จุดกลับใจ
5
PUIFAI - โลกทั้งใบเป็น ‘เอิง’
เรามีอะไรกันนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งกว่าคนเป็นแฟนกัน และบางวันก็อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อที่จะมีเซ็กซ์ เอิงติดมันแล้วฉันรู้ดี และฉันก็ชอบมากที่เขาติดและมาระบายกับฉันคนเดียว
ยกมือพนมกับเจ้าแม่คันกีทุกวันขอให้ความง่ายและความยั่วของฉันมัดใจเขาได้
จนกระทั่งฉันเริ่มรู้สึกว่ามันกำลังดีขึ้น มีความหวังมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเอิงพาฉันไปเจอครอบครัว
“ครับ ไปตอนนี้เลยก็ได้”
“ครับ พี่ไอซ์ด้วยเหรอครับ”
“ครับพ่อ”
ฉันรู้มาว่าพ่อเอิงดุมากถึงมากที่สุดเลยนั่งรูดซิปปากเงียบๆ จนเอิงวางสายและดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหันมามองหน้าฉันที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับด้วยสีหน้าชั่งใจ
“บ้านฉันมากรุงเทพ”
“อื้อ”
“เดี๋ยวไปกินข้าวกับที่บ้านฉันก่อน”
เขาพูดจบก็ออกรถเลย ฉันนั่งตาโตทั้งตกใจและตื่นเต้น เขาจะพาฉันไปด้วยหรือไปส่งฉันก่อน?
“เอิงจะไปส่งเราก่อนใช่ไหม”
“ไปด้วยกัน คอนโดเธอไกลและคนละทาง”
ฉันชะงัก หันหน้ากลับไปมองตรงอีกครั้ง เชี่ย... ถึงฉันจะชอบเอิงแค่ไหน แต่ฉันประหม่ามากนะถ้าต้องเจอกับที่บ้านเขา พ่อเขาดุมาก ใครๆก็กลัว ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมาจะทำยังไง
มัดใจลูกชายว่ายากแล้ว ต้องมามัดใจพ่ออีก
ฉันยังไม่พร้อมอ่ะ วันนี้กระโปรงสั้นด้วย
“เอิงส่งเราตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวขึ้นแท็กซี่กลับ”
“อันตราย”
“...”
“ไปด้วยกันนี่แหละ ไม่ต้องคิดมาก”
แล้วเขาก็ขับรถไปร้านอาหารที่นัดกับครอบครัวไว้ มาถึงฉันพยายามดึงกระโปรงลงให้เลยเข่า เช็ดลิปสติกไม่ให้แดงเกินไป เอิงหันมามองบ้างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนที่เราสองคนจะลงจากรถเดินเข้าไปในร้านด้วยกัน
ร้านอาหารจีนขึ้นชื่อ ณ ตอนนี้พ่อเอิงก็ยังเป็น สส.อยู่ มีผู้ติดตามบ้าง เห็นว่าที่มากรุงเทพมาประชุมสภาอะไรสักอย่าง เราสองคนเดินผ่านผู้ติดตามพ่อเอิงไปที่ห้องส่วนตัวด้านใน พอเข้ามาก็เจอกับครอบครัวของเขาอยู่กันครบ แม่ พ่อ และพี่ไอซ์
ทว่าทุกคนมองฉันเป็นตาเดียว ฉันจึงรีบยกมือไหว้
กรี๊ดดดดดด เหมือนเอิงพาแฟนมาเปิดตัวเลย!
“พ่อครับแม่ครับนี่ปุยฝ้ายเพื่อนผมเอง ติดรถมาด้วยเลยต้องพามา”
แป่ว
ช่างเถอะ ก็เพื่อนนี่นา ที่เขาบอกก็จริงทุกอย่าง ถึงจะหงอยอยู่บ้างแต่ฉันก็รีบปั้นยิ้มให้ครอบครัวของเขา
“หนูปุยฝ้ายลูกผู้กำกับป้องรึเปล่า?”
“ใช่ค่ะ” พ่อเอิงพยักหน้าเบาๆ
“มานั่งกันก่อนสิ เอิงช้าไปห้านาที ครั้งหน้าอย่าให้มีอีก”
“ครับ”
พี่ไอซ์มองหน้าฉันยิ้มๆ เพราะเอิงโดนดุต่อหน้าฉันเลย พ่อเอิงท่านชื่อสส.อิน เมื่อเห็นว่าฉันมาด้วย แม่ของเอิงก็ย้ายไปนั่งข้างพี่ไอซ์ให้เอิงนั่งฝั่งขวาของพ่อเขาแทน และฉันก็นั่งตรงข้ามกับแม่ของเอิง
บ้านนี้จัดที่นั่งแปลกเหมือนกันแหะ แม่นั่งห่างพ่อ ให้ลูกชายทั้งสองขนาบข้าง
“หนูปุยฝ้ายก็เรียนมหาลัยเดียวกันกับเอิงเหรอลูก?” แม่เอิงถามฉันด้วยรอยยิ้ม ท่านดูใจดีมาก
“ค่ะ หนูเรียนอักษรค่ะ”
“มีเพื่อนที่โรงเรียนมาเรียนที่ม.เดียวกันเยอะเลยสินะ” พ่อเขาถามขึ้นมาบ้าง
“ครับพ่อ เอวาก็มาด้วยครับ”
เอวา...
เหอะ เหมือนโดนเข็มจิ้มอกเลย ริมฝีปากฉันค่อยๆหุบยิ้มลง แต่พอเห็นว่าแม่เอิงมองมาก็รีบยิ้มตอบอย่างฝืนๆ
“มึงไม่พาน้องเอวามาด้วยล่ะ พาปุยฝ้ายมากูคิดว่ามึงชอบปุยฝ้ายนะเนี่ย” พี่ไอซ์แซว ตอนนี้พี่ไอซ์เรียนจบแล้วดูโตและมีภูมิฐานขึ้นมาก เห็นว่าจะเล่นการเมืองด้วยนะเลยเลิกเป็นอันธพาล
ซึ่งคำพูดพี่ไอซ์ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอะไรมาก แต่คำตอบเอิงนี่สิ... กูเจ็บค่ะ
“ได้คบเมื่อไหร่พามาอยู่แล้ว”
“แน่ใจเหรอว่าจะได้คบ”
“ต้องมีสักวันน่า”
ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อยกลัวตัวเองแสดงออกผ่านสีหน้ามากเกินไป พอปรับอารมณ์ได้ก็เงยขึ้นมาใหม่และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บนโต๊ะมีอาหารจีนเต็มโต๊ะ ฉันนั่งเกร็งๆและกินน้อยมาก เพราะฉันเป็นเพื่อนเอิงไง ไม่ได้เป็นแฟน เขาเลยไม่ได้เทคแคร์ฉันเท่าที่ควร
มีแต่พี่ไอซ์กับแม่เขานั่นแหละที่คอยคีบติ่มซำให้
หลังจากกินข้าวเสร็จเอิงกับฉันก็ขอตัวกลับ กว่าจะจากกันได้ยืนฟังพ่อเอิงให้พรตั้งนาน ตั้งใจเรียน อย่าเกเร อย่าติดเที่ยว อย่าสูบบุหรี่ อย่ายุ่งกับยาเสพติด คว้าเกียรตินิยมมาให้ได้ มีอะไรกับใครให้ใส่ถุงยาง เงินหมดก็บอก
พี่ไอซ์หัวเราะออกมาทันทีแล้วตบไหล่น้อง จากนั้นกอดคอเดินตามหลังพ่อแม่ของเขาออกมาจากห้องโดยมีฉันเดินอยู่อีกฝั่ง
“มึงฟังไว้ๆ กูเคยโดนเทศน์มาหมดแล้ว”
“เฮียทำตามเปล่าล่ะ”
“เรื่องอะไรวะ ช่วงมหาลัยคือช่วงใช้ชีวิต กินหญิง เที่ยวผับ สูบบุหรี่” แล้วพี่ไอซ์ก็หันมายิ้มให้ฉันจนตาหยี
“น้องปุยสวยขึ้นทุกครั้งที่เจอกันเลยนะครับ” พี่ไอซ์ชอบเรียกฉันว่าปุยเป็นเชิงหยอกล้อ
“ขอบคุณค่ะพี่ไอซ์”
“มีแฟนยังเรา” ถามข้ามหัวเอิงมาเลย และเอิงก็ไม่ว่าอะไรด้วย เขาทำหน้าปกติมากๆ
“ยังค่ะ หาๆอยู่”
“สวยๆแบบนี้หาได้สบายอยู่แล้ว”
ฉันก้มหัวเล็กน้อยด้วยความเขิน เดินไปคุยไปรู้ตัวอีกทีก็มาถึงรถเอิงแล้ว ฉันกับเอิงยกมือไหว้ครอบครัวเขาอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นรถและขับออกมาด้วยกัน
ปลายทางไม่ใช่ที่ไหนคือคอนโดฉันเอง นอกจากจะไปส่งฉัน เอิงก็แวะเซเว่นซื้อถุงยางอนามัยด้วย
และใช่ค่ะ... มาถึงคอนโดฉันก็โดนเย็ตเหมือนหมูเหมือนหมา ไม่รู้ว่าไปมีอารมณ์จากไหนมา ก่อนไปกินข้าวกับครอบครัวก็เพิ่งมีอะไรกันที่คอนโดเขา มาถึงนี่ก็ทำอีก ไม่รู้ตายอดตายอยากมาจากไหน
“เอิง! มันจุกอ่ะ! อะ อ๊า! อะ เอิงงงง”
ฉันโดนกดหัวจนหน้าแนบกระจก เขาจับแขนไขว้หลังกระแทกสุดแรง เรามีอะไรกันหลายครั้งแล้วความอึดความเก่งของเอิงมากขึ้นตามลำดับ
แต่เสียงร้องของฉันไม่ได้ทำให้เขาเบาแรงลง เขาดึงแขนอีกข้างรั้งไปข้างหลังจนฉันยืนตัวแอ่นโค้ง จากนั้นกระแทกกระหน่ำแรงๆ จนเสียงแก้มก้นกระทบหน้าขาดังพั่บๆ!
“อะ อ๊าาาาา”
ไม่รู้กี่ครั้งที่เอิงระบายอารมณ์เข้ามา แต่ฉันก็สู้จนยิบตาถึงแม้จะรู้สึกน้อยใจ ปล่อยให้เขาลงแรงเสร็จก็หันกลับไปเผชิญหน้าใช้หลังพิงกระจก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเกี่ยวเอวเอิงและจับใส่ด้วยตัวเอง
คนตัวโตรีบกดกระแทกอย่างสะใจ เขาอัดเข้ามาจนแผ่นหลังฉันติดกับกระจก และฉันก็รีบยกขาอีกข้างกระโดดควบเอวเอิงทันทีเพื่อเปลี่ยนท่าใหม่
“อุ้มแตงเลยเอิง”
“ได้ดิ”
“จูบเราด้วย”
“อื้ม”
เขาจูบฉันและช้อนยกบั้นท้ายขึ้นลงระหว่างไปห้องนอน ได้จูบกัน แนบชิดกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความน้อยใจต่างๆมันก็หายไปอีกแล้ว
ฉันกลับมาเป็นคนโง่ที่มีความสุขอีกครั้ง พอถึงห้องนอนถูกวางลงก็ผลักเขาลงบนเตียงขึ้นคร่อมและขย่มอย่างเร่าร้อน
