น้ำใสไหลออกจากดวงตาสองข้างแก้ม นางไม่เคยรู้สึกอัปยศเท่านี้มาก่อน ชีวิตหลังแต่งงานที่สตรีหลายคนวาดฝันและริษยานาง เพื่อตำแหน่งพระชายาที่หลายคนหมายปอง กลับเป็นเพียงสตรีตัวแทนเท่านั้น
“เจ้าหยุดทำร้ายจิตใจข้าเสียที!” เสียงตวาดลั่นดวงตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา ยามนี้นางอ่อนแอเสียจริง ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งหวั่นไหวง่ายเหลือเกิน
“เจ้าจะโวยวายทำไม ทุกวันก็ต้องทำหน้าที่นี้อยู่หรือไม่ใช่ วันนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นมา” เว่ยซือหลางที่ไม่คิดถึงจิตใจของคนท้อง เอาแต่ทำร้ายทำลายนางด้วยการให้นางบำเรอความสุข
เมื่อความน้อยเนื้อต่ำใจสั่งสมมาเนิ่นนาน ความกังวลใจของคนท้องก็ระเบิดออกมาราวกับระเบิดดินปืน นางรู้สึกปวดหนึบที่ท้อง ทั้งอาการท้องแข็งก็เกิดขึ้น
“อ๊ะ...ข้า...ข้าเจ็บ” ใบหน้าที่ชุ่มด้วยน้ำตาแปรเปลี่ยนเป็นเหยเกด้วยความเจ็บปวด จนเว่ยซือหลางหรี่ตามองนางอย่างชั่งใจ
“เจ้าอย่ามาลูกไม้”
“อื้อ...ข้า...ข้าเจ็บท้อง”
“ยังมิถึงช่วงคลอดเหตุใดถึงเจ็บ”
นางส่ายหน้าเหงื่อชุมจนเว่ยซือหลางเริ่มกังวลใจ เขาจับนางใส่เสื้อแล้วรีบออกมาด้านนอก
“ตามหมอมา”
เหล่าคนสนิทและสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกรนรานทันทีเมื่อได้ยินเสียงทรงพลังอำนาจสั่งการ
ในตำหนักเป่ยจิ้งอ๋องไม่เคยวุ่นวายมานานแล้วบัดนี้ไม่ต่างจากคราวก่อนที่พระชายาโดนเฆี่ยนนัก
ท่านหมอหลวงตรวจอาการ ก็พบว่าเป็นภาวะที่พบได้จากสตรีที่ตั้งครรภ์ที่จะมีอาการเกร็งและเป็นตะคริวที่หน้าท้อง
“ทูลท่านอ๋อง ตอนนี้ได้ให้หมอหญิงเข้าไปตรวจและคอยดูแลพระชายาแล้วมิต้องเป็นห่วง ระหว่างนี้ระวังอย่าให้พระชายากังวลเรื่องใด เพราะจะมีผลกับท่านอ๋องน้อยในครรภ์ได้”
เขาถอนหายใจออกแล้วก็โบกมือให้ท่านหมอจากไป ส่วนตัวเองเข้ามายืนมองนางแล้วก็กลับตำหนักของตน หลังจากนางปวดครั้งนั้น เขาก็ไม่สนใจจะเสด็จที่ตำหนักของนางอีกเลย
ซุนกงกงที่สงบเสงี่ยมมานานผงาดขึ้นอีกครั้ง หาทางกลั่นแกล้งเนื่องจากท่านอ๋องคงจะเบื่อพระชายาแล้วกระมั่ง
“นั่นพวกเจ้าเอาอาหารไปที่ใด”
“ตำหนักพระชายาเจ้าค่ะ”
“เอามานี่” ซุนกงกงจัดการสับเปลี่ยนเอาข้าวแกงที่ใกล้เสียแล้วและส่งให้เหล่านางกำนัลไป
เหล่านางกำนัลมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะเกรงว่าตนจะทำให้พระชายาเป็นอะไรไป ถึงเวลานั้นหัวคงหลุดจากบ่า จากที่เคยนำอาหารเข้ามาถวายด้านในตำหนักต่างยืนเหงื่อตกกันอยู่ด้านหน้าไม่กล้าก้าวเข้าไปด้านใน
“นี่พวกเจ้ายืนทำอะไรกันอยู่ จะเอาเข้ามาก็เข้ามาสิ” ซูเจียวที่ยืนมองสองนางกำนัลที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่ยอมเข้ามาสักที ยิ่งเห็นใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดของพวกนางอีก ยิ่งทำให้สงสัยใคร่อยากรู้นัก
“เอ่อ...คือ”
“คืออะไรเข้ามา” ซูเจียวไม่ปล่อยให้พวกนางยืนอยู่ด้านหน้านาน เพราะพระชายาก็หิวเช่นเดียวกัน ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้น ยิ่งทานได้เยอะ
สองนางกำนัลวางถาดอาหารแล้วก็คุกเข่า
“พระชายาหม่อมฉันสมควรตาย” ทั้งคู่พูดพร้อมกันแล้วหมอบกราบติดพื้น
