ตอนที่5 ไร้เยื่อใย

2032 คำ
2 อาทิตย์ต่อมา หลังจากที่งานแต่งได้ถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูหราระดับห้าดาว ทั้งแขกที่มาร่วมงานและทุกๆ คนต่างมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแสดงความยินดี แต่คงจะมีเพียงชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่เอาแต่ทำสีหน้าบูดบึ้งตึง เคร่งเครียดเย็นชาตลอดทั้งงาน แม้แต่ในขั้นตอนพิธีสวมแหวนแต่งงานเขาก็ไม่เต็มใจที่จะสวมให้กับหญิงสาวอย่างวนิดาเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวที่เห็นท่าทีเยือกเย็นจนคล้ายกับไร้เยื่อใยที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของชายหนุ่มแล้ว ทำให้ความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าผุดขึ้นมาเสียความรู้สึกราวกับว่าหัวใจดวงน้อยกำลังถูกเข็มทิ่มแทง แต่เธอก็ทำได้เพียงแอบใช้หลังมือปาดน้ำตาด้วยความเจ็บปวดน้อยใจอดทนเพื่อลูกในท้องเท่านั้น... บ้านหลังหนึ่ง ห้องรับแขก “หนูวนิดาชอบไหมจ๊ะ” คุณหญิงได้เอ่ยถามหญิงสาวในฐานะแม่สามีมีใบหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่มีท่าทีที่จะรังเกียจเธอเลยแม้แต่น้อย “ชอบค่ะคุณแม่” “บ้านหลังนี้แม่สร้างขึ้นเพื่อจะมอบให้กับวายุกับหนูเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานนะ” “ขอบคุณนะคะคุณแม่” ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้ม หญิงสาวได้แต่กวาดสายตามองไปยังบริเวณภายในของบ้านซึ่งถูกตกแต่งได้อย่างสวยหรูดูแพงตามฐานะอย่างตื้นตันใจ จนแทบจะสรรหาคำไหนมาบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้เลยว่าตัวเธอโชคดีมากแค่ไหนที่มีวาสนาได้แม่สามีที่ใจดีกับเธอได้ถึงขนาดนี้ “ส่วนเรื่องของใช้อะไรที่ขาดเหลือหรืออยากได้อะไรเพิ่มหนูบอกแม่ได้เลยนะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วหนูไม่ต้องเกรงใจนะลูก” “แค่นี้ก็เยอะมากแล้วค่ะคุณแม่” “เยอะตรงไหนกันแค่นี้ยังเล็กน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ลูกสะใภ้แม่จะน้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง แม่ไม่ยอมหรอกนะ” คุณหญิงแม่สามีพูดอย่างเอาใจลูกสะใภ้แสนดีอย่างวนิดา ทำให้เธอแอบอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าหากสามีจะแสนดีเอาใจใส่เธอแบบนี้สักนิดมันคงจะดีไม่น้อย “แม่ว่าเราไปซื้อของตกแต่งมาเพิ่มดีไหม ตรงนี้เหมือนว่ามันจะดูโล่ง ๆ ไป หนูวนิดาว่าไง” “ดาแล้วแต่คุณแม่เลยค่ะ” “อย่างนั้นก็เอาตามที่แม่ว่าก็แล้วกัน ส่วนเรื่องแม่บ้าน…” “มะ...ไม่ต้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวงานบ้านหนูทำเองดีกว่า” ยังไม่ทันให้คุณหญิงพูดจบประโยคหญิงสาวรีบยกมือเรียวขึ้นโบกมือส่ายไปมาด้วยความเกรงใจทันที “ได้ยังไงกัน หนูกำลังท้องกำลังไส้อยู่นะ ไม่รู้ล่ะแม่ไม่ยอมให้หนูต้องทำงานหนัก ๆ หรอกนะลูก” คุณหญิงรีบเอ่ยปากค้านอย่างหนักทำให้ชายหนุ่มอย่างจิรายุที่นั่งฟังเงียบอยู่ใกล้ๆ ถึงกับกลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้กับความเอาใจใส่ลูกสะใภ้ที่เกินหน้าเกินตา เขาไม่คิดเลยว่าผู้เป็นแม่จะหลงผู้หญิงคนนั้นที่เขาไม่ชอบใจอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้ถึงขนาดนี้ ครืด ครืด ในระหว่างการสนทนาจู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของชายหนุ่มได้ส่งเสียงดังขึ้น ทำให้เขาต้องรีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู (สายเรียกเข้า 'ทีน่า') เมื่อบนหน้าจอโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่าเป็นใครโทรเข้ามา ชายหนุ่มแยกยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยอย่างมีเลศนัยก่อนที่จะไม่รอช้ารีบกดรับสายโดยทันที “ฮัลโหลครับทีน่า” ชายหนุ่มพูดกับปลายสายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานปานจะหยดต่อหน้าต่อตาผู้เป็นแม่และวนิดาที่เพิ่งจะแต่งเข้ามาเป็นภรรยาของเขาถูกต้องตามกฎหมายอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจเลยว่าเธอจะรู้สึกยังไง (พี่วายุขา ทีน่าคิดถึงพี่วายุจังเลยค่ะ) เสียงออดอ้อนของเด็กใสสต๊อกทำเอาชายหนุ่มใจอ่อนยวบยาบราวกับขี้ผึ้งถูกไฟลน “พี่ก็คิดถึงน้องทีน่าครับ” (ทีน่าคิดถึงพี่วายุมาก ๆ เลยค่ะ แล้วก็ทีน่าอยากไปช็อปปิ้งด้วย พี่วายุพาทีน่าไปได้มั้ยคะ นะ นะ น่าพี่วายุขา) “ได้สิครับ รอพี่แป๊บนะเดี๋ยวพี่จะรีบไปหา” น้ำเสียงของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เสน่หายิ้มแย้มออกหน้าออกตาดูมีความสุขมากกว่าครั้งไหนๆ แต่ท่าทีแบบนั้นของชายหนุ่มกำลังทำให้ริมฝีปากบางเรียวของหญิงสาวต้องเม้มแน่นขึ้น มือเรียวทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น ดวงตาดำสนิทตราตรึงอยู่บนใบหน้าของหล่อเขาซึ่งเป็นสามีของเธอนิ่ง เต็มด้วยความเจ็บปวดหัวใจ หยาดน้ำอุ่นๆ เอ่อขึ้นในตาจนวิสัยทัศน์พร่ามัวแต่ต้องฝืนกลั้นอดทนต่อความรู้สึกเอาไว้ภายในใจอย่างสุดกำลัง (รีบๆ มานะคะ ทีน่ามีของขวัญรอพี่วายุด้วยน๊า) น้ำเสียงออดอ้อนดั่งลูกแมวน้อยมีหรือเสือร้ายจะอดใจไหว ชายหนุ่มได้ลุกขึ้นพรวดออกจากโซฟาแล้วรีบเดินดุ่มๆ ออกมาจากตรงนั้นทันที โดยไม่คิดจะนึกถึงความรู้สึกของภรรยาอย่างวนิดาในตอนนี้เลยสักนิด “เจ้าวายุนั่นแกจะไปไหนกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! เจ้าลูกไม่รักดีคนนี้ มันน่าเขกหัวกระบาลเสียจริงๆ” "..." ผู้เป็นแม่กัดฟันกรอดเมื่อเห็นแล้วว่าไม่สามารถที่จะหยุดเจ้าลูกชายตัวดีของตนได้อีกต่อไป ก่อนที่เสียงสตาร์ตรถดังขึ้นแล้วถูกขับออกไปด้วยความเร็ว ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะเริ่มอบอวลไปด้วยความหม่นหมองภายในบ้านหลังใหม่ “หนูวนิดาลูก...” ฝ่ามือเล็กแตะลงบนท่อนแขนเรียวของลูกสะใภ้อย่างเศร้าสร้อยทั้งเห็นใจ ในตอนนี้หญิงสาวรู้สึกขมขื่นทั้งเสียใจไม่น้อยเมื่อสามีอย่างเขาไม่คิดจะหันมาสนใจเหลียวแลแม้ว่าเธอจะกำลังทั้งครรภ์ลูกน้อยของเขาก็ตาม.... “แม่ต้องขอโทษหนูแทนลูกชายที่ไม่เอาไหนของแม่ด้วยนะลูก” “ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษหนูเลย” หญิงสาวพยายามบังคับน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากก็ตาม เธอพยายามไม่คิดมากเพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อย แต่ทุกอย่างมันกลับตรงกันข้าม ยิ่งเขาละเลยต่อเธอมากเท่าไหร่หัวใจดวงน้อยของเธอยิ่งบอบช้ำมากเท่านั้น คนสองคนแต่งงานโดยที่ไม่ได้รักกัน ทุกอย่างมันเกิดจากความผิดพลาด...ก็คงไม่แปลกที่คนอย่างเธอจะไม่ได้รับความรักจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี… “อดทนสักนิดนะลูก ยังไงแม่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งวายุลูกชายตัวดีของแม่คงจะตาสว่างได้เห็นความรัก ความหวังดีในตัวของหนูอย่างแน่นอน” “...” “สักวันหนึ่งลูกชายของแม่จะต้องเปิดใจรับหนู อย่างที่แม่กำลังทำอยู่ในตอนนี้” “ค่ะคุณแม่” หญิงสาวพยักหน้าตอบรับอย่างเค้นยิ้มขมๆ ก่อนที่คุณหญิงจะต้องขอตัวกลับเพราะดันมีธุระสำคัญเข้ามา แต่ก็ไม่วายที่ท่านได้กำชับห้ามให้เธอยกกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระใบใหญ่ขึ้นไปบนชั้นสองโดยเด็ดขาด 'กระเป๋าพวกนี้หนูห้ามยกขึ้นไปข้างบนด้วยตัวเองนะ ไว้วายุกลับมาก่อนเข้าใจที่แม่สั่งใช่ไหม' 'เข้าใจค่ะคุณแม่' เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หญิงสาวได้รอให้ชายหนุ่มสามีของเธอกลับมาอย่างใจจดใจจ่อในความเงียบ เธอได้แต่นั่งชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่เขาจะขับรถกลับมา แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มันก็ยังไร้วี่แวว “เฮ้อ” สุดท้ายแล้วหญิงสาวก็ได้แต่นั่งถอนหายใจในเวลาบ่ายคล้อย ก่อนที่เธอจะหันไปมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ซึ่งถูกวางเอาไว้อยู่กลางบ้าน พลางครุ่นคิดว่าเห็นทีเธอคงต้องจัดการลากมันขึ้นไปยังห้องนอนด้วยตัวเองแล้วจริงๆ “ฮึบ” พละกำลังแขนอันน้อยนิดกำลังฉุดกระชากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ สองฝ่าเท้าเล็กพยายามก้าวขาเดินขึ้นบันไดด้วยความทุลักทุเล กว่าเธอจะลากกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมาถึงห้องนอนได้ก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร เพราะถ้าหากเธอไม่ระวังมันอาจจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในท้องก็เป็นได้ “แม่จะอดทนเพื่อหนูนะลูก” เสียงหวานของหญิงสาวดังขึ้นพลางเธอได้ก้มต่ำลงมองหน้าท้องซึ่งเริ่มนูนเด่นตามอายุครรภ์ที่เพิ่มมากขึ้นของตัวเองด้วยใจรักและเปี่ยมไปด้วยความสุข “เอาใจช่วยแม่ด้วยนะลูก แม่จะอดทนเพื่อหนูคนดี” ตึก ตึก ตึก “มีอะไรกินบ้างนะ” หลังจากการเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จหญิงสาวก็รีบลงมายังด้านล่าง มุ่งหน้าเดินไปยังห้องครัวเพราะนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาเตรียมอาหารมือเย็น และเมื่อเปิดตู้เย็นออกมาก็เห็นว่าภายในนั้นได้อัดแน่นเต็มไปด้วยของสดสำหรับไว้ทำอาหารมากมาย เธอกวาดสายตามองครู่หนึ่งก่อนที่จะจัดการหยิบวัตถุดิบที่จะทำอาหารออกมาทีละอย่าง “ทำอาหารง่าย ๆ ก็แล้วกัน” พูดเสร็จหญิงสาวก็ไม่รอช้าที่จะรีบลงมือทำอาหารโดยทันที เธอรู้สึกมีความสุขขึ้นมาบ้างเมื่อได้จัดเตรียมอาหารพวกนี้ในฐานะภรรยาที่ดี ปรนนิบัติสามีอย่างที่ภรรยาอย่างเธอควรจะทำ ครึ่งชั่วโมงต่อมา “หวังว่าคุณจะชอบฝีมือการทำอาหารของดานะคะ วายุ” ริมฝีปากอวบอิ่มฉ่ำน้ำคลี่ยิ้มหวาน เมื่อเธอมองผลงานในการทำอาหารซึ่งถูกวางอยู่บนโต๊ะ เหลือเพียงแค่รอเวลาที่ชายหนุ่มจะกลับมาทานข้าวเย็นพร้อมกัน แต่ทว่า... หลังจากที่หญิงสาวได้จัดเตรียมโต๊ะอาหารเสร็จแล้ว เวลาผ่านไปเกือบจะสามชั่วโมงจนท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าชายหนุ่มจะกลับมาเลยแม้แต่น้อย เธอก็ทำได้แค่นั่งเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าเขาจะรีบกลับมาหา แต่แล้วคนอย่างเธอก็ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกเช่นเคย… 'เขาจะมาสนใจผู้หญิงหน้าไม่อายอย่างเธอทำไมกัน' แต่ถึงอย่างไรหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาแล้ว มันคงไม่เป็นอะไรหรอกใช่มั้ย ถ้าหากเธออยากจะโทรศัพท์ไปถามว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่... หญิงสาวได้นั่งชั่งใจอยู่นานพลางดวงตาหวานจับจ้องอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงเบอร์โทรของชายหนุ่มอย่างลังเล จนในที่สุดความเป็นห่วงก็สามารถเอาชนะความลังเลภายในใจได้ เธอจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และผ่อนออกมาเบาๆ ก่อนจะกดต่อสายโทรหาเขาทันที (ฮัลโหล) เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความเย็นชาดังมาจากปลายสาย พร้อมกับมีเสียงพูดคุยของหญิงชายหลายคนดังแทรกผ่านเข้ามาในสายได้ยินอย่างชัดเจน “คะ...คุณคะ คุณจะกลับบ้านเมื่อไหร่เหรอคะ” (โทรมาทำไม ฉันจะกลับตอนไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่งน่ารำคาญ) น้ำเสียงดุดันของชายหนุ่มตวาดใส่หญิงสาวทันทีก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นยืนเดินออกมาจากโต๊ะ เพื่อหามุมเงียบสงบคุยกับเธอในสาย (มีอะไร) “คะ คือว่า ฉันทำกับข้าวรอคุณกลับมาทานพร้อมกันค่ะ...แล้วคุณจะกลับบ้านตอนไหนคะฉันจะได้รอ” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มคงกำลังโกรธที่เธอโทรไปรบกวน (ไม่กิน! แล้วก็ไม่ต้องรอด้วย อย่ามาวุ่นวายกับฉันน่ารำคาญจริงๆ) ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ทันทีที่ชายหนุ่มตะคอกเสียงใส่หญิงสาวจบ เขาก็ได้ตัดสายโทรศัพท์ของเธอทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม