บทนำ 1/2

1163 คำ
เมื่อ 15 ปีก่อน ชายแดนบูรพาในรัฐเว่ย แคว้นจงโจว มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อว่ากงซีเป็นที่พักชั่วคราวของฮูหยินแม่ทัพซ่งอัน ซึ่งห่างจากทัพใหญ่บูรพาไม่กี่ลี้ หมู่บ้านนั้นเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างไกลความเจริญชนิดสุดกู่ เส้นทางสัญจรไปในหมู่บ้านนั้นมีแต่ทางเดินเท้าของชาวบ้านและทางเกวียนวัว ถ้าจะเดินทางออกไปด้านนอก หากไม่นั่งเกวียนเทียมวัวไปหรือเดินเท้าไป พาหนะที่ดีที่สุดก็คือขี่ม้าไปนั่นเอง องค์หญิงเกาหยางกงจู่ได้มีทหารกลุ่มหนึ่งพามาพำนักชั่วคราวเนื่องจากในค่ายทหารนั้นลำบากยากแค้น แต่ทว่าไม่กี่วันให้หลังก็มีข่าวแจ้งว่าท่านแม่ทัพซ่งอันรับอนุเข้ากระโจมแม่ทัพ หัวใจคนเป็นแม่มองลูกน้อยวัยสามขวบที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างรู้สึกสงสาร เดิมทีนางเป็นองค์หญิงปลายแถวอยู่ในวังหลัง ครั้นแม่ทัพชนะศึกเหนือใต้ เสด็จพ่อจึงพระราชทานนางเป็นรางวัล ซึ่งการเกิดเป็นสตรีในวังหลังล้วนไม่มีสิทธิ์เลือก หากแต่ต้องอยู่ใต้เท้าบุรุษเพียงเท่านั้น การแต่งงานท่ามกลางไฟสงครามยากจะเกิดแล้ว นางเพียงทำพิธียกน้ำชาดื่มเหล้ามงคลแล้วติดตามแม่ทัพซ่งอันออกรบยังชายแดนบูรพาทันทีราวกับเขานั้นกลั่นแกล้งนาง แต่เมื่อผ่านไปสักระยะหญิงสาวก็มีครรภ์ การอยู่ในกองทัพท่ามกลางบุรุษนั้นลำบากยากเข็ญ แม่ทัพใหญ่จึงตัดสินใจให้นางมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่ห่างจากกองทัพนัก การเดินทางจากกองทัพมาที่เรือนรับรองชั่วคราวเพียงควบม้าชั่วเวลาครึ่งชั่วยาม แต่เมื่อนางคลอดลูกเป็นสตรี ก็ไม่ได้รับความสนใจอีกเลย ภายในใจผู้เป็นแม่อย่างนางได้แต่อดทน จนเมื่อลูกน้อยวัยสามขวบ สตรีนามซูหลันหนี่ว์ก็เข้ามาพัวพันกับแม่ทัพซ่งอัน และตั้งครรภ์เฉกเช่นเดียวกัน หัวใจผู้เป็นแม่ทุกข์ระทมตรอมตรมเช่นไรก็ต้องหยัดยืนสู้ต่อไปเพื่อลูกสาว จวบจนลูกสาวนางได้ 6 ขวบความวิตกกังวลใจมากจนเกินไปทำให้นางป่วย อวัยวะภายในทำงานผิดปกติ แม้แต่หมอทหารก็ไร้ทางเยียวยา ทั้งไม่ได้รับความสนใจและความใจร้ายของสามีคือ ใช้ยาเท่าที่จำเป็น แม่ทัพซ่งอันไม่เคยมีความพิศวาสต่อเกาหยางอยู่แล้ว จึงให้รักษาแบบตามมีตามเกิด ทั้งที่นางเป็นฮูหยินใหญ่จวนแม่ทัพซ่งแท้ ๆ แต่นางก็เก็บความทุกข์ไว้ในใจเท่านั้น ไม่กล้าหลั่งน้ำตาต่อหน้าลูกสาว เด็กน้อยที่ใช้ชื่อแฝงตัวเป็นชาวบ้านนามว่ากูเทียนมี่วิ่งเล่นไปรอบ ๆ หมู่บ้าน เด็กน้อยท่าทางสะอาดสะอ้านเนื่องจากได้รับการเลี้ยงและดูแลอย่างดีจากบ่าวรับใช้ ที่ทำตัวเหมือนชาวบ้านเช่นเดียวกัน จึงทำให้ใบหน้าหมดจรดงดงามสวยเหมือนลูกหลานขุนนาง เพียงแต่เสื้อผ้านั้นซีดเซียวตามชาวบ้านไม่ได้แต่งงานหรูหราจนเป็นที่สนใจ “เจ้า...เจ้ามีซาลาเปา...เอามาให้ข้า” เด็กชายเกเรคนหนึ่งผู้หิวโหยไม่เพียงไม่ขอดี ๆ ยังเข้ามายื้อแย่งซาลาเปาไส้เนื้อของกูเทียนมี่เอาไป “เจ้า...นั่นมันของข้า” “ของเจ้าก็ต้องอยู่ในมือเจ้าสิ...