เมื่อท่านกั๋วกงกลับไป เว่ยเหยาก็บอกให้เป่ยเป่ยปิดเรือนไม่พบผู้ใดแล้ว นางเวียนหัวจะพักผ่อน นั่นทำให้จวิ้นอ๋องที่เพิ่งกลับจากประชุมไม่ได้พบนาง
“อะไรนะไฉ่กั๋วกงมางั้นเหรอ” ไท่จื่อเองก็กลับมาที่จวนจวิ้นอ๋องด้วย วันนี้สีหน้าของเสด็จพ่อไม่ดีนัก คิดว่ายังไม่หายขุ่นเคืองเรื่องหลานสะใภ้โดนทำร้ายจากลูกชาย แม้ว่าไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ นำป้ายของฝ่าบาทมาข้าน้อยมิกล้า” พ่อบ้านหลี่รายงานไปตามจริง วันนี้เขาเองก็หวั่นใจเช่นกัน แต่ตลอดการพูดคุยเขาไม่ได้อยู่ด้วย ไม่รู้ว่าคุยอันใดกันบ้าง
“นางพูดถึงพวกเราหรือไม่”
“ข้าน้อยมิทราบพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ตอนมาให้ข้าน้อยจัดเตรียมเครื่องบำรุงจากในวังมาให้พระชายาเท่านั้น พูดคุยสิ่งใดบ้างข้าน้อยมิได้อยู่ด้วย” พ่อบ้านหลี่ตอบอย่างลำบากใจ ครั้นจะไปซักไซ้ก็ใช่ที่ พระชายายังเจ็บป่วยอยู่
“เสด็จพ่ออย่างกังวลใจไป ลูกจะไปเยี่ยมนางเอง” จวิ้นอ๋องรู้ว่าเสด็จพ่อกังวลสิ่งใด แต่เขาเพียงแค่ห่วงนางเท่านั้น ไม่ได้คิดเป็นอื่น เมื่อเขาเดินมาถึงเรือนของนาง ก็เงียบสนิทบ่าวไพร่ไม่มีให้เดินรับใช้ เป่ยเป่ยที่เฝ้านายหญิงอยู่ก็รีบออกมาทันทีเมื่อเห็นจวิ้นอ๋องมา
“คารวะจวิ้นอ๋อง”
“นางเป็นอย่างไรบ้าง”
“บ่นว่าปวดศีรษะตั้งแต่บ่ายดื่มยาแล้วก็หลับไปเพคะ” เป่ยเป่ยบอกแค่ที่นายหญิงสั่งเท่านั้น
“ท่านกั๋วกงมาหานางว่าอย่างไรบ้าง”
“เพียงแต่มาสอบถามอาการแล้วก็แค่ขาดเหลือสิ่งใดหรือไม่เจ้าค่ะ”
“แค่นั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ”
จวิ้นอ๋องพยักหน้ารับ คิดว่าซักไปก็ไร้ประโยชน์อีกอย่างนางก็ไม่รู้ว่ากั๋วกงมีความสำคัญเช่นไร คงไม่มีอันใดกระมัง จวิ้นอ๋องทรุดนั่งที่เตียงนอนของนาง มือหนายกขึ้น ลูบที่ศีรษะนางเบา ๆ อย่างเป็นห่วง ความอบอุ่นที่มือของเขาปลุกนางตื่นขึ้น หญิงสาวสะดุ้งเพราะมือนั้นไม่ใช่มือของเป่ยเป่ย
“คะ...ใคร...เป่ยเป่ยเจ้าอยู่ไหน...เป่ยเป่ย” นางเรียกสาวใช้อย่างหวาดกลัว ทั้งขยับเข้าไปด้านในลึกขึ้นจนเขาต้องดึงนางไว้
“เจ้าอย่าขยับเป็นข้าเอง” จวิ้นอ๋องเห็นท่าทีหวาดกลัวของนางแล้วก็อดสงสารไม่ได้ หญิงสาวที่หอบหายใจด้วยความหวาดกลัวค่อย ๆ สงบลงจนหน้าอกกระเพื่อมเบาแรง นางดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา แล้วเอ่ยเสียงสั่นเล็ก ๆ
“จวิ้นอ๋องมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือเพคะ” นางพยายามคุมโทนเสียงให้เป็นปกติแล้ว แต่ไม่ได้จริง ๆ การอยู่ในความมืดที่ไม่รู้ว่าใครจะมาทำร้าย ทำให้นางหวาดกลัว ที่นี่ไม่น่าอยู่สำหรับนางเลยจริง ๆ
“ไม่มีข้าเพียงแต่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่” เสียงนุ่มเอ่ยถามนาง
“ไม่เป็นไรเพคะ...จวิ้นอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง หากเป็นไปได้ห้ามให้ใครมาหาข้าจะดีกว่า หรือถ้าจวิ้นอ๋องจะกรุณาให้หนังสือปลดภรรยาแก่ข้าเถิด ข้าไร้ซึ่งคุณสมบัติเป็นภรรยาของท่านแล้ว” เว่ยเหยาเคยคิดว่าตำแหน่งพระชายาจะทำให้เขาใจอ่อนลงบ้าง ยามนี้นางคิดแล้วว่าการปล่อยให้คนที่รักเป็นอิสระย่อมดีกว่าเอาชีวิตไปเสี่ยง นางไม่อยากเดินอยู่บนเส้นด้ายกับขั้วอำนาจใด
“หย่า...หย่าแล้วเจ้าจะไปไหน จวนเสนาบดีหรือ?”
“ข้าจะไปอยู่วัดถือศีลกับเป่ยเป่ย ข้าไม่อยากเป็นภาระใคร” นางพูดอย่างแน่วแน่ เมื่อก่อนวิ่งหาเขา ตอนนี้นางขอหยุดแล้วเดินจากไปบ้างเถอะ
“ไม่...ข้าไม่ยอมหย่ากับเจ้า”
“ไม่รักแล้วรั้งข้าไว้ทำไม พระชายาตาบอดไม่อายหรือเพคะ” นางถามแทงใจเขานัก เขายอมรับว่าหากมีคนพูดเรื่องนี้ย่อมโกรธ แต่ว่านางเป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่ใช่เหรอ
“ใครจะอายก็ช่างสิ ข้าไม่อาย เจ้าต้องเป็นภรรยาข้าคนเดียว” เขาพูดเสียงเข้ม
“ไม่...ข้าไม่อยากเป็นภรรยา ปล่อยข้าไปเถิด หากท่านกลัวว่าตำแหน่งพวกท่านจะหลุดลอยไป เรื่องนี้ข้าจัดการได้ เพียงข้าเขียนจดหมายชี้แจงต่อฝ่าบาทก็ได้แล้ว” เว่ยเหยาคิดว่าสภาพนางตอนนี้คงไม่มีใครอยากรั้งไว้โดยเฉพาะไท่จื่อเฟยมารดาของจวิ้นอ๋องที่อยากให้น้องสาวของนางขึ้นมาตั้งแต่วันที่นางแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ
“ผู้ใดเอาเรื่องพวกนี้ใส่หัวเจ้า ข้าไม่คิดหย่า”
“ท่านต้องหย่า”
“ใครก็บังคับข้าไม่ได้”
“ท่านอกตัญญูไม่ได้”
เขาพูดหนึ่งคำนางพูดหนึ่งคำ เรียกได้ว่าแต่ละคำที่นางพูดล้วนเป็นเรื่องจริง เสด็จแม่ของเขาต้องไม่ยอมเรื่องนี้แน่ แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมหย่าขาดเป็นบุรุษไร้ความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน
“เจ้าไม่ต้องคิดสิ่งใด มีข้าอยู่เดี๋ยวจะดีเอง” เขาถอนหายใจมาหนึ่งคำแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้เจือด้วยอารมณ์ใด
“ท่านดื้อดึงเพื่อให้ข้าตายก่อนใช่หรือไม่”
“ใครจะอยากเห็นเจ้าตายกัน”
“ท่านอย่างไร ข้าไม่กลับท่านก็ดึงดัน ข้าอยากให้ท่านหย่าก็ดึงดัน รอให้มีโลงศพมาวางอยู่ตรงหน้าก่อนใช่หรือไม่ท่านถึงจะยอมเชื่อข้า” เว่ยเหยาคิดอยากปล่อย แต่เขากลับรั้งไว้เพื่ออันใดกัน นางไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ที่ผ่านมาล้วนเจ็บปวดกันยังไม่พออีกหรือ
“วันนี้เจ้าพักผ่อน พรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมใหม่”
“ไม่ต้อง...ข้าไม่อยากพบผู้ใด” เว่ยเหยาทรุดตัวลงนอนหันหลังให้เขา ไม่พูดกับเขาอีก บุรุษที่ไม่ยอมเข้าใจสิ่งใดเลยคือจวิ้นอ๋อง เขาคิดว่านางมีอำนาจเหนือไท่เจื่อหรือไท่เจื่อเฟยงั้นเหรอ
“พ่อแม่เจ้าทั้งน้องเจ้าด้วยหรือไม่”
“ใช่” นางตอบโดยไม่ต้องคิด หลังจากมารดาตายไปนางก็ไม่เหลือญาติใดอีกแล้ว พ่อมีเหมือนไม่มี แม่เลี้ยงที่คอยจะกลั่นแกล้ง น้องสาวที่คอยแย่งทุกอย่างของนางไป มีสิ่งใดให้นางอาวรณ์อีกหรือ
“ได้เจ้าอย่าเพิ่งคิดสิ่งใดมาก พักผ่อนให้เพียงพอเถิด” จวิ้นอ๋องยอมล่าถอยออกไป เขาไม่ควรอยู่ให้นางคิดมากให้นางรักษาตัวให้ดี
เป่ยเป่ยได้ยินทุกคำที่เจ้านายเถียงกัน นางทำได้แต่เงียบไม่มีความคิดเห็นใด หากนายหญิงคิดหย่าแล้วไปสวดมนต์ถือศีลอยู่ที่วัดนางย่อมยินดีติดตาม หากนายหญิงอยากออกจากเมืองหลวงย้ายไปอยู่ที่อื่นนางก็ยินดีไปเช่นกัน ไม่ว่านายหญิงจะไปอยู่ที่ใด นางย่อมเคารพการตัดสินใจของนายหญิง
วันถัดมาสาวใช้สองคนถูกนำมาที่เรือน เป็นของท่านกั๋วกง โดยเป่ยเป่ยแจ้งกับพ่อบ้านว่า เด็กสาวทั้งสองเป็นญาติของนาง และจะมาช่วยดูแลพระชายา
พ่อบ้านแปลกใจ เหตุใดทำไมมาพร้อมกับท่านกั๋วกงจึงไปเรียนจวิ้นอ๋องให้ทราบ