สิปปกรถึงร้านอาหารที่ชายนัดไว้ช้าไป 10 นาที เขารู้ว่าพี่ชายไม่ชอบนิสัยแบบนี้ แต่เขาก็พยายามมาไวที่สุดแล้ว
“ขอโทษครับพี่ มาช้าไปหน่อย”
“อือ ไม่เป็นไรพี่เองก็พึ่งมาถึงเมื่อกี้เอง จะกินอะไรสั่งเลยพี่มีเวลาไม่นาน” อนุตรส่งเมนูให้น้องชายด้วยใบหน้าเรียบเฉย
สิปปกรดูเมนูแล้วหันไปสั่งกับเด็กเสิร์ฟที่ยืนรออยู่แล้ว “ข้าวผัดกุ้งไม่ใส่ต้นหอมครับ”
เมื่อเห็นน้องชายสั่งอาหารแล้วเขาก็ชวนคุย “เป็นไงบ้างจัดของเรียบร้อยหรือยัง”
“ยังเลยครับ กำลังจัดห้องแล้วพี่รปภ. ก็ขึ้นมาเคาะห้องเค้าคิดว่าผมเป็นขโมย” เขาหัวเราะเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน
“พี่คงลืมแจ้งไปว่าจะมีคนย้ายมาเพิ่ม”
“อันที่จริงผมก็เข้าไปที่ห้องพี่ได้นั่นแหละ แต่ว่าผมคงเสียงดังไปหน่อย ข้างห้องเลยโทร. ไปตามเพราะคิดว่ามีขโมยเข้ามาที่ห้อง”
“ให้พี่เดานะ ว่าคงเป็นห้องที่อยู่ริมสุดใช่ไหม”
“ก็ห้องนั่นแหละพี่”
“เธอชื่อเอริน แล้วเธอว่าอะไรไหม”
“ก็ไม่ว่าอะไรครับ เธอบอกว่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นขโมย พี่รู้จักเธอเหรอ”
“เราทำงานที่เดียวกัน” อนุตรตอบไปตามจริง เขากับพราววรินทร์นั้นรู้จักกันมาได้เกือบปีแล้วเธอพักอยู่ที่นี่ก่อนหน้าเขาไม่นาน ทำให้ได้มีโอกาสเจอกันและเมื่อรู้ว่าเธอเองก็ทำงานที่เดียวกับเขาก็เลยได้คุยกันมากขึ้นและเธอก็เป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เขาให้ความสนิทสนมด้วยนอกจากเพื่อนๆ ที่เรียนแพทย์มาด้วยกัน
“เธอเป็นหมอเหรอครับ” สิปกกรนึกอยากจะป่วยขึ้นมาทันทีเพราะถ้ามีหมอหน้าตาสวยขนาดนั้นเขาก็อยากจะป่วยบ่อยๆ
“เปล่า เธอเป็นเภสัชน่ะ”
“อ๋อ” เขาพยักหน้ารับรู้
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วอนุตรก็บอกเขาว่าจะกลับไปทำงานต่อ
“ผมนึกว่าพี่จะกลับห้องด้วยกัน”
“ตอนแรกก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ แต่พอดีหมอเวรที่ห้องฉุกเฉินมาไม่ได้พี่เลยรับอาสาไปอยู่แทน”
“แล้วจะกลับกี่โมงครับ”
“เช้านั้นแหละ ถ้าห้องเล็กยังจัดไม่เสร็จ คืนนี้ก็นอนห้องพี่ก่อนก็ได้”
“ก็ดีเหมือนกันครับ เดี๋ยวทำเสียงดังจะโดนหาว่าเป็นขโมยอีก” สิปปกรหัวเราะ เขานึกไปถึงไปหน้าสาวสวยตัวเล็กข้างห้องแล้วก็รู้สึกว่าการมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมของพี่ชายมีอะไรให้ตื่นเต้นขึ้นมาอีกเยอะ
ชายหนุ่มขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดยังที่จอดรถหลังจากที่ทานข้าวกับพี่ชายเสร็จแล้วเขาก็ไปซื้อของกินอีกเล็กน้อยเพราะกะเอาไว้ว่าคืนนี้จะนั่งทำงานจนดึก เขารีบวิ่งเมื่อเห็นว่าประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง
