หลังจากที่ฉันเดินออกมาจากห้องพี่กองทัพด้วยหัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันก็ดันเปิดประตูออกมาพอดีกับจังหวะที่ใครบางคนกำลังจะเดินผ่านหน้าห้องนั้นพอดี
“เหี้ย! ตกใจหมด!” ฉันอุทานลั่น พร้อมกับผงะเล็กน้อย ใจยังไม่ทันสงบจากเหตุการณ์ในห้อง ก็มาเจออะไรตกใจซ้ำซ้อนอีก
คนตรงหน้าหัวเราะพรืดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม
“ตกใจแรงไปไหมน้องเมย์ ฮ่า ๆ” พี่จอมทัพ หนุ่มวิศวะหน้ากวนอีกคนของบ้าน ยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหล่อๆ ของเขาเต็มไปด้วยแววล้อเลียน
ฉันตั้งหลักได้ก็รีบยิ้มแห้งตอบกลับไป “ไม่คิดว่าพี่จอมทัพจะเดินมาพอดี”
“แล้วนี่เข้าไปทำอะไรในห้องไอกองมันละ?” น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความสงสัยปนขี้แซว สายตาเหลือบมองประตูห้องของพี่กองทัพแล้วเลื่อนมาจ้องฉันเหมือนจะจับพิรุธ
“เอ่อ… เมย์เอากล่องทำแผลไปให้เขาค่ะ” ฉันตอบเสียงเบาลงนิด ๆ ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกเหมือนโดนจับผิด ทั้งที่มันก็ไม่ได้มีอะไร
“มันไปโดนอะไรมา?”
“อ๋อ… เมย์เกือบโดนรถชนนิดหน่อยค่ะ พี่กองทัพเขาเลยเข้ามาช่วย ก็เลยบาดเจ็บนิดหน่อยตรงแขน”
พี่จอมทัพเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าดูสนใจจริงจังแวบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “โอ้โห อย่างกับในซีรีส์เลยนะเรา ระวังจะเผลอใจให้พระเอกโดยไม่รู้ตัวล่ะ”
ฉันกลอกตานิด ๆ พยายามกลบเกลื่อนความเขินที่เริ่มตีขึ้นหน้า “ไม่มีทางหรอกค่ะ”
แต่ในใจกลับรู้สึกร้อน ๆ แปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก…
หลังจากที่ฉันแยกกับพี่จอมทัพ ฉันก็เดินถือกล่องทำแผลลงมาจากชั้นบนอย่างเหนื่อยใจเล็กน้อย พอเดินมาถึงห้องครัวก็เห็นแม่กำลังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์เหมือนรอฉันอยู่ก่อนแล้ว
“เป็นยังไง ได้ทำแผลให้คุณผู้ชายเขารึเปล่า?” แม่ถามขึ้นทันทีที่เห็นฉัน
ฉันถอนหายใจเบา ๆ พลางวางกล่องลงตรงโต๊ะ “ทำแล้วค่ะ พอใจยัง?”
แม่หรี่ตามองฉันเหมือนจับสังเกตอะไรบางอย่าง “แล้วทำไมขึ้นไปทำนานจัง… แกไม่ได้ไปเถียงหรือทะเลาะอะไรกับเขาใช่ไหม?”
ฉันเบิกตากว้าง หันไปมองแม่ทันที “โธ่แม่… เห็นเมย์เป็นคนยังไงเนี่ย?”
แม่ไม่ตอบ แต่ยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ
“จะเห็นเป็นคนยังไงละ ก็แกน่ะขี้เถียง เถียงคำไม่ตกฟาก ขอให้ได้เถียงก่อน ชนะไม่ชนะไม่รู้ ขอให้ได้แย้งไว้ก่อนเถอะ!” แม่พูดพร้อมส่ายหัวหนัก ๆ อย่างเอือมระอา
ฉันเม้มปากแน่นอย่างอดไม่ได้… นั่นมันเรื่องจริงก็เถอะ แต่แม่ก็ไม่ต้องพูดซ้ำซากขนาดนี้ก็ได้!
“นิสัยแบบนี้เบาได้ก็เบานะลูก” เสียงของแม่อ่อนลงเล็กน้อย “อีกหน่อยถ้าต้องแต่งงานกับพี่เขาแล้ว… มัวเอาแต่เถียงกัน คนอื่นเขาจะมองไม่ดีเข้าใจไหม?”
