บทที่ 1 ต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยว 2/2

1122 คำ
หากท่านอ๋องมีใจให้หลินเหยาสักนิดนางควรหลีกทางให้ แต่นี่ท่านอ๋องไม่มีใจให้คนสกุลซ่งแม้แต่คนเดียว นั่นคือสิ่งที่นางอยากให้น้องสาวเลิกพยายาม สู้เอาเวลาไปดูแลตัวเอง เพื่อจะได้แต่งงานกับคนที่ดี ดีกว่าให้มารดานางชักจูงเพื่อแค่อยากแก้แค้นนาง “คุณหนูรองกลับแล้วเจ้าค่ะ” เป่ยเป่ยดูแน่ใจแล้วก็รายงานกับนายของตนเอง นางเพียงพยักหน้าแล้วขึ้นรถม้าด้านข้างจวน ท่วงท่าสง่างามแต่ทว่าว่าใบหน้าเศร้าสร้อยนั้นทำให้คนที่นั่งรถม้ามาแปลกใจนัก ไฉ่กั๋วกง ได้รับบรรดาศักดิ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากทำงานขึ้นตรงกับฝ่าบาท และงานการสร้างเขื่อนรัฐเว่ยทำให้ประชาชนพ้นวิกฤติจากน้ำท่วม รวมทั้งปราดเปรื่องเรื่องบุ๋นบู๊ทำให้ฝ่าบาทต้องเอามาไว้ข้างกาย ไม่ให้ลงไปในขั้วอำนาจใดขั้วอำนาจหนึ่ง วันนี้เดิมทีเขามาทำบุญที่อารามแทนท่านย่า เส้นทางนั้นไม่ใช่ต้องผ่านจวนจวิ้นอ๋อง เพียงแต่เส้นทางนั้นเกิดมีคนทะเลาะวิวาทกัน จึงเลี่ยงมาทางนี้ จึงได้พบเข้ากับพระชายาจวิ้นอ๋อง ที่เพิ่งแต่งงานเข้าจวนได้ไม่นาน เหตุใดใบหน้าจึงทุกข์ระทมหม่นเศร้าราวกับมีผู้ใดในครอบครัวจากไปเช่นนั้นเล่า ไฉ่เฉินมองไปจนรถม้าไปไกลแล้ว แล้วเก็บความสงสัยไว้ในใจ มุ่งหน้าสู่อารามหย่งเล่อต่อไป รถม้าของจวนจวิ้นอ๋องมาส่งพระชายาที่หน้าอาราม มีคนขับรถม้าและสาวใช้ประจำตัวของพระชายาขนของเข้าไปที่พักในอารามด้านหลังที่แยกชายหญิงชัดเจน ที่นี่นอกจากคนในราชวงศ์บางคนก็ไม่ค่อยมีชาวบ้านมาทำบุญมากนัก นับว่าเป็นวัดที่ให้ความสงบเงียบได้ดี เว่ยเหยาจึงอยากใช้โอกาสนี้ให้นางได้สงบจิตใจสักครู่ ท่วงท่างามสง่าก้าวขึ้นไปตามบันไดมุ่งไปยังที่ประดิษฐานพระพุทธรูปด้านหน้าองค์ใหญ่สลักจากหิน ใบหน้าที่เศร้าหมองมองไปยังเบื้องหน้า พรั่งพรูความในใจหลังจากจุดธูป หากมีที่ใดที่รับฟังความทุกข์ของนาง เห็นมีเพียงพุทธองค์เท่านั้น การเกิดมาในชนชั้นสูงตระกูลขุนนางล้วนไม่ทำให้นางมีความสุข ยามแต่งงานกับชายไม่ได้รัก ยิ่งไม่ได้รับความสุข แล้วสิ่งใดเล่าที่นางจะมีความสุขได้ ที่ใดเล่าที่จะเปิดอ้าแขนต้อนรับนาง คิดถึงตรงนี้น้ำตาก็รินไหลออกมา นางคิดถึงเมื่อตอนเป็นเด็ก แม้ความจำเลือนรางแต่นางรับรู้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่นางมีความสุขที่สุด ได้อยู่กับท่านแม่แม้ว่าท่านจะป่วย ก็รักและดูแลนางอย่างดี จำตอนที่มีเด็กอันธพาลแย่งซาลาเปา มีพี่ชายคนหนึ่งช่วยไว้ นางนั่งกินซาลาเปาริมลำธารพูดคุยโดยไม่ต้องคิดอันใด เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ความทรงนั้นที่เหลือก็เลือนหายไป นางจำหลังจากนั้นไม่ได้อีกเลย ตอนนั้นจำได้ว่าท่านแม่จากไปแล้วนางก็ป่วย ตื่นมาก็มีช่วงหนึ่งความจำหายไป แต่แม้ว่าเลือนรางเต็มที แต่นึกทีไรก็อิ่มใจ ท่าทางของพระชายาจวิ้นอ๋องนั้นล้วนอยู่ในสายตาของไฉ่กั๋วกง นางดูเหมือนเป็นคนอมทุกข์ ใบหน้างดงามฉาบทาความเศร้ามองอย่างไรเขาก็รู้สึกขัดตา นางไม่เหมาะกับความเศร้าหรอก นางเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า เขาแอบดูนางอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้คิดเข้าไปทักทาย เพียงแต่สายตาไม่อาจละจากสตรีเบื้องหน้าได้เลยเท่านั้น และนางก็ดูมีสมาธิกับการสวดมนต์ของพรจากพุทธองค์ไม่สนใจว่ามีใครอยู่รอบกายบ้าง ยามลมพัดโชยผ่านหน้าความเย็นสบายทำให้นางใจสงบจนไม่อยากลืมตาขึ้นมาพบกับความจริง จวนจวิ้นอ๋องยามนี้เงียบลงถนัดตา เมื่อเจ้าของจวนขับไล่สองสตรีที่มารบกวนเวลาสำราญของเขาไปแล้ว ฝูเฉินนั้นอยากไปรายงานเรื่องพระชายานัก แต่ดูเหมือนจวิ้นอ๋องไม่ได้สนใจ จึงได้แต่อ้าปากแล้วก็หุบปากอยู่เช่นนั้น เวลาผ่านไปสองวัน จวิ้นอ๋องเพิ่งรู้สึกว่าจวนเงียบเหงาผิดปกติจึงเรียกองครักษ์ของตัวเองมาสอบถาม “ฝูเฉิน ทำไมจวนเงียบนัก” ที่ผ่านมารู้สึกเหมือนจวนไม่เคยสงบสุขแบบนี้มาก่อน นี่มันหาได้ยากยิ่ง “จวิ๋นอ๋องอยากหาผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ” ฝูเฉินไม่กล้ากล่าวทูลไป เพราะเป็นท่านอ๋องเองที่ขับไล่สองสตรีพี่น้อง อีกคนมีตำแหน่งเป็นถึงชายา อีกคนก็น้องเมีย เขาไม่รู้ว่าท่านโปรดเรียกหาสตรีคนใด “พระชายาไปที่ใด ปิดเรือนเงียบเชียบ” เขาปรายตามองไปทางนั้นเห็นประตูปิด ไม่เห็นมีผู้ใดอยู่อีกเลย ส่วนสตรีอีกผู้เขาจำได้ว่าไล่นางไปแล้ว คงจะกลับบ้านไปแล้วกระมัง “ท่านจวิ้นอ๋องลืมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าทรงไล่พระชายาออกไปด้วย ตอนนี้พระชายาไร้ที่ไปได้แต่ไปอาศัยอยู่อารามหย่งเล่อ” ฝูเฉินตอบไม่เต็มเสียงนัก ไม่รู้ด้วยว่านายของตนนั้นจะรู้สึกเช่นไรกับพระชายา “เหอะ...! เรียกร้องความสนใจ ดี...ให้นางอยู่อารามก็ดี ข้าจะได้สบายตาสักหน่อย” เรียกร้องไปเถอะอย่างไรเขาก็ไม่สนใจ ต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยว เขาคิดว่าเขาพูดชัดเจนแล้วในคืนเข้าหอ หลังจากเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว จวิ้นอ๋องก็พูดคำแรกกับเจ้าสาว ‘เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้ามิมีใจให้ ในใจข้ามีสตรีเพียงผู้เดียว แต่ข้ามิอาจขัดรับสั่งเสด็จพ่อ ดังนั้นเจ้าและข้าต่างคนต่างอยู่’ คำพูดบุรุษหนักแน่นดุจภูผา เขาไม่คิดกลับคำเรื่องนี้ พูดจบเขาก็กลับมาพักเรือนของตัวเอง แล้วไม่เหยียบไปเรือนของพระชายาอีกเลยนับแต่นั้น ส่วนสตรีอีกผู้ก็อาศัยบารมีพี่สาวเข้ามาในจวนเขาเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจหากไม่มาวุ่นวาย “เพคะจวิ้นอ๋อง” นางพูดกับเขาเพียงแค่เท่านี้หลังจากเขาสะบัดหน้าเดินจากไป “เอ่อ...จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” “มีอันใดไม่ดี ไหนเจ้าลองว่ามาสักคำ” “....” ฝูเฉินหรือจะกล้า หากเขาพูดมิเท่ากับเอาคอเข้ารองที่เขียงรอการประหารหรอกหรือ ขึ้นชื่อเรื่องความเฉียบขาด จวิ้นอ๋องก็ไม่แพ้องค์รัชทายาทเช่นเดียวกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม