“ไอ้ติน...ไอ้ติน”
อีธานเรียกมาร์ตินขึ้นมาจากสนามบอล เพราะมองนาฬิกาแล้วมันก็จะถึงเวลาที่นัดเธอไว้แล้วจริงๆ
“ไอ้เวร...มึงจะรีบไปไหนวะ กูกำลังเตะบอลสนุกๆ” มาร์ตินเดินขึ้นมาด้วยตัวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ท่อนบนเปลือยเปล่า โชว์รอยสักทรงเท่ห์ กับ ซิกแพคแน่นๆ แถมยังเอ่ยประโยคต่อว่าเพื่อนรักที่เอาแต่เร่ง
มาร์ตินรู้ดีว่าอีธานคิดกับปิ่นมุกแบบไหน เพราะเท่าที่โตด้วยกันมามันไม่เคยออกอาการเสียทรงแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“ชอบบ้าอะไรของมึง” อีธานหลบสายตา
“ไปตามนัดเธอหน่อย เธอมีเรื่องจะคุยกับมึง”
“มึงนี่นะ...ชอบเขามากหรือไง” มาร์ตินเอ่ยแซว
“กูไม่ได้คิดอะไร...ก็แค่จะตามหนี้ให้มึงป่ะ?
“กูว่ามึงแปลกๆ แล้ว ยังจะมาปากแข็งอีกนะมึง กูอดไปหาเด็กกูเลย” มาร์ตินบ่นอุบ แต่ก็ยอมไปเจรจาตามที่เพื่อนรักเป็นคนบอก
อีธานหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแก้เขิน
“เออ! เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”
“เออ..อย่านานนะมึง”
อีธานมองดูเสียงแจ้งเตือนที่เธอส่งมา เธอส่งรูปตำแหน่งที่นั่งภายในร้าน และพิมพ์ข้อความมาหา
“ฉันถึงแล้วนะ นายอยู่ไหน?”
“กำลังไป”
เขาตอบกลับเธอไป และรีบเอามือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกงเมื่อเห็นมาร์ตินเดินออกมาจากห้องอาบน้ำของคณะวิศวะพอดี
“มึงเนี่ยนะ ทุกทีกูไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้นะไอ้อีธาน มึงชอบเขามากหรือไง?” มาร์ตินเอ่ยถามมาอีกครั้งขณะนั่งกันอยู่บนรถสปอร์ทที่มีอีธานเป็นคนขับ
อีธานเหลือบมองเพื่อนรักแวบหนึ่ง ก่อนที่จะทำหน้าเรียบเฉยกลบเกลื่อน
“กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไร แค่นัดคุยเฉยๆ” มาร์ตินหัวเราะหึในลำคอ กอดอกพิงเบาะอย่างรู้ทัน
“เออ…ปากบอกไม่คิด แต่ท่าทีมึงมันโคตรฟ้องว่ะ ไอ้เพื่อนเวร” มาร์ตินหันมามองเพื่อนรักแล้วส่ายหัวเบาๆ
“เป็นเอามากนะมึง เขินออกอาการแบบนี้ยังจะมาปากแข็งอีก”
“เขินเชี้ยไรเล่า”
เขารีบออกรถ กลบเกลื่อนเพื่อนรักที่แซวและจับผิดไม่เลิก
เสียงแจ้งเตือนในกระเป๋ากางเกงดังมาไม่หยุด เขารีบเหยียบคันเร่ง เพราะรู้ว่าคนที่ส่งข้อความมาคือใคร
มาร์ตินกอดอก หัวเราะในลำคอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
รถเลี้ยวเข้าลานจอด โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาพอดี
“ฉันถึงแล้ว...จะโทรอะไรนักหนาล่ะครับแม่คุณ”
มาร์ตินเหลือบมองเพื่อนรักอย่างแปลกใจ มันเคยพูดกับใครแบบนี้ซะที่ไหนกันล่ะ
ผู้หญิงที่ไหนเคยโทรตามมันแบบนี้ได้ มันไม่เคยรับ แถมยังใช้เสียงดุ แต่กับปิ่นมุก เหมือนมันจะอ่อนลง และพูดเย้าเธอเล่นตลอด
“โต๊ะ 11 กลางๆ นะ ฉันนั่งรออยู่”
อีธานวางสายจากเธอและแจ้งให้เพื่อนรักทราบว่าเธอนั่งอยู่ตำแหน่งไหน
“แล้วมึงจะไม่เข้าไปด้วยกันเหรอ?” มาร์ตินเอ่ยถามที่มันกดปลดล็อคแล้วได้แต่นั่งนิ่ง
“มึงไปเถอะ กูว่าเขาคงต้องการคุยกับมึงส่วนตัว”
“เออ!”
มาร์ตินเดินเข้าไป โต๊ะที่อีธานแจ้งเขามา และก็เจอกับเธอที่นั่งหันหลังด้วยเสื้อเกาะอกสีขาว โชว์แผ่นหลังที่ขาวเนียน
เขาเดินเข้าไปนั่ง ตรงข้ามกับเธอทันที
“พี่ติน”
มาร์ตินขมวดคิ้วหนา ด้วยเสียงเรียกที่ดูท่าทางเป็นกันเอง คำๆ นี้เขาให้อาริสแฟนเด็กของเขาใช้เรียกเขาเท่านั้น
“พี่ตินคือปิ่นต้องการ....” มือบางเริ่มลูบไล้ที่แขนแกร่งที่ วางอยู่บนโต๊ะฝั่งตรงข้าม จนเขาต้องชักมือกลับ และเอาขึ้นมากอดอกแทน
“เธอมีอะไรรีบว่ามา” มาร์ตินรีบตัดบท ให้เธอรีบเข้าเรื่องให้เร็วที่สุด วันนี้เขาเสียเวลามามากพอแล้ว จะไปเจอแฟนเด็กก็ไม่ได้เจอ ต้องมาเจอเธอเพราะไอ้เพื่อนเวรมันบังคับ
“ปิ่นต้องการใช้หนี้แทนพ่อ โดยที่เป็นของพี่ตินค่ะ” เธอหลับตาปี๋ พูดออกมายาวเป็นชุด
มันฝืนกับความรู้สึกของเธอมาก แต่เธอจำเป็นต้องทำเลยเอ่ยปากพูดออกไปกับเขาตรงๆ
ไม่ทันที่มาร์ตินจะเอ่ย ก็มีน้ำเสียงกวนประสาทเอ่ยขึ้น
“อะแฮ่ม...เราเจอใครกันน๊า...” ท่าทางที่กวนบาทาของคู่อริเบอร์ 1 เอ่ยขึ้น
“ไอ้บรู๊ค!”
“ไอ้พี่บรู๊ค”
“เดี๋ยวบี๋ไปหาโต๊ะนั่งก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ขอทักคนคุ้นเคยก่อน” บรู๊คพูดด้วยท่าทีที่กวนประสาท
เขาถอยหลังกลับมายังโต๊ะที่เธอกับเขานั่งกันอยู่ พรางบอกให้แฟนสาวดาวคณะคนใหม่ล่าสุดที่เขาควงมาวันนี้ไปหาโต๊ะนั่งก่อน
“ไปไกลๆ ตีน ไอ้สัส อย่าให้กูหมดความอดทน” มาร์ตินข่มอารมณ์อย่างหนัก เพราะไม่อยากทำร้ายพี่ของแฟนในตอนนี้
“กูเคยแดกแล้ว มึงอยากแดกซ้ำกูอีกหรือไงวะ?”
“ไอ้พี่บรู๊ค...พูดบ้าอะไร หวงก้างหรือไง?”