ฉันนิ่งไป ไม่รู้จะตอบกลับยังไงดี…
ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันก็แค่ในนาม แค่แต่งงานตามคำสั่งของผู้ใหญ่ แต่แม่กลับพูดราวกับฉันกับเขากำลังจะใช้ชีวิตร่วมกันจริง ๆ อย่างสมบูรณ์แบบ
“โอ้ยยย แม่…” ฉันถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิด “วันนั้นแม่ไม่ได้ยินเหรอ ว่าถ้าแต่งกันไปครบหนึ่งปี พี่เขาจะขอหย่าอ่ะ วันนั้นเขาก็พูดเอง แม่ไม่ได้ยินหรือไง”
ฉันพูดพลางจ้องหน้าแม่อย่างจริงจัง
ความอึดอัดตีกันอยู่ในอกจนอยากจะระเบิดออกมา
“อีกอย่าง… ที่ต้องแต่งงานกัน ก็แค่ในนามเท่านั้น คนอื่นหรือคนนอกก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าหนูกับพี่เขาแต่งกัน”
แม่วางทัพพีในมือลงเบา ๆ ก่อนจะหันมามองฉันด้วยแววตานิ่งลึก
“ที่เขาจะขอหย่า… นั่นหมายถึง ถ้าภายในหนึ่งปีนี้ แกกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันเลย… เขาถึงจะขอหย่า”
น้ำเสียงของแม่ไม่ได้ดัง แต่กลับฟังชัดเจนทุกถ้อยคำ
มันแทงเข้ามาในอกอย่างแปลกประหลาด
ฉันเม้มปากแน่น ก่อนจะสะบัดเสียงใส่ทันที
“งั้นแม่ก็รอเป็นพยานในการเซ็นใบหย่าของหนูได้เลย! เพราะ หนูกับเขามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
แม่กลอกตามองบนแล้วพ่นลมหายใจแรง ๆ ออกมา
“เออ! อีแม่คนนี้นี่แหละ จะนั่งดู นอนดู ดูให้มันรู้ไปเลย ว่าสุดท้ายจะหย่าจริงหรือเปล่า”
ฉันสะบัดตัวเดินออกไปโดยไม่ตอบอะไรอีก
แต่ในอก… ดันรู้สึกหน่วง ๆ อย่างประหลาด
คำว่า “เป็นไปไม่ได้” ที่พูดออกไปเมื่อครู่ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังหลอกตัวเองอยู่ก็ไม่รู้…
“อย่างพี่กองทัพอ่ะนะ… จะมารู้สึกอะไรกับฉัน บ้าไปแล้ว!”
ฉันพึมพำออกมาเบา ๆ กับตัวเอง พลางเดินกอดอกกลับเข้ามาทางโซนแม่บ้านที่อยู่ด้านหลังบ้านใหญ่ เสียงรองเท้าลากเบา ๆ บนพื้นปูนเปลือยสะท้อนอยู่ในความเงียบรอบตัว
“นิ่งสะขนาดนั้น… ถามจริงเถอะ วัน ๆ เคยโดนตัวผู้หญิงบ้างหรือเปล่าวะ…”
ฉันเบ้ปากใส่อากาศ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็เริ่มพูดกับตัวเองไม่หยุดราวกับบ้าบอ
“หรือว่าเคยโดน… แต่เฉยใส่ทุกคนเหมือนกันหมด?”
“ไม่ ๆ ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย จะไปสนใจทำไม…”
มือก็เขี่ยเสื้อที่คลุมอยู่ไปมา พลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ยิ่งเดินหนี ความคิดยิ่งตามมาไล่ต้อนอยู่ในหัว
ภาพตอนที่เขาดึงข้อมือฉันไว้แน่น
น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เด็ดขาดที่สั่งให้ฉันขึ้นไปทำรายงานด้วยกัน ดวงตาคู่นั้นที่มองมาราวกับ… ฉันเป็นคนสำคัญอะไรสักอย่าง
ฉันเม้มปากแน่นแล้วส่ายหน้าแรง ๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว
“โอ้ยยย! หยุดคิดเรื่องเขาสักทีเถอะเมย์! บ้าจริง!”
