“ฉันไปก่อนนะโบว์” ดาริกาหันมาโบกไม้โบกมือบอกก่อนวิ่งขึ้นรถ
พุดมาลัยโบกมือให้มองตามหลังดาริกาขึ้นรถไปแล้วก็หันกลับมามองรอบๆบริเวณป้ายรถเมล์ที่ยืนอยู่ แหงนขึ้นมองท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี ลมแรงๆเริ่มพัดมา ไม่ถึงอึดใจเม็ดฝนก็โปรยปรายจากละอองกลายเป็นฝนเม็ดใหญ่ตกกระทบพื้นถนนดังซ่า ทำให้พุดมาลัยถอนใจเซ็งๆ งานเข้าตรงไม่มีร่มนี่แหละ
คนที่รอรถอยู่ด้วยกันเริ่มหายไปทีละน้อยจนเหลือเธอยืนอยู่คนเดียว พุดมาลัยเริ่มกระสับกระส่าย ชะเง้อคอมองรถโดยสารประจำทางสายที่พากลับบ้านก็ยังไม่มีมาสักคัน
ก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือก็พบว่าสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ไม่รู้จะพาตัวเองกลับบ้านอย่างไรดี ฝนก็ตกหนัก รถก็ไม่มีมาสักคัน ระหว่างที่มองให้รถเมล์ที่รออยู่มาสักทีพุดมาลัยก็ต้องกะพริบตาปริบ เมื่อรถหรูคันหนึ่งมาจอดตรงหน้า
กระจกไฟฟ้าถูกกดลงเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของคนที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถ
“คุณเมเนอสัน!” ไม่รู้ทำไมเห็นหน้าเขาทีไรพุดมาลัยรู้สึกใจเต้นระรัว
“นี่คุณฝนตกหนัก เดี๋ยวผมไปส่งขึ้นรถมาสิ” เขาสั่งแต่พุดมาลัยยังยืนอ้าปากค้าง “มาสิ ยืนงงอะไร”
พุดมาลัยก็อยากตอบกลับเขาไปว่าเธอไม่ได้งง แค่กำลังตัดสินใจ
‘จะมาไม้ไหน ผู้ชายหน้าตาดี โปรไฟล์ดีนี่แหละที่ไม่น่าไว้ใจ’
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ฉันรอรถอีกไม่นานรถเมล์ก็น่าจะมาแล้ว” พุดมาลัยบอกไปอย่างนั้นทั้งที่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมาเมื่อไหร่ แต่ให้ไปกับเขาเธอขอยืนรออยู่ตรงนี้ดีกว่า
“คุณไม่กลัวถูกใครฉุดหรือไง ดึกดื่นยืนอยู่คนเดียว ดีไม่ดีโจรมันอาจกำลังเล็งคุณอยู่ก็ได้ ทั้งสาว ทั้งขาว ...”
พุดมาลัยตาโตจากคำบอกของเขา “อย่ามาหลอกฉันเลยค่ะ ฉันรอรถอยู่ทุกวันไม่เห็นมีอะไร คุณไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ขอบคุณมาก”
พุดมาลัยกลั้นใจบอกยังไม่ทันจบเสียงฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาทำให้คนกลัวฟ้าร้องเป็นทุนเดิมอยู่แล้วรีบยกมือปิดหู ร่างบางสั่นเทาด้วยความกลัวแต่ก็ยังใจแข็งไม่ขยับไปไหน
“งั้นก็ตามใจ ผมไปล่ะ หวังว่าพรุ่งนี้ผมคงไม่เห็นคุณบนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งนะ” เฟอนันเดสบอกแล้วกดปิดกระจก รถยังไม่ทันเคลื่อนเสียงฟ้าก็ร้องดังครืนใหญ่อีก จากหางตาเฟอนันเดสเห็นร่างบอบบางของพุดมาลัยวิ่งตามมาเกาะท้ายรถ เขาจึงบอกให้คาร์เตอร์หยุดแล้วนึกขำ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้จะขับเลยไปกำลังหาวิธีว่าจะใช้วิธีไหนให้พุดมาลัยขึ้นรถแต่เสียงฟ้าร้องเป็นใจให้เขาเสียนี่
“ฉันเปลี่ยนใจขอไปด้วยค่ะ”
เฟอนันเดสกลั้นยิ้ม เปิดประตูให้เธอขึ้นมาพร้อมกับตัวเขาขยับให้เธอนั่ง พุดมาลัยพึมพำขอบคุณแล้วก้มหน้างุด อับอายที่ในที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายขอไปกับเขาด้วย
“ฉันไม่อยากยืนอยู่คนเดียว กลัวเจอแบบที่คุณพูด ฉันยังมีแม่ต้องดูแล” จริงๆแล้วเธอกลัวเสียงฟ้าร้องมากกว่าแต่กลัวเขาหัวเราะเยาะจึงแถบอกอย่างอื่นแทน
เฟอนันเดสพยักหน้ารับกับเหตุผลที่พุดมาลัยบอก เธอจะยกเหตุผลอะไรเขาก็ไม่สนใจเท่ากับเธอขึ้นมานั่งบนรถแล้ว “ผ้าเช็ดหน้าของผม คุณรับไว้เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนสิ สภาพคุณตอนนี้ดูไม่จืดเลย ถ้าผมไม่รู้ว่าเป็นพนักงานของศูนย์การค้าผมคงไม่กล้ารับขึ้นรถแน่”
พุดมาลัยถลึงตาน้อยๆ เห็นเขายกยิ้มมุมปากก็มองค้อนอย่างหมั่นไส้ เช็ดหน้าอย่างปั้นปึ่ง แต่อาการแบบนั้นยิ่งทำให้เฟอนันเดสชอบใจ
“คุณบอกทางไปบ้านให้ผมรู้หน่อย ผมจะได้บอกคาร์เตอร์”
พุดมาลัยเหลือบไปมองเขาทีหนึ่ง เธอลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลยว่าเขาไม่รู้จักบ้านเธอ พุดมาลัยบอกทางกับเขาแล้ว โดยเฟอนันเดสสั่งคาร์เตอร์ต่ออีกทอด
“คุณกลับบ้านดึกแบบนี้ตลอดไม่กลัวบ้างหรือไง ผมว่ามันอันตรายสำหรับผู้หญิงสาวๆอย่างคุณ ทำไมไม่ให้ใครมารับ”
พุดมาลัยมองเขาอย่างหยั่งเชิง ไม่แน่ใจว่าเขาถามแบบนี้ทำไม แต่คงถามเพราะอยากรู้ เธอเลยตอบตามความเป็นจริง “ปกติฉันก็กลับเองค่ะ ทำไมต้องมีใครมารับ”
“ผมหมายถึงคนที่บ้านของคุณ”
พุดมาลัยหรี่มอง ไม่เห็นความผิดปกติใดๆในใบหน้าหล่อเหลาเลยตอบ “ฉันอยู่กับแม่สองคนค่ะ”
คำตอบที่หลุดจากริมฝีปากอิ่มสวยนั้นทำให้เฟอนันเดสพอใจถ้าได้ยินว่าอยู่กับแฟนสองคนเขาคงจะหงุดหงิดจนเก็บอาการไม่อยู่ ดวงตาสีบรั่นดีส่องประกายยินดี อย่างน้อยคำถามที่เขายิงไปก็ไม่พลาดเป้าเมื่อได้รับคำตอบที่อยากรู้ว่าเธอยังเป็นโสดจริง อยู่กับมารดาสองคน ไม่มีสามี ส่วนแฟนเขาไม่แน่ใจ แต่คิดว่าไม่ใช่ปัญหาในความคิดเขาแฟนสามารถมีมาทดแทนได้เสมอ
ถ้าเธอมีแฟนเขาก็พร้อมที่จะมี่แผนให้แฟนเธอเดินออกไปจากชีวิต
เฟอนันเดสนิ่งเงียบไปทำให้พุดมาลัยเริ่มอึดอัด แม้อากาศภายในรถจะเย็นฉ่ำ แต่หน้าผากของพุดมาลัยกลับมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ แย่งกันผุด ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน จนกระทั่งผ่านไปเกือบห้านาทีแต่มันช่างเชื่องช้าเหลือเกินในความรู้สึกของพุดมาลัย เจ้าของรถคันหรูก็เอ่ยขึ้น
“คุณไม่มีพี่น้องหรือครับแล้วพ่อของคุณล่ะ”
พุดมาลัยส่ายหน้า “ฉันเป็นลูกคนเดียวค่ะ พ่อฉันเสียตั้งแต่สิบสองขวบได้”
“ผมเสียใจด้วยนะครับเรื่องพ่อของคุณ”
พุดมาลัยพยักหน้าเศร้าๆ พอดีกับรถกำลังจะขับเลยซอยทางเข้าบ้าน พุดมาลัยจึงรีบหันไปบอกคาร์เตอร์
“ซอยข้างหน้านี้ล่ะค่ะ”
คาร์เตอร์เลี้ยวเข้าไปตามคำบอก ขับเข้าไปอีกไม่ถึงแปดร้อยเมตร พุดมาลัยก็ให้จอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่มีรั้วรอบขอบชิด มองจากภายนอกเห็นตัวบ้านเป็นปูนสองชั้น สีขาวที่ทาหลุดร่อน มีสภาพเก่าไปตามกาลเวลาแต่ดูเหมือนว่าจะได้รับการทำความสะอาดและดูรักษาดีมองไปก็ยังสะอาดตา
พุดมาลัยเห็นสายตาของเฟอนันเดสมองบ้านเก่าซอมซ่อของเธอก็รีบอธิบาย “ฉันกับแม่เช่าเขาอยู่น่ะค่ะ สภาพภายนอกเก่าแต่ข้างในยังดีอยู่ เจ้าของบ้านไม่อยากปรับปรุงใหม่เลยให้เช่าในราคาถูก คุณส่งฉันแค่นี้ก็พอ ขอบคุณมากนะคะ” พุดมาลัยยกมือไหว้ มองก็รู้ว่าเฟอนันเดสคงรังเกียจบ้านเก่าเท่ารังหนูของเธอ รถของเขายังมีราคาแพงมากกว่าบ้านที่เธอเช่าอยู่เป็นสิบเท่า
พุดมาลัยเจียมตัว ไม่อยากให้เขาต้องเสียเวลาอีก จึงรีบเปิดประตูลง
“เดี๋ยวก่อนพุดมาลัย”
“มีอะไรคะ”
“ผมอยากลงไปดื่มน้ำสักแก้วจะได้ไหม”
‘มาไม้ไหน ไม่น่าไว้ใจ ต้องใจแข็งไว้’
“อย่าดีกว่าค่ะ บ้านของฉันตอนนี้คงรกมากไม่เหมาะจะต้อนรับ” พุดมาลัยบอกอย่างรู้ทัน แล้วปิดประตูรถอย่างเบามือ เกรงว่ารถราคาแพงของเขาจะสึกหรอ