เอิงตอบสนองฉันเหมือนคนรักกัน เขาเล่นกับร่างกายฉันทุกส่วนระหว่างที่ฉันขับเคลื่อนเราไปถึงสวรรค์
บีบหน้าอกฉัน ใช้ปากร้อนๆดูดยอดถัน มีจังหวะก็จูบฉันอย่างดูดดื่ม และที่สำคัญหลังจากที่เสร็จกันทั้งคู่ เขาก็ถอนกายออกไปแล้วฝังหน้าตัวเองกลางหว่างขาดื่มด่ำกับน้ำหวานของฉัน
“ซี้ดดดด อะ เอิง~”
สุขอยู่แล้วสุขไปอีก ฉันยกเอวหาเอิงไหล่ห่อตัวสั่น เขาช้อนตามองฉันที่สะบั้นกับความเสียวซ่าน ก่อนจะย้ายขึ้นมาจูบปิดปากและมองหน้ากัน
“ที่ไปกินข้าวมา ฉันใช้พลังงานไปหมดแล้ว”
ฉันมองหน้าเอิงแล้วหัวเราะเบาๆ
“ฮะๆ หิวเหรอ เราต้มมาม่าให้กินเอามะ”
“เธอหิวรึเปล่า หรือเอากันต่ออีกสักรอบแล้วออกไปกินข้าวต้มกัน” ฉันส่ายหน้า
“ต้มมาม่ากินที่นี่แหละ”
จะได้อยู่ด้วยกันนานๆไง...
พอเอิงพยักหน้าตกลงเขาก็ลุกขึ้นไปถอดถุงยางอนามัยและจัดการตัวเอง ส่วนฉันไปคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำที่พาดไว้มาใส่และเดินออกไปที่เคาน์เตอร์ครัวด้านนอก
หยิบมาม่ามาแมตช์กันสองซอง คือรสต้มโคล้งและรสต้มยำน้ำข้น
ฉันทำอาหารไม่เป็นหรอก แต่เมนูนี้ทำกินบ่อยสุดเลยมีสูตรของตัวเอง ฉันตอกไข่สองฟองใส่ถ้วยแล้วตี ใส่น้ำไม่ต้องเยอะมาก และจากนั้นก็เทไข่ที่ตีแล้วลงไปตอนที่น้ำมันยังไม่ร้อนนั่นแหละ ยืนคนเรื่อยๆจนน้ำเริ่มข้นขึ้นถึงแกะผงปรุงใส่
แล้วเอิงก็ออกมาจากห้องนอนมายืนข้างๆฉัน มองสิ่งที่อยู่ในหม้อ
“มันน่ากินจริงๆหรือเพราะฉันหิว” ฉันหันไปยิ้มให้เขา
“มันน่ากิน เอิงลองชิมสูตรนี้รับรองติดใจ”
“มาฉันช่วย”
“โอเค”
ฉันส่งซองมาม่าให้เขาช่วยแกะ และใส่ผงปรุงให้หมด เมื่อได้ที่ก็ใส่เส้นลงไปรอเส้นนุ่มนิดหน่อยก็ปิดไฟยกลงจากเตา
ซึ่งเอิงเป็นคนยก ส่วนฉันไปเตรียมจานกับช้อนตะเกียบไปวางรอที่โต๊ะกินข้าว มาม่าของเรายกมาทั้งหม้อเลย จากนั้นก็นั่งหันหน้าเข้าหากันสลับกันคีบเส้นออกมาซู้ด
“อร่อยไหมๆ” ฉันถามเขาอย่างตื่นเต้นเมื่อเอิงกินเข้าไป
“อร่อย น้ำไข่ข้นๆแบบนี้ฉันชอบ”
งื้อ เขาชอบด้วยอ่ะ! ดีใจจัง
ฉันยิ้มกว้างมองเอิงตักน้ำขึ้นมาซดโชว์ น่ารักโคตร ไม่เหมือนแฟนกันตรงไหนเอาปากกามาวงดิ๊ โมเมนต์นี้ดีต่อใจฉันจริงๆ
กูโง่ต่อไปก็ด๊ะ!