี้ เจ้ากำลังทำให้ข้าโมโห”
“พระองค์โมโหเพราะผู้อื่นอยากจะช่วยคนทั้ง ๆ ที่พระองค์ไม่คิดจะทำงั้นหรือ”
“หลี่เหยา!! นี่เจ้ากล้าตำหนิข้า กล้าจะแทรกแซงวิธีการของกองทัพตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าเป็นหมอก็ทำหน้าที่ของเจ้าไปเรื่องอื่นจงอย่าได้เข้ามายุ่ง”
“แต่ข้าเป็นหมอ ข้าศึกต้องการยาและเสบียงข้าคิดว่าเราสามารถ”
“เจ้าพอได้แล้ว!!”
หลี่เหยาทรุดตัวลงเพราะตกใจในเสียงตะคอกนั้น ท่านอ๋องปล่อยนางลงกับพื้นและมองด้วยสายตาที่ไม่เคยมองผู้ใดมาก่อน ตั้งแต่เมื่อใดที่เขามองนางเป็นสตรี ตั้งแต่ตอนไหนที่เขาไม่อยากให้นางเข้าใกล้ฟางอี้หลงและชายอื่นนอกจากเขา
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความคิดของนางในตอนนี้ สายตานั่นไม่เคยลดละความพยายามที่จะไปจากค่ายเพื่อช่วยฟางอี้หลงซึ่งเขาบอกไม่ถูกว่ากำลังเจ็บปวด คับแค้นใจ หรือว่าโกรธกันแน่
“เจ้าอย่าได้คิดก้าวออกจากค่ายไปแม้แต่ก้าวเดียว หากว่าข้ารู้เจ้าจะถูกลงโทษ”
“ท่านอ๋องช่างโหดเหี้ยมสมคำร่ำลือจริง ๆ แม้แต่รองแม่ทัพข้างกายก็ปล่อยเขาไปตายได้ หากรู้เช่นนี้ข้าคงไม่ยอมรับปากรองแม่ทัพฟางอี้หลงช่วยชีวิตท่านแต่แรก”
ท่านอ๋องโกรธจนสติขาดผึงเมื่อถูกนางเอ่ยเช่นนั้น เขาจับแขนและดึงนางขึ้นมาจากพื้นอย่างง่ายดาย ง่ายเสียจนเขาคิดกลัวว่าหากนางบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยหัวใจเขาจะเจ็บสักเพียงใด
“หลี่เหยา!!…อย่าได้คิดยั่วโมโหข้า เจ้าไม่รู้หรือว่าข้างนอกนั่นมันอันตรายมากเพียงใดหรือเจ้าอยากให้พวกมันจับได้ว่าเจ้าเป็นสตรี!!”