“หึ! หวงก้าง” บรู๊คระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
…
อีธานไปเข้าห้องน้ำก่อนที่จะกลับมาที่รถ เขาเหลือบไปมองเห็นรถคู่อริที่มีเรื่องชกต่อยกันเป็นประจำจอดอยู่ข้างๆ
เขารีบดีดตัวออกจากรถอย่างเร็ว และวิ่งเข้าไปดูมาร์ติน เพราะคิดว่าไอ้บรู๊คต้องปะทะกับมาร์ตินอยู่แน่ๆ
“ไอ้สัส”
อีธานวิ่งเข้าไปกำคอเสื้อของบรู๊คเอาไว้ ที่เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้มาร์ตินเกินเหตุ
“ไอ้สัส...อย่ารุม”
“มึงทำอะไรเพื่อนกู”
“กูแค่มาทักป่ะ”
อีธานลากบรู๊คออกไปให้ห่างจากโต๊ะที่เขาและเธอนั่งอยู่ ก่อนที่มาร์ตินจะหันไปพูดกับเธอ
“ฉันมีคนของฉันแล้ว และอีกอย่างฉันก็ทำร้ายเพื่อนรักของฉันไม่ได้ด้วย”
คนฟังได้แต่ งง ประโยคแรกเธอพอจะเข้าใจ แต่ประโยคหลังมันคืออะไรมันทำให้เธอสับสนยิ่งกว่าเดิม
แล้วคนที่ให้คำตอบเธอได้ ก็ลุกขึ้นกำลังจะเดินหนีเธอออกไป
“ไป...ไอ้อีธานกลับ”
อีธานปล่อยคอเสื้อของบรู๊ค และชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ ส่วนบรู๊คก็จัดทรงเสื้อตัวเอง และยิ้มร้ายออกมา มองหน้าหญิงสาวที่ทำสายตาโกรธแค้นเขา ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปด้วยท่าทีสบายใจ
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” อีธานหันมาถาม
“ไม่”
“ไอ้อีธาน” เสียงมาร์ตินเร่งเขามาอีกครั้ง
อีธานถอยรถด้วยความอ้อยอิ่ง พลางเหลือบมองหญิงสาวจากกระจกหลัง
“อีกนานไหม?”
“หะ..ห๊ะ! อะไรนะมึง” อีธานตอบรับอย่างลนลาน เพราะมัวแต่ใจลอยมองหาเธอ
“มึงจะอ้อยอิ่งอีกนานไหม?...หรือมึงจะไปส่งเขาเดี๋ยวกูขับกลับเอง ไอ้เวร เสียเวลาชิป”
“เออ! กูก็ถอยอยู่นี่ไง” ไม่นานเธอก็เดินออกมาจากร้านทำให้เขานึกโล่งใจ กลัวคนชั่วๆ อย่างไอ้บรู๊คจะมาทำร้ายเธอ
“ตกลงเธอว่ายังไงบ้างวะ?”
“มึงก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะพูดอะไรกับกู”
“เออ...กูรู้”
“รู้แล้วยังเสือกให้กูมา...เสียเวลากูไปหาเมียกูฉิบหาย...ไอ้เวร”
“เรื่องหนี้กู....”
“มึงไม่ต้อง...”
อีธานคิดจะใช้หนี้แทนเธออย่างที่มาร์ตินคิดเอาไว้จริงๆ เขารู้ดีเลยเบรคเพื่อนรักเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเขาต้องการเงิน 10 ล้าน
เรื่องเงินนั่นมันน้อยนิดสำหรับเขามาก แต่ถ้าปล่อยผ่านมันก็จะทำให้เสียระบบ
และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่อีธานเพื่อนของเขา กับปิ่นมุกจะต้องมาใช้หนี้แทนเสี่ยปืน
มาร์ตินรีบเบรกความคิดของเพื่อนรักทันที
“แล้วไอ้บรู๊คมันเข้ามาทำไม?”
“มันแค่มาแซว”
มาร์ตินเลือกที่จะตอบเพื่อนรักไปแบบนั้น เพราะยังไม่อยากให้เพื่อนรักรับรู้ว่าปิ่นมุกเคยได้กับมัน ตามที่มันมาเย้ยเขาเมื่อกี้
เขาไม่อยากให้เพื่อนรักเสียความรู้สึกในตอนนี้ คนรักแรงหึงแรงอย่างอีธานอาจจะเข้าไปต๋อยหน้าพี่ชายของแฟนเด็กของเขาให้พังตอนนี้ได้ เขาขอเก็บมันไว้ก่อนและค่อยบอกมันวันหลังจะดีกว่า