รมตีเดินลงมาชั้นล่างด้วยความหวาดระแวง พลันมองซ้ายมองขวาเพราะเกรงว่าจะมีใครมาเห็นเข้า โชคดีที่ตอนนี้เธอเปลี่ยนกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าของตนเองแล้ว ไม่ใช่เสื้อผ้าของพ่อเลี้ยงแสนเช่นที่ใส่นอนเมื่อคืน
ร่างเล็กเดินมาจนถึงโถงกลางบ้าน ถึงได้เห็นว่าชายหนุ่มกำลังรับประทานมื้อเช้าอยู่กับมารดาของเขาที่โต๊ะอาหาร เรียวท้าวเล็กย่องเบากำลังจะเดินเลี้ยวไปทางห้องพักคนใช้ แต่เสียงของคุณแสงศรากลับเรียกขึ้นเสียก่อน
"หนูสร้อย มาทานมื้อเช้าด้วยกันสิจ๊ะ" นางอยากต้อนรับรมตีในฐานะแขกของบ้าน ไม่ใช่ในฐานะคนรับใช้เช่นที่บุตรชายต้องการ หญิงสาวหันมาช้าๆ ท่าทางประหม่า
"เอ่อ...คือหนู ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ หนูว่าจะรีบไปอาบน้ำเตรียมตัวทำงานค่ะ" เธอเกรงว่าจะโดนพ่อเลี้ยงแสนต่อว่า เพราะสายตาของเขาที่กำลังมองมานั้นช่างดุดัน
"มาเถอะจ้ะ ฉันมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับหนูด้วย" คุณแสงศราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งขึ้น พ่อเลี้ยงแสนจึงวางช้อนลงในถ้วยข้าวต้มเสียงดังและยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
"ผมอิ่มแล้ว ขอตัวออกไปทำงานก่อนนะครับคุณแม่" ชายหนุ่มพูดจบแล้วจึงลุกขึ้นยืนท่าทางฟึดฟัด
"แล้ววันนี้จะกลับเข้ามาทานมื้อเที่ยงที่บ้านหรือเปล่า?" นางถามเพื่อที่จะได้เตรียมอาหารให้ถูก เพราะปกติแสนมักจะทานข้าวกับคนงานในไร่มากกว่ากลับมาทานที่บ้านในตอนเที่ยง
"ไม่ล่ะครับ ส่วนเธอ กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปแต่งตัวให้พร้อม"
"แต่งตัวไปไหนคะ?" รมตีขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย เพราะที่คุยกันไว้เขาจะให้เธอเป็นสาวใช้ในบ้านและเริ่มงานวันนี้
"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันให้เธอไปเก็บส้มที่ไร่ดีกว่า ไม่ต้องทำงานบ้านแล้ว อ้อ แล้วก็แต่งตัวให้เสร็จก่อนเจ็ดโมงครึ่ง ฉันจะให้นายคมมารับ"
พ่อเลี้ยงแสนพูดแล้วจึงเดินออกไปทันที คุณแสงศราได้แต่มองตามหลังบุตรชายด้วยความเหนื่อยใจ นางหันกลับมาหารมตี และจ้องมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
"นั่งลงก่อนสิ ฉันจะให้ชมพู่ตักข้าวต้มมาให้" คุณแสงศราบอกเท่านั้นแล้วจึงหันไปคุยกับสาวใช้
รมตียอมนั่งเพราะไม่อยากขัดผู้ใหญ่ เธอเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าใคร เพราะคิดว่าคุณแสงศราน่าจะรู้เรื่องที่ตนขึ้นไปนอนกับพ่อเลี้ยงแสนแล้วเมื่อคืน
"ฉันต้องขอโทษแทนลูกชายของฉันด้วยนะ ทั้งเรื่องที่เขาจับตัวหนูมาไว้แบบนี้ แล้วก็เรื่องเมื่อคืนด้วย"
คุณแสงศราทิ้งตัวนั่งเป็นลง ส่วนรมตียังคงยังนั่งก้มหน้า เธอรู้สึกอับอายเรื่องที่ตนต้องนอนในห้องนอนเดียวกันกับพ่อเลี้ยงแสนเมื่อคืน
"แต่ความจริงเมื่อคืนมันไม่มีอะไรเลยนะคะ พ่อเลี้ยงเขาแค่กลัวว่าหนูจะแอบหนีไปเขาก็เลยทำแบบนั้น หนูไม่ได้มีเจตนาที่จะขึ้นไปนอนบนห้องนอนพ่อเลี้ยงเลยนะคะ"
รมตีพยายามอธิบาย เป็นจังหวะที่ชมพู่ยกข้าวต้มมาให้ สาวใช้จึงได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูดคุยกันชัดเจน
"ฉันรู้จักนิสัยลูกชายของฉันดี ฉันรู้ว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องขอโทษแทนการกระทำของลูกชายฉันอยู่ดี หวังว่าหนูสร้อยจะไม่โกรธพ่อเลี้ยงเขานะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่เลี้ยง หนูไม่โกรธเรื่องเมื่อคืนหรอกค่ะ แต่หนูโกรธเรื่องที่เขาจับหนูมาไว้แบบนี้"
"ฉันเข้าใจ เป็นฉันก็โกรธที่โดนจับตัวมาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ แต่ตอนนี้หนูสร้อยช่วยทำตามคำสั่งของพ่อเลี้ยงแสนเขาไปก่อนได้หรือเปล่า ฉันอยากให้หนูอยู่ในไร่นี้ด้วยความรู้สึกสบายใจ อยู่เพื่อพิสูจน์ให้พ่อเลี้ยงแสนเขาเห็นว่าหนูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินนั้น และระหว่างที่อยู่ที่นี่ฉันจะเป็นคนปกป้องหนูเอง แม้จะปกป้องไม่ได้ทุกเรื่องแต่ก็จะปกป้องให้ถึงที่สุดเลย"
เพราะรู้ดีว่าขัดใจบุตรชายไม่ได้ในหลายๆ เรื่อง นางจึงเลือกที่จะทำให้รมตีอยู่ในไร่นี้ด้วยความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านของตนเอง
"เอ่อ...หนูจะพยายามก็แล้วกันนะคะ" หญิงสาวเพียงแค่ตอบไปเช่นนั้นเพราะเห็นว่าคุณแสงศราเป็นคนใจดี แต่ในใจก็ยังคงคิดหาทางหนีอยู่ตลอดเวลา
"แสนเขาไม่ใช่คนใจร้าย ความจริงแสนเป็นคนที่ใจดีมากด้วยซ้ำ ถ้าหนูได้รู้จักพ่อเลี้ยงแสนมากกว่านี้หนูจะเข้าใจ"
นางอยากให้รมตีได้เห็นอีกด้านของบุตรชายจึงพูดเช่นนั้น ทว่าหญิงสาวเพียงแค่ฟังเพราะไม่เชื่อว่าคนอย่างพ่อเลี้ยงแสนจะใจดี เธอตักข้าวต้มเข้าปาก ยอมทานอาหารเพื่อเอาแรงไว้สู้งานอันโหดร้ายในวันนี้
ราวหนึ่งชั่วโมงผ่านไป รมตีออกมาถึงไร่ส้มพร้อมกับคมกฤษณ์ ชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดบริเวณหน้าสำนักงานไร่กว้างใหญ่
หญิงสาวทอดสายตามองไปยังพื้นที่ไร่ส้มใหญ่โตสวยงาม ส้มกำลังออกผลผลิตเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงมองไปเห็นบ้านพักคนงานด้านหลังสำนักงานไร่ เป็นบ้านพักขนาดเล็กตั้งเรียงรายติดกันริมถนนทอดยาวไปจนถึงท้ายไร่นับร้อยหลัง
รมตีเพิ่งจะรู้ว่าคนงานส่วนใหญ่พักกันในไร่นี้ และยังมองไปเห็นโรงครัวที่มีอาหารกลางวันและอาหารเย็นไว้เลี้ยงคนงานอีกด้วย
รมตีก้าวลงจากรถ เธอสวมกางเกงยีนสีเข้ม สวมเสื้อแขนยาวที่ชมพู่จัดเตรียมให้ แต่ยังคงสวมรองเท้าผ้าใบราคาแพงของตนเอง ร่างเล็กกำลังเดินตามหลังคมกฤษณ์ไปหาพ่อเลี้ยงแสน ขณะที่เขากำลังยืนคุยอยู่กับใครคนหนึ่ง