อยู่ในมือข้าแสดงว่าของข้า” เสียงเด็กชายเกเรผู้นั้นกล่าวขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะ แต่ทว่า... หมับ! ห่อซาลาเปาห่อนั้นถูกยื้อแย่งโดยเด็กชายที่โตกว่าท่าทางของเขาบาดเจ็บแต่เมื่อเห็นเด็กน้อยโดนรังแก เขาก็ไม่อาจจะนิ่งดูดาย ปล่อยเช่นนั้นไปได้ “เจ้า! เอาซาลาเปาของข้าคืนมานะ” เด็กชายอันธพาลผู้นั้นยิ้มค้างทั้งชี้หน้าเมื่อในมือที่มีห่อซาลาเปานั้นถูกยื้อแย่งไปโดยง่ายดาย “เจ้าพูดเองมิใช่...ซาลาเปาอยู่ในมือใครก็ของคนนั้น” หงจื่อติดตามบิดาออกรบจนโดนข้าศึกตีแตกแยกกันคนละทิศคนละทาง เขาจึงหลบเข้ามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ แล้วก็พบว่าเด็กน้อยโดนรังแก “เจ้า...นั่นมันของข้า” “ของข้าต่างหากเจ้าอย่ามาขี้ตู่” กูเทียนมี่เถียงขาดใจ พร้อมทั้งยืนด้านหลังชายผู้นั้นที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด หากเลือกได้ซาลาเปานางอยากแบ่งให้เขามากกว่าเจ้าคนอันธพาลนั่นเสียอีก “เจ้า!” ฟิ้ง!!! เสียงชักกระบี่ของเด็กหนุ่มนั้นทำให้เด็กอันธพาลวัย 6 หนาววิ่งกระเจิงไป แล้วหงจื่อยื่นห่อผ้าที่ภายในมีซาลาเปาด้วยกัน 4 ลูกให้กับเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเปิดห่อออกควันจาง ๆ ที่ลอยออกมากับกลิ่นหอมของซาลาเปาทำให้เขารู้สึกหิว ท้องเริ่มร้องประท้วงเพราะตั้งแต่เมื่อคืนก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยด้วยซ้ำ แต่จะให้มาแย่งเด็กหญิงน่ารักตรงหน้าก็กระไรอยู่ “พี่ชาย...ท่านหิวหรือไม่...กูเทียนมี่กินไม่หมด...แบ่งท่านสองลูก” เด็กน้อยนั่งลงทำให้เขาทรุดนั่งลงใต้ต้นไม้ริมลำธารด้วยเช่นเดียวกัน นางบิซาลาเปาออกกลิ่นหอมพร้อมกับควันจาง ๆ มันยั่วน้ำลายเขาจริง ๆ แต่เขาก็ยังไม่กล้ากินอยู่ดีจนนางยื่นมือเล็ก ๆ มาป้อนให้กับเขาถึงปาก นั่นเป็นซาลาเปาที่เขารู้สึกอร่อยที่สุดตั้งแต่เกิดมาจน 13 หนาว “แม่เจ้าทำให้รึ” เขาเคี้ยวไปอย่างเอร็ดอร่อย และหมดภายในพริบตา แล้วนางก็ยื่นลูกถัดมาให้เขาอีกลูก ส่วนนางกินยังไม่หมดเพียงครึ่งลูกด้วยซ้ำ “ใช่เจ้าค่ะ...แม่ของกูเทียนมี่ทำให้ ท่านแม่ไม่ค่อยสบายกูเทียนมี่เลยมาเล่นข้างนอกคนเดียว” เด็กน้อยไม่ชอบกลิ่นยาในห้องท่านแม่ จึงขอออกมานั่งเล่นริมลำธาร แต่ก็เจออันธพาลเข้าให้ ที่จริงวันนี้นางต้องหัดเขียนอักษรแล้ว แต่ทว่าแม่ไม่ว่างสอน จึงเป็นเวลาที่นางออกมาเที่ยวเล่นลำพังได้ “อร่อยยิ่งนัก” เขายิ้มให้เด็กน้อยแก้มป่อง ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก กับดวงตาที่มองเขามีประกายความบริสุทธิ์ทำให้เขามองนางอย่างเพลินตา ซาลาเปาหมดลงพร้อมกับเขาที่ต้องแยกกับนางเนื่องจากเริ่มมีทหารเข้ามาตามหาเขาแล้ว หากผู้ใดรู้ว่าเขาเป็นใคร ข้าศึกอาจจะมาทำลายหมู่บ้านเล็ก ๆ นี้ได้ เขารีบหลบออกไปแต่ก็มีเด็กน้อยที่วิ่งตามมา “พี่ชายท่านชื่ออะไร” กูเทียนมี่รู้สึกถูกชะตากับเขายิ่งนัก นางไม่อยากลืมชื่อเขา “เรียกข้าว่าอาหงก็แล้วกัน” แน่นอนว่าเขาปกปิดชื่อแซ่ไม่อยากให้ใครล่วงรู้ “ข้าจะรอพี่อาหงที่ลำธารนะเจ้าคะ” เด็กน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสมองพี่อาหงของนางเดินจากไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม