ขังไว้

1684 คำ
"รมตี เธอจะตอบฉันได้หรือยัง เธอไม่เข้าใจหรือยังไงว่าเรื่องนี้มันสำคัญกับฉันมากแค่ไหน" พ่อเลี้ยงแสนคาดคั้นจะเอาคำตอบ รมตีจึงแหงนหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าหล่อคมเข้ม แววตาดุดันของเขาจ้องมองเธอไม่ต่างกัน "ฉันบอกไปแล้วว่าขอฉันคุยกับคนในครอบครัวของฉันก่อน แต่คุณไม่ยอมเอง" "แต่เธอก็ไม่เคยพูดสักคำว่าไม่รู้ว่าซื้อที่ดินผืนนี้มาจากใคร นั่นก็แปลว่าเธอรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่ยอมบอกฉัน ยิ่งเธอไม่ยอมพูดอะไรแบบนี้มันยิ่งน่าสงสัยรู้หรือเปล่า" พ่อเลี้ยงแสนจ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาโกรธเคือง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รมตีเปลี่ยนใจ เธอยังไม่อยากคุยเรื่องที่ดินกับชายหนุ่ม จนกว่าจะแน่ใจว่าบิดาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนี้ "โธ่เว้ย! ไม่ยอมพูดก็ตามใจ แต่คืนนี้ฉันจะขังเธอเอาไว้ในห้องนอนของฉัน แล้วก็ไม่ต้องร้องโวยวายด้วย เพราะว่าในบ้านหลังนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้ทั้งนั้น" พ่อเลี้ยงแสนพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแล้วจึงลุกขึ้นจากเตียงนอน "ไม่ได้นะพ่อเลี้ยง คุณจะขังฉันไว้ในห้องนอนของคุณไม่ได้เด็ดขาด ฉันจะลงไปนอนที่ห้องพักของฉัน" รมตีพูดพลันลุกขึ้นจากเตียงนอนเช่นเดียวกัน "ฝันไปเถอะ" แสนตอบด้วยสีหน้ากวนโมโห จากนั้นจึงเดินออกจากห้องนอน และยังล็อกกุญแจจากด้านนอกอีกด้วย "นี่ ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พ่อเลี้ยงบ้า!" รมตีตะโกนเสียงดัง "ฉันบอกว่าไม่ต้องร้องโวยวาย ไม่มีใครช่วยเธอได้!" แสนตะโกนผ่านบานประตูเช่นเดียวกัน "คุณจะมาขังฉันไว้แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะ ฉันไม่ใช่หมาไม่ใช่แมวนะคุณ! พ่อเลี้ยง!" ระหว่างทั้งสองคนกำลังโต้เถียงกันผ่านบานประตู ชมพู่ก็เดินผ่านหน้าห้องนอนของชายหนุ่มพอดี หล่อนจึงได้ยินเสียงผู้หญิงในห้องนอนของเจ้านาย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะเกรงจะโดนดุ "ไม่ต้องสนใจ ปล่อยให้เขาร้องโวยวายอยู่ในนั้นแหละ" พ่อเลี้ยงแสนหันขวับไปมองสาวใช้ จากนั้นร่างสูงจึงเดินลงไปยังชั้นล่าง ส่วนชมพู่ยังคงยืนงวยงงอยู่ มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจ เพราะปกติแล้วไม่เคยมีใครกล้าพูดจาเช่นนี้กับพ่อเลี้ยงแสน และที่สำคัญไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่สนใจที่โดนหญิงสาวด่าทอด้วย "อ้าว แสน แม่คิดว่าลูกจะออกไปข้างนอกซะอีก ลูกจะให้คนไปตามหนูสร้อยมาทานมื้อค่ำกับเราหรือเปล่า หรือจะให้ทานกับพวกชมพู่" คุณแสงศราถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขาเดินลงมาชั้นล่าง ขณะที่นางกำลังจัดโต๊ะอาหารช่วยป้าฝ**นอยู่ "ไม่ต้องหรอกครับ" ชายหนุ่มตอบแบบขอไปที "แสน..." ทว่าเสียงต่ำและดุดันของมารดากลับทำให้ชายหนุ่มรีบแก้ต่าง "ก็ได้ครับ ผมจะเป็นคนเอาอาหารไปให้เขาเองครับ ทุกคนไม่ต้องมายุ่งกับผู้หญิงคนนี้นะครับ ผมสั่งห้ามไว้เลย" ชายหนุ่มตอบแล้วจึงเดินไปนั่งประจำที่ของตนเอง เพราะตอนนี้ถึงเวลาอาหารมื้อค่ำแล้ว "ตกลงนี่ยังไง เห็นแต่งตัวนึกว่าจะออกไปข้างนอก" นางยังคงสงสัย เพราะเห็นบุตรชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตจึงคิดว่าเขาจะออกไปทำธุระข้างนอกเช่นบางวัน "ทีแรกก็ว่าจะออกไปครับ แต่ว่าตอนนี้รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยก็เลยอยู่ทานข้าวที่บ้านดีกว่า เดี๋ยวทานข้าวเสร็จก็จะไปนอนแล้วครับ" คุณแสงศราแปลกใจ มันไม่ใช่เรื่องปกติที่บุตรชายจะพูดว่าไม่สบายตัวหรือปวดหัวเช่นนี้ นางเดินมาใกล้และใช้มือเหี่ยวย่นแตะอังหน้าผากของแสน "คุณแม่ครับ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ ผมไม่ได้ป่วยอะไรด้วย ก็แค่ปวดหัวเฉยๆ" เขาไม่อยากให้มารดาเป็นห่วง "แต่เราก็ชอบทำตัวเป็นเด็กๆ นะแสน แม่จะบอกอะไรให้นะ อย่าจับหนูสร้อยมาไว้ที่บ้านเรานานเกินไป แม่ให้แค่สามวัน เต็มที่ให้ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ลูกจะต้องปล่อยเขาไปนะ" นางขอบุตรชาย "ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะพูดความจริงออกมาเมื่อไหร่ครับ" ชายหนุ่มตอบสั้นๆ จากนั้นจึงลงมือรับประทานอาหาร มารดาจึงทำได้เพียงส่ายหน้าและทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้ข้างบุตรชาย ราวหนึ่งชั่วโมงผ่านไป พ่อเลี้ยงแสนเดินกลับขึ้นมาบนห้องนอนของตนเองพร้อมกับสำรับอาหาร เขาเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องและกวาดสายตามองรอบๆ แต่กลับไม่เห็นรมตี "รมตี เธออยู่ไหน ฉันยกอาหารขึ้นมาให้" ชายหนุ่มตะโกนถาม เขาวางสำรับลงบนโต๊ะติดกับโซฟา จากนั้นจึงเดินตามหาหญิงสาวไปทั่วห้อง พ่อเลี้ยงแสนเดินออกมาริมระเบียง จึงเห็นว่าคนตัวเล็กยืนกอดอกและจ้องมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับโค้งขอบฟ้า บรรยากาศต้นฤดูหนาวช่างงดงามจับใจ สิ่งนี้คือสิ่งที่รมตีคาดหวังว่าจะได้มาเจอเมื่อมาเที่ยวเชียงใหม่ แต่เรื่องราวกลับตาลปัตรเพราะโดนจับมาขังไว้โดยพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่ส้มผู้ไร้มนุษยธรรมและไร้เหตุผล "มายืนทำอะไรตรงนี้ คงไม่ได้คิดที่จะกระโดดลงไปใช่หรือเปล่า?" พ่อเลี้ยงแสนถามขึ้นเสียงเข้ม ขณะที่ร่างกำยำเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังหญิงสาว "ถึงกระโดดลงไปฉันก็หนีไม่พ้นหรอก ฉันเห็นนายคมเฝ้านั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ ใจคอจะไม่ให้เขากลับบ้านไปพักผ่อนกินข้าวบ้างเลยหรือยังไงพ่อเลี้ยง" "ฉันก็กำลังจะโทรไปบอกให้คมกลับบ้านอยู่นี่ไง เพราะว่าตอนนี้ถึงกะฉันเฝ้าเธอแล้ว กลับเข้าไปกินข้าวได้แล้ว" เขาออกคำสั่งเสียงดุ ทว่ารมตีไม่รู้สึกหิว เธอกลัดกลุ้มใจที่ถูกจับมาขังไว้โดยผู้ชายแปลกหน้าและป่าเถื่อนเช่นนี้ ทั้งยังเกรงว่าบิดาจะเป็นห่วงเพราะยังไม่มีโอกาสได้ติดต่อกลับไปหาท่านเลยตั้งแต่มาถึงที่นี่ "ฉันไม่หิว อีกอย่างก็ไม่ต้องยกขึ้นมาให้ฉันหรอก ฉันลงไปกินที่ห้องครัวก็ได้" "ก็ยกขึ้นมาให้แล้ว กินๆ ไปซะจะได้จบๆ" แสนพูดแล้วจึงเดินกลับเข้าห้องนอน