"พ่อเลี้ยงครับ ผมพาคุณสร้อยมาแล้วผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ" คมกฤษณ์บอกเจ้านาย และหันไปส่งยิ้มให้กับศตายุผู้จัดการไร่หนุ่มก่อนจะเดินไป
"นี่รมตี คนเก็บส้มคนใหม่ ส่วนนี่ศตายุผู้จัดการไร่ ฉันจะให้นายยุช่วยสอนงานให้เธอ" แสนแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน
"โอ้โห นี่เด็กเส้นเหรอครับ ถึงกับพามาฝากเนื้อฝากตัวด้วยตัวเองเลย" ศตายุแซวเจ้านาย และหันมายิ้มทักทายรมตี
"เรียกสร้อยดีกว่าค่ะ ชื่อเล่นน่ะค่ะ" เธอบอก ขณะที่ผู้จัดการไร่หนุ่มกำลังสังเกตกิริยาท่าทางและผิวพรรณของหญิงสาวจึงพอจะมองออก
"ครับคุณสร้อย แบบนี้ค่อยดูเป็นกันเองขึ้นมาหน่อย"
"เอาล่ะ นายไปทำงานของนายเถอะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับรมตีก่อนเริ่มงาน" พ่อเลี้ยงแสนบอก ศตายุจึงยิ้มให้รมตีอีกครั้งก่อนจะเดินไป
"ทำไมถึงเปลี่ยนใจให้ฉันมาเก็บส้มแทนล่ะคะ กลัวว่าฉันทำงานบ้านไม่ได้หรือยังไง?" หญิงสาวถามด้วยความสงสัย แต่คิดในใจไว้อยู่แล้วว่างานในไร่มันหนักกว่างานที่บ้าน ที่เขาให้เธอมาเก็บส้มก็เพียงเพราะอยากกลั่นแกล้งกันก็เท่านั้น
"เพราะส่วนใหญ่ฉันใช้เวลาอยู่ในไร่ไง ถ้าเธอมาทำงานที่นี่ฉันก็จะได้จับตาดูเธอตลอดเวลา ไม่คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว"
แสนเอาแต่จ้องมองใบหน้าสวย เขาไม่อยากละสายตาจากคนตรงหน้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว แม้ว่าตอนนี้รมตีจะมีสีหน้าบึ้งตึงแค่ไหนก็ตาม
"ก็ได้ งั้นฉันไปทำงานแล้ว" เธอบอกเท่านั้นแล้วจึงหมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่มและกำลังจะเดินไป ทว่าพ่อเลี้ยงแสนกลับรั้งข้อมือเล็กไว้เสียก่อน ร่างเล็กเสียหลักเล็กน้อย ใบหน้าสวยหันขวับมาจ้องมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายด้วยแววตาเอาเรื่อง
"อย่ามาใช้สายตาแบบนี้กับฉันนะ ตอนนี้ฉันเป็นเจ้านายของเธอ อย่าลืม"
"งั้นคุณก็อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉันแบบนี้เหมือนกัน ฉันเป็นลูกน้องไม่ได้เป็นเมียที่คุณนึกอยากจะเอาขึ้นไปนอนบนห้องนอนของคุณเมื่อไหร่ก็ได้"
รมตีพูดเสียงเบาเพราะเกรงว่าคนอื่นจะได้ยิน แสนแค่นหัวเราะในลำคอ เขาแทบไม่เชื่อหูว่าเธอจะกล้าพูดคำว่าเมียออกมาจากปาก
"ปากดีแบบนี้ระวังตัวให้ดีๆ เถอะ ไปทำงานซะ แต่ถ้ารู้ตัวว่าทำไม่ไหวจริงๆ ก็รีบมาพูดความจริงกับฉัน เข้าใจหรือเปล่า?"
รมตีไม่ยอมตอบอะไร เธอเอาแต่จ้องมองคนใจร้าย ก่อนจะสะบัดมือของเขาออกและรีบเดินตรงไปหาศตายุทันที
น้องอย่าชี้โพรงให้กระรอก ระวังพ่อเขาจะจับทำเมียจริงๆ 555 อ่านจบแล้วส่งคอมเมนต์มาให้ปันหยีด้วยนะคะ ขอบคุณค่า♥