แต่ถึงจะบอกให้หยุดคิด… ใจมันก็ยังไม่ยอมเชื่อคำสั่งอยู่ดี
ฉันเดินกลับมาถึงห้องในที่สุด…
ถอนหายใจออกมายาวเหยียด พลางทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง ก่อนจะกลิ้งไปมาเหมือนพยายามสลัดบางอย่างออกจากหัว
“พอ! หยุดคิดเรื่องบ้า ๆ พวกนั้นได้แล้วเมย์”
ฉันสะบัดหัวแรง ๆ เหมือนจะปัดภาพสายตานิ่ง ๆ กับคำพูดของเขาให้หลุดออกไป แล้วลุกขึ้นนั่งเต็มตัวอย่างจริงจัง
“ไปอาบน้ำดีกว่า… เดี๋ยวจะได้ทำรายงานให้เสร็จ ๆ ไปซะที”
พูดจบก็ลุกคว้าผ้าขนหนู เดินตรงไปยังห้องน้ำด้วยความตั้งใจแน่วแน่ แม้ว่าภายในใจจะยังคงมีบางอย่างไหลวนอยู่เงียบ ๆ ก็ตาม…
น้ำจากฝักบัวไหลกระทบพื้นกระเบื้องดังเป็นจังหวะคงที่ ฉันกำลังสระผม พลางฮัมเพลงเบา ๆ อย่างพยายามไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่านอีก
แต่แล้ว…
“กุกกัง…”
เสียงบางอย่างดังขึ้นจากด้านนอก
ฉันชะงักมือที่กำลังขยี้ผมทันที ใจเต้นวูบแปลก ๆ
เสียงนั่นมัน… เหมือนเสียงเปิดประตู? หรือใครทำอะไรตก?
ฉันนิ่งฟังอีกครั้ง พยายามตั้งใจแยกเสียงระหว่างเสียงน้ำกับเสียงด้านนอก
“กึก… แกร๊ก…”
เสียงนั้นยังดังอีก! คราวนี้เหมือนมาจากตรงประตูห้องฉันเลย!
ฉันรีบปิดน้ำด้วยความเร็วแสง ดึงผ้าเช็ดตัวมาพันรอบตัวไว้แน่น แล้วแนบหูเข้ากับบานประตูห้องน้ำ
เสียงเงียบ…
ไม่มีอะไร
หรือฉันหูฝาด?
หรือว่า…
“เฮ้ย… อย่าบอกนะว่า…”
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ความคิดบ้าบอเริ่มแทรกเข้ามาเต็มหัว
“อย่าบอกนะว่าผีอ่ะ…” ฉันพึมพำเสียงเบา รู้สึกเย็นวูบขึ้นมาตามต้นคอ
ไม่เอานะเว้ย… ห้องแม่บ้านโซนนี้มันก็เก่าอยู่หรอก แต่จะเจอดีอะไรตอนอาบน้ำแบบนี้ไม่ได้นะ! ฉันรีบหันซ้ายแลขวาในห้องน้ำเหมือนจะหาทางหนี
เสียงก็เงียบลงไปชั่วขณะหนึ่ง…
ฉันรีบเร่งสระผมอาบน้ำให้เร็วที่สุด รู้ตัวอีกทีก็แทบจะขัดตัวด้วยสปีดสายฟ้า จนสุดท้ายทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ฉันห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่แบบลวก ๆ ก่อนจะเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำด้วยความรีบ
แต่แล้ว…
กรี๊ดดดดดดดดดด!!
“เฮ้ย! เบา ๆ หน่อยสิวะ!” เสียงห้าวต่ำดังขึ้นพร้อมแรงกระชากเบา ๆ ที่ปิดปากฉันทันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว
ฉันเบิกตากว้างสุดชีวิต
พี่กองทัพ!!!
“นาย… เห้ย! พะพี่เข้ามาทำไมในห้องเมย์!” ฉันร้องเสียงหลงทั้งที่ยังโดนมือเขาปิดปากอยู่
“ฉันมาเอาแฟลชไดร์ฟ จะตะโกนให้คนทั้งบ้านรู้ว่าห้องนี้มีคนแก้ผ้าอยู่หรือไง?” เขาพูดเสียงนิ่ง ๆ แต่หน้ากลับมีแววหลบตานิด ๆ
“ก็…ก็ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามานี่นา แล้ว…พี่เข้ามาตอนไหนอะ!”
“ตอนที่เธอคิดว่าฉันเป็นผีตอนอยู่ในห้องน้ำไง คิดว่าใครตาย” เขาถอนหายใจเบา ๆ “แล้วแต่งตัวซะที เดี๋ยวลงไปทำรายงานกัน”
“นาย…ไม่ใช่สิ! พี่เห็นอะไรไหมเนี่ย!!”
“เห็นว่าเธอควรล็อกประตูก่อนอาบน้ำมากกว่า”