“ขอบคุณครับ” สิปปกรหันมากล่าวขอบคุณหญิงสาวที่เป็นคนกดลิฟต์รอเขา “อ้าว คุณนี่เอง” เขาทักทาย “กลับดึกเหมือนกันนะครับ” เขาชวนเธอคุย
“อือ” คนพูดน้อยหันมามอง
“ไปเที่ยวมาเหรอครับ” เพราะเธอบอกเขาเมื่อกลางวันว่าเป็นวันหยุดเขาเลยคิดว่าเธอน่าจะไปเที่ยวมาอย่างแน่นอนและชุดที่เธอใส่ก็เหมือนไม่ได้ได้ออกไปทำงาน
หญิงสาวตัวเล็กสวมกระโปรงผ้าสีม่วงพาสเทลยาวคลุมเข่ามาเล็กน้อยกับเสื่อเชิ้ตแขนสามส่วนพอดีตัวดูเหมือนเด็กมากกว่าจะเป็นคนวัยทำงาน ถ้าเขาไม่รู้มาจากพี่ชายก็คงคิดว่าเธอยังเรียนอยู่
“ไปทำงานมาค่ะ” พราววรินทร์รีบไขข้อเข้าใจผิด
“อ้าวไหนเมื่อตอนกลางวันบอกว่าหยุด” คนขี้สงสัยชวนคุย
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเขาก็เดินตามเธอมาเพื่อรอฟังคำตอบแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเธอไม่ได้ตอบอะไรเขา หญิงสาวหันมายิ้มให้ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าห้องไปทิ้งให้สิปปกรยืนงงอยู่หน้าประตู
เขาไม่เคยถูกผู้หญิงที่ไหนทำท่าทีเมินเขาแบบนี้มาก่อน สิปปกรไม่รู้ว่าเพราะเธอเคืองที่เขาทำเสียงดังหรือเพราะว่าเธอเป็นคนพูดน้อยกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรคนอย่างเขาก็ไม่ยอมให้เรื่องนี้ต้องมาทำให้เสียความมั่นใจ เขาต้องหาทางทำลายกำแพงกั้นระหว่างเธอกับเขาให้ได้
สิปปกรตื่นนอนแต่เช้า ดูเหมือนว่าเมื่อคืนพี่ชายของเขาจะไม่ได้กลับมานอนที่ห้องอย่างที่บอกเขาไว้ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่ชายถึงไม่ค่อยมีเวลากลับไปทานข้าวกับที่บ้านและแยกมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมใกล้ๆ กับที่ทำงาน
วันนี้ชายหนุ่มมีเรียนตั้งแต่เช้าเขาจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วคิดว่าจะไปหาอะไรทานหลังจากเรียนเสร็จคาบแรกไปแล้ว ขณะที่กำลังชะลอความเร็วของจักรยานยนต์เพื่อให้เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินข้ามถนน เขาก็เห็นผู้หญิงที่ท่าทางคุ้นตานั่งอยู่ในร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ เขามองนาฬิกาข้อมือและเมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาชายหนุ่มจึงจอดรถที่หน้าร้านอาหารแล้วเดินตรงเข้าไปทันที
“ไข่กระทะ 1 ชุดกับกาแฟ 1 แก้วครับ” เขาอ่านเมนูจากหน้าร้านและบอกแม่ค้าจากนั้นก็เดินไปตรงหน้าผู้หญิงที่ทำให้เขาขาดความมั่นใจ “ขอนั่งด้วยคนนะครับ คุณเอริน” เขาถามเป็นมารยาทแต่ไม่รอให้เธอตอบ
พราววรินทร์เงยหน้ามองเขาแล้วก็นั่งทานต่ออย่างเงียบๆ เธอยังไม่คุ้นเคยกับเขาเลยสักนิดแต่ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้จะไม่ได้คิดอย่างนั้น
“คุณทำงานที่เดียวกับพี่โอห์มเหรอครับ” เขาพยายามชวนเธอคุย
“ค่ะ คุณรู้ได้ยังไงคะ” เธอถามเขาและนั่นก็ทำให้สิปปกรรู้แล้วว่าเขาควรจะคุยเรื่องอะไรเธอถึงจะยอมคุยด้วย
“พี่โอห์มบอก คุณคงสนิทกับพี่ชายผมนะครับ”
“ไม่สนิทหรอกค่ะ แค่ได้เจอกันบ้างเอง” เธอหลับสายตาของเขา
“อือ พี่ผมก็อย่างนี้แหละครับ สนิทกับคนอื่นยาก” สิปปกรแอบนินทาพี่ชายให้เธอฟัง
“นี่แอบมานินทาพี่ได้ยังไงกัน” หมออนุตรเดินเข้ามาทันได้ยินที่น้องชายของเขากำลังคุยกับหญิงสาวที่อยู่ข้างห้อง
“อ้าว พี่มานั่งด้วยกันสิครับ” ชายหนุ่มขยับเก้าอี้ให้กับพี่ชาย
“ขอนั่งด้วยคนนะเอริน แล้วนี้นึกยังไงมานั่งกินข้าวด้วยกันได้ล่ะ” นายแพทย์หนุ่มถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ได้มาทานด้วยกันหรอกค่ะ เพียงแต่มาเจอกัน” เธอรีบบอกเขาก่อนที่จะเข้าใจผิด
“อืม วันนี้นึกยังไงถึงกินข้าวเช้าได้ล่ะ” เขาหันไปถามน้องชายเพราะเคยได้ยินมารดาบ่นให้ฟังว่าสิปปกรนั้นไปค่อยทานข้าวก่อนไปเรียน
“ก็อยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง พี่บอกผมเองนี่ว่าอาหารเช้ามีประโยชน์”
“แต่ก็ดีแล้วล่ะ เมื่อคืนเป็นไงหลับสบายดีไหม”
“ก็ดีครับ ผมนึกว่าพี่จะกลับมาที่ห้องเสียอีก” เมื่อคืนเขารอพี่ชายจนเผลอหลับไป
“ก็อยู่เวร ก็ต้องอยู่ถึงเช้านั่นแหละบอกไปแล้วนี่” เขาตอบน้องชายแล้วหันมาชวนหญิงสาวคนเดียวคุยบ้าง
“เอรินล่ะ เป็นยังไงบ้างได้ข่าวว่าเมื่อวานมีคนรบกวนเวลาพักผ่อนใช่ไหม”
“ก็นิดหน่อยค่ะหมอ”
“ผมขอโทษแทนน้องชายอีกทีนะครับ เรื่องเมื่อวาน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากเพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน
“เพื่อเป็นการไถ่โทษเดี๋ยวมื้อนี้ให้ปาล์มเป็นคนเลี้ยงนะครับ” เขาหันไปบอกน้องชาย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” พราววรินทร์มองหน้าเขาอย่างเกรงใจ เพราะเธอนั้นทำงานแล้วแต่ชายหนุ่มนั้นยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ตัวแค่นี้ผมเลี้ยงได้สบาย” เขามองหน้าเธอแล้วยิ้ม นั่นทำให้พราววรินทร์คิดว่าเธอควรจะทำตามที่พี่ชายเขาบอก
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารเช้า” เธอมองนาฬิกาและเห็นว่าใกล้เวลาเข้างานแล้วจึงรีบขอตัว
“มีเรียนกี่โมง” อนุตรถามน้องชายเมื่อเห็นว่าเขาทานเสร็จแล้วแต่ไม่ลุกไปไหน
“9 โมงครับพี่ แล้วพี่ต้องไปทำงานอีกไหม”
“ก็แค่แวะมาอาบน้ำแล้วต้องไปตรวจต่อ”
“เย็นนี้พี่จะกลับมานอนไหมครับ”
“ก็คงกลับ แต่ถ้านายจะนอนห้องนั้นต่อก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมเรียนถึงแค่เที่ยงเดี๋ยวกลับมาจัดของต่อก็เสร็จ”
“ถ้าจัดเสร็จแล้วก็เรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดด้วยนะ เบอร์โทร. ก็ที่พี่ติดไว้หน้าตู้เย็นนั่นแหละ”
“ครับ”