ร่างสูงเดินตรงไปยังประตูห้องและดันโซฟาตัวเล็กมาขวางประตูไว้ จากนั้นคนตัวโตทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาที่ขวางประตูอยู่ "ทำอะไรของคุณอีก?" รมตีเดินตามหลังเข้ามา "คืนนี้ฉันจะนอนตรงนี้ ถ้าเธอคิดจะหนีจริงๆ เธอก็คงจะต้องกระโดดระเบียงออกไป แต่ถึงยังไงเธอก็หนีออกจากบ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าคืนนี้ฉันจ้างคนงานสองคนมาเฝ้ายามที่หน้าบ้าน "เหอะ! ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ?" "ใช่ เพราะดูท่าทางเธอจะดื้อมาก" "คุณมันคนไร้เหตุผล เป็นถึงเจ้าของไร่ใหญ่โต คุมคนงานเป็นร้อยๆ คน แต่ทำนิสัยแบบนี้เนี่ยนะ คนงานที่ไหนจะเคารพ" "คนงานที่นี่เขาเคารพฉันนะ เคารพมากด้วย" "เคารพหรือกลัว? คุณมันบ้าอำนาจ ชอบบังคับ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล" "ได้! เธออยากจะด่าฉันยังไงก็เชิญเลย แต่ถึงยังไงฉันก็จะขังเธอไว้ที่นี่จนกว่าเธอจะยอมพูดความจริงทุกอย่าง" รมตีชักสีหน้าบึ้งตึงใส่พ่อเลี้ยงแสน เธอไม่อยากเถียงเรื่องที่ดินจึงเดินไปทิ้งตัวนั่งลงโซฟาตรงที่มีสำรับอาหารวางอยู่ "แล้วฉันจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ายัง?" "อาบน้ำที่นี่ แล้วก็ใส่เสื้อผ้าของฉันไปก่อน" เขาตอบทันควัน ราวกับคิดเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว "ไม่เอา ฉันจะกลับลงไปห้องพักของฉัน" "อย่าเรื่องมาก เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อรองอะไรทั้งนั้น เธอต้องทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่าง" เขาว่า "พูดอะไรกับคุณไปมันก็คงเปล่าประโยชน์สินะ ก็ได้ ไว้ฉันค่อยหาทางออกจากห้องนี้ตอนที่คุณอาบน้ำก็ได้" รมตีพูดแล้วจึงตักอาหารเข้าปากเพื่อชิม ถึงได้รู้ว่ารสชาติอาหารอร่อยถูกปากเป็นอย่างมาก อยู่ๆ ก็รู้สึกหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น "ฝันไปเถอะ ฉันจะเอาเธอเข้าไปไว้ในห้องน้ำตอนที่ฉันอาบน้ำด้วย" ทว่าคำพูดของพ่อเลี้ยงแสนพูดกลับทำให้รมตีแทบสำลักอาหาร เธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าพูดเช่นนั้น "อย่ามาพูดจาข่มขู่ฉันแบบนี้นะ ทำไมถึงไม่รู้จะให้เกียรติคนอื่นเขาบ้าง?" "ฉันพูดจริงๆ ไม่ได้ข่มขู่ด้วย" เขาพูดเสียงดังจริงจัง จากนั้นร่างกำยำจึงเอนหลังพิงพนักโซฟาและทิ้งศีรษะลงเป็นการผ่อนคลาย "แต่ถ้าข่มอย่างอื่นก็ไม่แน่..." พ่อเลี้ยงแสนแกล้งพูดพลันยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ "คนบ้า!" รมตีจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาขุ่นเคือง และได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ทำเช่นที่พูดจริงๆ เธอไม่อยากต่อปากต่อคำอีกจึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร ความจริงก็ไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรนักหรอกตอนนี้ อยากได้เมียมากกว่า 555 ฝากอีบุ๊กในเม็บหน่อยนะคะ จัดโปรเหลือ 149 บาทเท่านั้นค่า ฝากเพิ่มเข้าชั้นให้ปันหยีหน่อยหนา ขอบคุณค่า ♥
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม