ตอนที่ 9
ลูกกวางน้อย
“ได้ครับ พรุ่งนี้ทางเราจะถอดถอนรายชื่อของคุณวัฒนาออกจาฝังบอร์ดและแจ้งคืนทุนให้ตามที่คุณต้องการ” อัครเรช เอ่ยเสียงราบเรียบ กุมมือเรียวแข็งขึ้นมาสอดประสานกันไว้ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“ทุนต้นของคุณอยู่ที่หกสิบล้านสัดส่วนสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของทุนทั้งหมด ร่วมทุนกับวิโรทัยมาสิบปีหกเดือนกับอีกสองวัน โดยบริษัทจ่ายปันผลให้ทุกปีที่มีกำไรมาเจ็ดปี ในสามหลัง”
คำกล่าวของเขาทำให้คนในห้องประชุมมองหน้ากัน ถึงข้อมูลที่แน่นเป๊ะทั้งที่เข้ามาเทคโอเวอร์ได้ไม่กี่วัน
“ใช่”
วัฒนาพยักหน้ารับ สบตาคู่สีมรกตนิ่ง
“ดังนั้นในช่วงขาดทุนสามปีตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้นคุณต้องเพิ่มทุนให้บริษัทร่วมกับคนอื่น อีกประมาณร้อยยี่สิบล้าน หักลบกับทุนเดิม คุณต้องจ่ายเพิ่มให้วิโรทัยอีกประมาณ ห้าสิบล้านสี่แสนสองหมื่นสามพันหกร้อยยี่สิบบาทถ้วน สำหรับการถอดถอนชื่อในครั้งนี้”
“วะ .ว่าไงนะ”
มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ทำไมเขาต้องมารับผิดชอบต่อการบริหารที่ห่วยแตกของครอบครัวพี่ชาย ทั้งที่ตลอดมาเขานั่งอยู่เฉยๆ เข้าประชุมแค่เดือนละครั้ง ก็มีเงินเข้ามาตลอด
“นี่ข้อมูลการเงินทั้งหมดครับ”
อัครเรช ยื่นเอกสารตรงหน้า พร้อมให้คนของเขาฉายจอมิเตอร์ขึ้นในห้องประชุม ทำให้ทุกคนตาลุกวาวเมื่อเห็นตัวเลขทั้งหมดที่โดนโยกไปยัง วัฒนาผู้ถือหุ้นคนนี้
ที่ผ่านมาบิดาของเธอ จ่ายปันผลให้อาทั้งที่ไม่มีกำไร
“ชะ..ชั้นไม่ยอมให้เป็นแบบนี้หรอก”
วัฒนากัดฟันกรอด เมื่อเห็นข้อมูลทั้งหมด และคนในห้องประชุมเริ่มมันมามองเขาเป็นตาเดียว
“ไม่อยากเลยครับข้อมูลพวกนี้สามารถใช้ในศาลได้ ถ้าคุณวัฒนาไม่เห็นด้วยที่จะจ่าย แต่ถ้าฟ้องดูแล้วยังไงวิโรทัยก็ชนะแน่นอน”
อัครเรชเอ่ยเสียงเข้ม ดักคอไว้ทุกทาง
วัฒนากุมมือแน่น รู้สึกพลาดที่เอ่ยปากว่าต้องการถอนหุ้นออก และในตอนนี้เขาคงจะถอยจากตรงจุดนี้ยากเสียแล้ว
“แป้ง อาขอเวลากลับไปคิดดูก่อนสักพัก อย่าเพิ่งถอนชื่อของอาออกจากบอร์ดนะ”
สุดท้ายเขาต้องหันมาบอกหลานสาว ที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะ มองกระดาษที่กระจัดกระจายเต็มพื้นเพราะฝีมือเขาเอง
“แป้งตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องมติในที่ประชุม”
ศรัญญาถอนหายใจ เหลือบมองแววตาคู่สีมรกตที่อยู่ตรงหน้า แล้วเบือนหน้าเล็กน้อยเมื่อเขามองเหมือนจะตำหนิเธอ
ลูกกวางน้อยใจอ่อนเสมอ แม้แต่กลับคนที่จะล่าตัวเอง
สุดท้ายคนในที่ประชุมก็ยกมือยื้อให้กับวัฒนาเกินครึ่งรวมทั้งศรัญญาด้วย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อากลับก่อนนะว่าจะแวะไปเยี่ยมเจียงที่โรงพยาบาลด้วย”
อาวัฒนาของเธอเอ่ย ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุม
.
.
หลังจากประชุมเสร็จแล้ว ศรัญาญากลับเข้ามาทำงานในห้องต่อ ส่วนหนึ่งเพื่อระงับสติอามรณ์ของตัวเอง เมื่อรู้ว่าที่ผ่านมาการบริหารของพ่อกับผู้เป็นอา มีความเลื่อมล้ำเพียงใด จนสมบัติของที่บ้านของเธอแทบจะไม่เหลือให้นำมาอุดรูรั่วของบริษัทอีกต่อไป
หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย มองลงไปยังหน้าต่างด้านล่าง เห็นรถมินิแวนสีดำของสิริวัฒนาจอดอยู่ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของ อัครเรช จะเดินเข้ารถที่คนของเขาเปิดประตูไว้รออยู่แล้ว
เหมือนหน้าหล่อเหลานั้นจะหันมามองเธอที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง จนศรัญญาต้อเบือนหน้าและหันเก้าอี้กลับมายังโต๊ะทำงาน
ปากหยักได้รูปของอัครเรช ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอนหลังลงพิงพนักเบาะ ความจริงเขาไม่ต้องเขามาร่วมประชุมที่วิโรทัยก็ได้ แค่ธุรกิจของเขาเองก็ล้นมืออยู่แล้ว
เพียงแต่เขาอยากดูความเน่าเฟะภายในของที่นี่เท่านั้น
แต่เบื้องต้นเขาจะให้โอกาสเจ้าลูกกวางน้อยบริหารจัดการไปก่อน และจากนั้นเขาจะเก็บกวาดให้สิ้นซากเอง
“จัดการมันเรียบร้อยมั้ย”
อัครเรชเอ่ยถามเสียงเข้ม มือหยิบแว่นตาดำออกมาสวมทับดวงตาคู่สีมรกตที่แพ้แสงแดดง่าย
“เรียบร้อยครับนาย”
“ดีมาก”
อย่างน้อยตอนนี้เขาก็จัดการคนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมพ่อกับแม่ของเขาแล้ว ด้วยวิธีการของเขาเอง แม้ต่อไปเขาเองจะต้องเผชิญกับอันตรายรอบด้านก็ตาม
“ไปที่โกดังมั้ยครับนาย”
“ไม่”
อัครเรชปฎิเสธ
“พาฉันกลับบ้าน ฉันอยากเล่นเปียไน”
นายน้อยของสิริวัฒนาบอก
.
.
ศรัญญา ไปเยี่ยมบิดาที่โรงพยาบาลในวันต่อมา หลังถูกปรามเรื่องของ อาวัฒนาที่ยังไม่ต้องการให้เธอถอดถอนรายชื่อของเธอออกจากผู้ถือหุ้น นั่นทำให้หญิงสาวบ่นอย่างน้อยใจที่ปัญหาปั่นป่วนทุกอย่างมาจากน้องชายพ่อแท้ๆ แต่จะต้องสร้างความลำบากใจให้เธอต่อไป
“อ้าวแป้ง วันนี้ไม่เข้าออฟฟิศเหรอ”
ศรีกัลยาพี่สาวทัก เมื่อเห็นน้องสาวเดินเข้ามาในร้านเบอร์เกอรี่ของตัวเองด้วยหน้าตาที่บอกบุญไม่รับ ศรัญญายิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“อาวัฒนี่สุดยอดเลยอะพี่ปลา แป้งกลัวว่าหลังระดมทุนแล้วจะยังสร้างผลกำไรต่อไม่ได้จัง”
ศรัญญากล่าวอย่างกังวล แม้ตอนนี้พี่สาวตัวเองจะถอดใจจนต้องหันมาทุ่มเทกับร้านขนมที่ทำด้วยทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว แต่เธอก็ยังอยากทำให้ธุรกิจของบ้านพลิกฟื้นกลับมาอีกครั้ง
“ไหวมั้ยอะแป้ง อย่าหักโหมมากนะถ้าฝืนเกินก็ปล่อยไป”
พี่สาวเอ่ยอย่างเป็นห่วง ยกจานเค้กส้มกับกาแฟร้อนมาเสริ์ฟให้ มองหน้าที่เหมือนจะเหนื่อยอ่อนของน้องสาวอย่างเห็นใจ
“ไหวซิพี่ปลา แป้งจะทำให้ได้”
ศรัญญาเอ่ยเสียงเข้ม แม้เธอจะอายุเพิ่งจะยี่สิบปีแต่เมื่อคิดถึง อัครเรชแล้วนับว่าเขาเข้มแข็งกว่าเธอเยอะมากๆ
“เค้กที่สั่งได้แล้วใช่มั้ยปลา”
เสียงนุ่มหูดังขึ้นด้านหลัง ทำให้ศรัญญาหันไปมองและสบตากับหน้าตี๋ของ โอภาสที่ก้าวเข้ามาในร้านและมองอย่างลิงโลดเมื่อเห็นเธอ
“อ้าว แป้ง แวะมาที่ร้านปลาเหรอ บังเอิญจังเลยพอดีพี่สั่งเค้กไว้สองปอนด์”
น้ำเสียงที่สดในและแววตาวาววับที่มองศรัญญาของโอภาสนั้น ทำให้ศรีกัลยา ที่ถือกล่องเค้กออกมาให้ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
แววตาของทายาทศรีพิพัฒน์จะสดใสทุกครั้งเมื่อเจอ ศรัญญา เป็นแววตาที่ศรีกัลยาไม่เคยจะได้รับเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปยาวนานแค่ไหนก็ตาม
“ค่ะ แป้งอยากกินเค้กเลยแวะมาทานฝีมือพี่ปลา”
ศรัญญาเอ่ยเสียงอ่อนโยน มองร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าที่นั่งลงตรงข้าม คิดถึงเหตุการณ์วันก่อนในห้องทำงานของเธอที่เขามาเกาะกุมมือแล้ว อัครเรชเข้ามาพบก่อน
และหลังจากนั้นโอภาส ก็ไม่ได้ติดต่อเธอมาอีกเลย และศรัญญาก็ลืมเรื่องของเขาไปชั่วขณะ
“ทานเค้กเสร็จแล้ว ไปกินมื้อเย็นด้วยกันมั้ยครับ มีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ใกล้ๆนี้เอง เดี๋ยวไปรถพี่ก็ได้เดี๋ยวพี่กลับมาส่ง” โอภาสเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
การเอ่ยชวนทานมื้อเย็นของเขาสร้างความรู้สึกที่แตกต่างให้กับสองสาวพี่น้อง
“นะครับ ไปทานกับพี่สักครั้งเถอะ”
โอภาสเอ่ยเว้าวอน ศรัญญายิ้มเจื่อนๆ ก่อนที่จะมีเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นในกระเป๋าสะพาย
“แป้งอยู่ไหนครับ”
เสียงเข้มจากปีศาจน้ำแข็งดังในสาย ศรัญญาโค้งคำนับขอตัวกับคนตรงหน้า ป้องปากปิดโทรศัพท์ไว้ “แป้งคุยเรื่องงานแปปนะคะ พี่โอม” ก่อนจะเดินออกมาคุยห่างๆ
“อยู่ร้านพี่ปลาค่ะ คุณเรชมีอะไรมั้ยคะ”
ศรัญญาป้องปากคุยสายเบาๆ ร้อยวันพันปี เขาไม่เคยโทรหาเธอเลยสักครั้ง
“พี่อยากให้แป้งมาฟังเปียโนที่บ้าน”
เสียงราบเรียบจากปลายสายทำให้หญิงสาวชะงัก ..นี่เขาจะให้ไปนั่งเพลงที่เขาเล่นเปียโนงั้นเหรอ
“แป้งครับ เดี๋ยวพี่ออกออกไปรอที่รอนะครับ เอารถไว้ที่นี่ก่อนก็ได้” โอภาสตะโกนมาบอก เมื่อลุกจากโต๊ะและเตรียมจะไปรอหญิงสาวนอกร้าน
และเสียงบอกนั่นก็ดังเข้าไปในโทรศัพท์ จนอีกฝ่ายได้ยินประโยคดังกล่าวของหนุ่มหน้าตี๋ทายาทศรีพิพัฒน์อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“คะ..คือ วันนี้แป้ง”
ศรัญญาไม่แน่ใจว่าปลายสายได้ยินชัดเจนแค่ไหน และจะรู้มั้ยว่านั่นคือเสียงของโอภาส เพราะเหมือนเสียงของอัครเรช นิ่งเงียบไปสักพัก แต่สุดท้ายเสียงปีศาจน้ำแข็งก็ตอบมาว่า
“รอที่ร้านนะครับ ไม่เกินสิบห้านาทีพี่ไปรับ”