“คุณหมอพิมรัก”
หญิงสาวทำท่าจะเดินตามหลังชายหนุ่มไป แต่เสียงเรียกของพยาบาลก็ดังแทรกจังหวะขึ้นมา ส่งผลให้เธอต้องจำใจละสายตาจากแผ่นหลังกว้างกลับมาที่ต้นตอเสียง
พิมรักละล่ำละลักอยากจะปฏิเสธ ก่อนจะทำหน้างอคอตกทันทีที่มีเสียงพยาบาลสาวเรียกย้ำอีกรอบ
“หมอพิมรบกวนมาทางนี้หน่อยนะคะ”
“โอเคค่า กำลังไปค่ะ”
สุดท้ายก็ละทิ้งความสนใจจากชายที่ไม่รู้จักชื่อ เดินไปช่วยดูแลผู้ป่วยใหม่เพราะเธอยังอยู่ในเวลาปฏิบัติงานอยู่
เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน คืนนั้นพิมรักไปดื่มฉลองกับกลุ่มคนสนิทตามประสาคนทำงานหนัก เมื่อมีเวลาว่างก็อยากจะผ่อนคลายดูบ้าง แน่นอนว่าณดลแฟนเธอก็ไปด้วย
แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ให้เจอชายหนุ่มหน้าตาดีเหมือนกับดาราเมืองนอก รูปร่างกำยำทั้งยังสูงโปร่งราวกับนายแบบ แต่สายตาฉายชัดถึงความร้ายลึกจนคาดเดาได้ยาก
ในคืนนั้นเธอนั่งดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อนตามปกติ แต่ชายแปลกหน้าคนนั้นกลับเดินเข้ามากระซิบข้างใบหูว่า
‘ไอ้สวะนั่นมันกำลังนอกใจเธออยู่’
ไอ้สวะที่พูดถึงคือณดล..
ตอนนั้นณดลลุกไปเข้าห้องน้ำ พิมรักเลยตวัดสายตามองอีกฝ่ายคล้ายว่าไม่พอใจ ที่ใช้ถ้อยคำไร้มารยาทในการเปิดบทสนทนา ไม่รวมสายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่มองกันอีก
‘พูดบ้าอะไรของคุณ ถ้าเมาก็กลับไปดูแลตัวเองเถอะค่ะ’
ยอมรับว่าพิมรักไม่ได้ฉุกใจคิดในคำพูดนั้นเลย แฟนหนุ่มที่คบมานานถึงสามปีจะนอกใจกันได้ยังไง ในเมื่อพวกเขาวางแผนที่จะแต่งงานกันด้วยซ้ำ
ถ้าเรียนจบเฉพาะทางก็แต่งเลย..
‘ถ้าอยากฉลาดขึ้น ลองไปตามที่อยู่นี้สิ มีของดีให้ดู’
‘คุณรู้จักคู่ของเราเหรอคะ รับผิดชอบคำพูดตัวเองไหวเหรอ’
‘หรือบางทีหมอก็ไม่ได้ฉลาดทุกเรื่องวะ’
ชายนิรนามทิ้งประโยคที่คล้ายหลอกด่าเธอไว้ ก่อนจะเดินจากพร้อมให้ที่อยู่ที่เป็นปริศนา จนพิมรักเริ่มระแคะระคายขึ้นมาว่าคนรักของเธอแอบมีคนอื่นอยู่จริงหรือเปล่า
ปกติรักใครก็ไว้เนื้อเชื่อใจตลอด คบกันมาตั้งสามปี เขาจะหนีไปมีคนอื่นโดยที่เธอไม่รู้ได้ยังไงกัน
หรือเธอกำลังถูกสวมเขาโดยไม่รู้ตัว
โดนแฟนหนุ่มป้อนหญ้าให้มาตลอดอย่างงั้นเหรอ
ตกช่วงเย็นของวัน พิมรักเลิกงานแล้วก็รีบขับรถตรงกลับบ้าน ได้รับข้อความจากผู้เป็นพ่อตั้งแต่ช่วงสี่โมงเย็น จนตอนนี้จวนหกโมงแล้วเพิ่งจะได้เป็นอิสระจากงานที่รัดตัว
รถยนต์คันโปรดขับเข้ามาจอดหน้าบ้านสองชั้น แต่ก็ต้องทำหน้าประหลาดใจ เมื่อเห็นรถตู้ราคาแพงคันสีดำจอดอยู่หน้าบ้าน ไม่ยักรู้ว่ามีแขกมาหาพ่อเธอด้วย
“กลับมาแล้วค่ะพ่อ พิมแวะซื้อข้าวมันไก่ร้านประ..”
ปลายประโยคขาดห้วงไปชั่วขณะ เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนเข้ามาแล้วพบเข้ากับเจ้าของใบหน้าคมคายที่คุ้นตา
พิมรักขยับสายตามองชายชุดดำสองคน ที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่ทางด้านหลัง ให้ผู้เป็นนายใหญ่นั่งบนไขว่ห้างบนโซฟา หนำซ้ำพ่อของเธอยังนั่งทำหน้าหนักใจอยู่อีกต่างหาก
พลันบรรยากาศก็ชวนอึดอัดในทันที ตอนที่พิมรักเลื่อนสายตากลับมาวางไว้ที่ชายนิรนามหน้าคุ้น คลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน
“กลับมาแล้วเหรอคุณหมอคนสวย” ใบหน้าหล่อร้ายเหยียดยิ้มแล้วทักทายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ภาพในอดีตฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำ ถึงในร้านเหล้าคืนนั้นจะมืดสลัว แต่สายตาและน้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นเธอจำได้แม่นเลย
‘ไอ้สวะนั่นมันกำลังนอกใจเธออยู่’
อย่าบอกนะว่าคนที่คาบข่าวเรื่องณดลมาบอก กับคนที่นั่งกระดิกเท้าอยู่ในบ้านเธอตอนนี้คือคนเดียวกัน
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง
“พ่อพาใครมาบ้านเราคะ” พิมรักหันไปถามผู้เป็นพ่ออย่างพลกฤต นั่งหน้าเคร่งเครียดจนเธอเริ่มกังวลตามไปด้วย
“นั่งก่อนสิลูก”
“แต่..”
“ไว้พ่อจะอธิบายให้ฟังทีหลัง”
ได้ยินดังนั้นพิมรักก็จำใจต้องนั่งลงข้างพลกฤต ถึงจะมีคำถามอยู่เต็มหัวก็ตาม สายตาตวัดมองชายที่เจอเมื่อสองสัปดาห์ รู้สึกคันปากยุบยิบอยากจับเข่าคุยให้รู้เรื่อง
ว่าเขารู้เรื่องที่ณดลนอกใจเธอได้อย่างไร
ผู้ชายตรงหน้าเธอตอนนี้เป็นใครกันแน่
อีกอย่างเธอแน่ใจว่าเขานั้นเพิ่งมาโรงพยาบาลเมื่อช่วงสายของวัน แต่ตอนนี้กลับมานั่งอยู่ตรงหน้าเธอเสียแล้ว
“ตกลงมีเรื่องอะไรคะพ่อ” เธอหันไปถามเสียงค่อย เมื่อไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา พิมรักก็เลยทำลายกำแพงความเงียบที่น่าอึดอัดนี้เสียเอง
พลกฤตลอบถอนหายใจ เพียงอึดใจก็ตอบกลับลูกสาวไป
“นี่คุณเทียนอี้ เป็นเจ้าหนี้พ่อเอง”
“เจ้าหนี้เหรอ”
“ใช่ เงินทุนที่พ่อยืมมาหมุนเวียนมันขาดทุนน่ะลูก”
ใบหน้าสวยเข้ารูปหันมองเจ้าของชื่อประกอบคำพูด เพิ่งได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามก็วันนี้ แต่ท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่ของอีกฝ่ายดูไม่ค่อยน่าภิรมย์สักเท่าไหร่
ไม่ใช่ว่าเขาข่มขู่พ่อเธออยู่หรอกเหรอ
“แล้วยังไงคะ เป็นเจ้าหนี้แต่มีสิทธิ์อะไรมาใช้อำนาจในทางไม่ชอบ ข่มขู่พ่อด้วยการบุกมาบ้านแบบนี้”
“ระวังคำพูดหน่อยสิ ฉันมาดี ข่มขู่ตรงไหน”
“มานั่งวางมาดในบ้านคนอื่นเขาแบบนี้ เรียกว่ามาดีงั้นเหรอ แล้วไหนจะพาลูกน้องตัวเองมาอีก ไม่ข่มขู่ตรงไหนกัน”
เทียนอี้ยกยิ้มมุมปาก คล้ายว่าชอบใจที่เห็นท่าทีพยศของคุณหมอคนสวย จนอยากกำราบด้วยการหาอะไรบางอย่างปิดปากเธอสักที
“แต่พ่อเธอเป็นคนชวนฉันมาคุยเรื่องประนอมหนี้” เทียนอี้ไหวไหล่อย่างไม่แยแส สีหน้าติดเย็นชาแต่ก็ดูยียวนเช่นกัน
“จริงเหรอคะพ่อ” พิมรักหันไปถามพ่อตัวเองทันที
“ใช่ พ่อเป็นคนชวนคุณเทียนมาเอง”
“แล้วพ่อเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่คะ”
พลกฤตที่อ้าปากเตรียมจะตอบ ถูกเสียงทุ้มต่ำชวนให้ใจสั่นด้วยความนึกกลัว ดันดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ก็ไม่เยอะหรอก”
“ไม่เยอะคือเท่าไหร่”
พูดจบประโยคชายในชุดสูทสีดำก็นิ่งเงียบไป สายตาคู่คมทอดมองหญิงสาวร่างอรชร พลางไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าประกอบการพิจารณา
พิมรักที่รู้สึกได้ถึงแรงคุกคามก็ชักสีหน้าไม่พอใจ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เทียนอี้ช้อนสายตามองเธอ พร้อมกับตอบกลับจำนวนตัวเลขของหนี้สินที่พ่อเธอค้างจ่ายไว้
ไม่เยอะอย่างที่คิดหรอกก็แค่..
“แค่ 50 ล้าน”