“มีอันใดเล่ามา” เซี่ยหมิงหลันคิดว่านางกำนัลสองคนนี้ต้องมีบางสิ่งที่ไม่กล้าเอ่ยออกมา นางมองอาหารก็พอจะเดาออก
“อาหารใช่หรือไม่” ในเมื่อพวกนางไม่อยากพูดมาก เช่นนั้นนางก็จะไม่ซัก
“เยี่ยนฟางเจ้าเรียนท่านเส้าเฉียน บอกว่าข้าเชิญท่านอ๋องมารับประทานอาหาร ให้ทูลเพียงข้ามิเห็นหน้าท่านอ๋อง ก็กินไม่ได้ คนึงถึงแต่ท่านอ๋อง”
เยี่ยนฟางไม่รู้ว่าพระชายาจะทำอันใด แต่ตนก็ไปรายงานไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แล้วรีบกลับตำหนักมารับใช้พระชายา
เส้าเฉียนได้ฟังดังนั้นก็อมยิ้มแก้มปริไปเรียนท่านอ๋อง
“ทูลท่านอ๋อง พระชายาบอกท่านคิดถึง อยากเชิญไปทานอาหารกลางวันด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เป่ยจิ้งอ๋องที่กำลังหงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะไม่ได้ปลดปล่อยความอัดแน่นในร่างกาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นความแช่มชื่นบนใบหน้าก็ปรากฏขึ้น
“กินข้าวไม่ได้ร้องไห้หาข้าสินะ” คนหลงตัวเองวางงานตรงหน้าแล้วมุ่งตรงไปตำหนักพระชายา และไม่ลืมสั่งความให้ห้องครัวจัดอาหารชั้นเลิศตามไปที่ตำหนักเหม่ยฮวาอีกด้วย
เมื่อมาถึงก็เห็นนางนั่งมองอาหารไม่ได้แตะอันใดเลยสักเพียงครึ่งคำ ความรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชนะก็เกิดขึ้น
“ได้ยินคนบอกว่าเจ้าคิดถึงข้ากินไม่ได้งั้นหรือ”
“เพคะท่านอ๋อง” เซี่ยหมิงหลันยิ้มเต็มใบหน้าส่งให้กับเว่ยซือหลาง นี่นับว่าเป็นรอยยิ้มแรกก็ว่าได้หลังแต่งงาน
“เชิญท่านอ๋องนั่งก่อนเพคะ” นางเชื้อเชิญเขาอย่างดีให้เขานั่งใกล้ ๆ แล้วตักข้าวทั้งกับข้าวใส่ถ้วย
“วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป ถึงดูแลข้าดีเช่นนี้”
เซี่ยงหมิงหลันส่ายหน้าอย่างมีจริต พร้อมเตรียมกระโถนไว้ให้เขาคายทิ้งอยู่ด้านข้างแล้ว
“เช่นนั้นข้าจะกินข้าวเป็นเพื่อนเจ้าสักมื้อก็แล้วกัน” ตั้งแต่มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันไม่มีสักครั้งที่นางและเขาจะร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน วันนี้คงเป็นวันพิเศษสินะ
“ห้องครัวส่งอาหารชั้นเลิศมาหม่อมฉันอยากให้พระองค์เสวยพร้อมกันเพคะ” เชี่ยหมิงหลันเอ่ยก่อนแล้วรอคอยการกินของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
เว่ยซือหลางแม้ไม่ค่อยไว้ใจ แต่ว่าเมื่อนางเชื้อเชิญเช่นเห็นทีจะขัดมิได้ แต่เมื่ออาหารเข้าปากเท่านั้นยังมิทันเคี้ยวกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ตีขึ้นจมูกทันที
“ท่านอ๋อง...เป็นอันใดไปเพคะ” เซี่ยหมิงหลันทำท่าทางตื่นตระหนกตกใจ เหมือนเขากำลังโดนยาพิษ สีหน้ากล่ำกลืนฝืนทนเต็มที
“เจ้า...เอาอาหารเน่าเสียให้ข้ากินงั้นรึ”
หมิงหลันส่ายหน้า เพราะนี้เป็นอาหารจากห้องครัว
“หม่อมฉันทานอาหารจากห้องครัวนะเพคะ จะเอาของเน่าเสียให้พระองค์ได้อย่างไร” นางรีบหยิบเอากระโถนส่งให้แต่ทว่า แกล้งทำมือไม้อ่อนจนกระโถนร่วงหล่น
เพล้ง....! กระโถนร่วงตกบนโต๊ะอาหารทำให้น้ำแกงกระเด็นเข้าตาเป่ยจิ้งอ๋องจนต้องยืนขึ้นก่อนจะถอยออกมาขณะขยี้ตานั้นขาเกิดไปสะดุดเข้ากับธรณีประตูแล้วท่านอ๋องก็ล้มลงไป
โป๊ก!
เสียงศีรษะกระแทกกับวงกบประตูดังสนั่น ทำให้
เว่ยซือหลางนั่งทรุดลงอย่างมึนงงราวกับมีดาวอยู่เต็มหัว
“เซี่ย-หมิง-หลัน!!!!!”