" ไม่หรอก ยังไม่ใช่ตอนนี้ นอนเถอะก่อนที่ข้าจะอดใจไม่ไหว ข้าต้องทำสิ่งหนึ่งก่อนถึงตอนนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้หรอก "
ฝูหรงสงสัยในคำพูดของอีกคนแต่ก็หลับตาลงและหลับไปในอ้อมกอดนั้น
ในตอนสายฟานอวี้ตื่นออกมาก่อนคนตัวเล็กอีกครั้ง เพื่อออกไปสั่งทหารเดินทางกลับเมืองหลวงไปก่อน ส่วนตนนั้นจะอยู่ที่นี่ต่อ
" หานชิงให้คนไปรายงานที่จวนด้วยว่าฮูหยินอยู่กับข้า "
" ขอรับท่านแม่ทัพ "
ชินลี่ที่ตื่นมารอฝูหรงตั้งแต่เช้า ไม่กล้าที่จะเข้าไปหานายของตนด้านใน เพราะเกรงสีหน้าของแม่ทัพที่จ้องมองไม่วางตา
" ข้ามีเรื่องจะถาม มานั่งตรงนี้สิ "
ชินลี่เดินเข้ามาหา ภายในใจก็คิดว่าคงเป็นเรื่องเมื่อคืนเป็นแน่
" เจ้ากับฮูหยินข้ามีเรื่องอะไรที่ปิดบังไว้ บอกข้าได้หรือไม่ แต่ถ้าคิดว่าเจ้าสามารถที่จะปิดข้าได้ก็ไม่เป็นไร"
" เออ คือข้ากับฮูหยินรู้ข่าวเรื่องที่ท่านจะถูกลอบสังหาร ฮูหยินเป็นห่วงก็เลยรีบมาเพื่อเตือนท่านแม่ทัพ คิดว่าเตือนท่านแล้วก็จะกลับเจ้าค่ะ แต่หลังคาดันพังลงมาเสียก่อนเจ้าค่ะ "
ฟานอวี้เมื่อนึกถึงภาพเมื่อคืนก็อดขำไม่ได้ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ แต่ที่แปลกใจก็คือหากเป็นคนทั่วไป ตกลงมาเช่นนั้นก็คงจะบาดเจ็บเป็นแน่ แต่นี้ทวงท่าที่ตกลงมาแสดงให้เห็นว่ามีวรยุทธมากพอตัว
" แล้วฮูหยินรู้ได้ยังไงว่ามีคนคิดที่จะสังหารข้า "
"หากท่านแม่ทัพอยากรู้ ข้าจะเล่าให้ฟังเองเจ้าค่ะ พี่ชินลี่เตรียมม้าไว้ด้วยนะ ประเดี๋ยวเราจะกลับเมืองหลวงกัน "
ฝูหรงเดินลงมาจากด้านบน เอ่ยสั่งคนของตน แล้วเดินมานั่งลงข้างฟานอวี้ ฟานอวี้จ้องมองใบหน้าสวยของฮูหยิน พร้อมรอยยิ้ม
" เจ้าตื่นแล้วหรือ ชินลี่ไม่ต้องเตรียมม้าหรอกเราจะพักอยู่ที่เมืองนี้ต่ออีกสักพัก มีเรือนที่อยู่บนเขา ข้าจะพาเจ้าไปพักที่นั้น "
" แต่ข้าไม่ได้บอกกับทางจวนว่าจะมาหลายวัน "
" ข้าให้ทหารรายงานแล้ว ว่าเจ้าอยู่กับข้าที่นี่ "
" แต่ข้าบอกท่านแม่ว่าจะไปพักที่จวนท่านตานะเจ้าค่ะ "
" เช่นนั้นกลับไปเจ้าก็ต้องไปแก้ตัวเองแล้วล่ะ "
ฝูหรงมองคนตัวโตอย่างงอนๆ จนฟานอวี้อดเอ็นดูไม่ได้กับท่าทีที่แสนจะน่ารักของฮูหยินตน
" ข้าไม่คิดว่าฮูหยินจอมแสบของข้าจะงอนเป็นด้วย "
" ข้าไม่ได้งอนเสียหน่อย เหตุใดข้าจะต้องงอนท่านด้วย "
ฝูหรงเดินออกจากโรงเตี๊ยมไป
" หานชิงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วก็ตามไปที่เรือนบนเขาได้เลย ข้ากับฮูหยินจะไปรอที่นั้น "
ฟานอวี้สั่งคนสนิทแล้วก็เดินตามฮูหยินออกไป ก่อนที่จะเดินไปจูงมือฝูหรงไปขึ้นม้า
" อ่ะ อะไรเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ "
ฟานอวี้อุ้มคนตัวเล็กให้ขึ้นไปบนม้า ก่อนที่จะขึ้นตามไปเช่นกัน ฝูหรงอยู่ในอ้อมกอดแกร่งก็ไม่กล้าที่จะขยับตัว ชินลี่เห็นเช่นนั้นก็รีบขึ้นม้าแล้วขี่ตามไป
" สวยจัง ที่นี่หรือเจ้าค่ะที่เราจะพัก "
" อืม ที่นี่แที่นี่แหละจ้าดีใจที่เจ้าชอบนะ"
ฝูหรงมองดูทิวทัศน์ที่งดงามเบื้องล่าง ดอกท้อที่ออกดอกผลิบานเต็มเนินเขา สีชมพูเต็มเขาเป็นภาพที่น่ามองกว่าที่ไหนๆ
" ว้าา ฮูหยินที่นี่สวยมากเลยเจ้าค่ะ สวยจริงๆอย่างกับอยู่บนสวรรค์เลย "
" พี่ชินลี่เคยไปสวรรค์ด้วยหรือ "
ชินลี่หันมาทำหน้ามุ้ยใส่คนเป็นนาย ฝูหรงหัวเราะออกมาทันทีที่แกล้งคนของตนได้ ฟานอวี้มองฮูหยินพร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดู
" ฝูหรง ข้ามีบางอย่างจะชดใช้ให้เจ้า "
ฟานอวี้เอ่ยขึ้น ฝูหรงและชินลี่หันมามองแม่ทัพฟานอวี้ทันที
ภายในมือของฟานอวี้ถือมีดเล่มเล็กเอาไว้ พลันก็ใช้มีดนั้นแทงที่ท้องของตนทันที โดยที่ฝูหรงห้ามไม่ทัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝูหรง ชินลี่ หานชิงและจางเหยาที่พึ่งเดินทางกลับมาจากการสืบเรื่องของฮูหยิน ก็มาทันเห็นสิ่งที่ท่านแม่ทัพใหญ่ทำ
" ท่านทำอะไรของท่าน ท่านเป็นบ้าหรืออย่างไร ถึงได้ทำร้ายตนเองเช่นนี้ "
ฝูหรงเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง
" ท่านแม่ทัพ นี้ท่านทำเช่นนี้จริงๆหรือขอรับ "
หานชิงเอ่ยขึ้น ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
" อย่าพึ่งพูดเลยรีบพาเข้าข้างในเถอะ ข้าจะได้ทำแผล "
ฟานอวี้ถูกพาตัวเข้ามาภายในเรือน ฝูหรงรีบจัดการถอดเสื้อของอีกคนออก แล้วรีบทำแผลให้คนตัวโต ที่มองอย่างไม่ล่ะสายตา ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้คนของตนออกไป
จางเหยาและหานชิงจึงหิ้วแขนของชินลี่ออกไปด้วย
" พวกเจ้าทำบ้าอะไรกัน ปล่อยข้านะ "
" ไม่เห็นหรือไงว่าท่านแม่ทัพมีเรื่องจะต้องคุยกับฮูหยิน เจ้าไปดื่มเหล้ากับพวกข้าดีกว่าเราจะได้ฉลองกัน "
หานชิงเอ่ยออกมาก่อนที่จะปล่อยให้จางเหยา พาชินลี่ไปที่ห้องแทน ส่วนตนนั้นก็ไปหาเหล้าและกลับแกล้มมา
" เจ้าอย่าไปขัดท่านแม่ทัพเลย ปล่อยให้ทั้งสองพูดคุยกันเถอะ เจ้าอยากให้ฮูหยินเจ้าขึ้นชื่อว่ามีสามีคนที่สามอีกหรือไง "
" เจ้าพูดอะไรของเจ้า "
" ข้าก็พูดในสิ่งที่เจ้าและฮูหยินก็รู้ดีนะสิ ข้าสืบมาหมดแล้วก่อนหน้านี่ ฮูหยินไม่ได้แต่งงานจริงๆ แต่ข้ายังไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ สามีของฮูหยินมีภรรยาและก็เป็นญาติผู้พี่ของฮูหยินด้วย "
" นี่เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จะบอกท่านแม่ทัพสินะ "
" ก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เอาล่ะหานชิงมาแล้ว มาๆดื่มฉลองให้ท่านแม่ทัพล่วงหน้า "
ชินลี่ยิ้มแห้งออกมา ในใจก็อดนึกกังวลไม่ได้ว่าหากท่านแม่ทัพรู้เรื่องแล้วจะทำเช่นไรกับคุณหนูของตน อีกทั้งไม่รู้ว่าจางเหยาสืบรู้เรื่องนี้มากน้อยเพียงใดกัน
ภายในห้องฝูหรงทำแผลให้กับคนตัวโตจนเสร็จเรียบร้อย ก็ถูกดึงให้นั่งลงข้างกัน
" ท่านทำเช่นนี้ทำไมกัน ท่านเป็นบ้าหรืออย่างไร ข้าอุตส่าห์เดินทางมาเพื่อเตือนท่านไม่ให้ถูกลอบสังหาร แต่ดูท่านสิกลับทำร้ายตนเองเช่นนี้เสียได้ "
" ข้าแค่อยากชดใช้ให้เจ้า ในสิ่งที่ข้าเคยพูดไว้ "
" สิ่งที่ท่านเอ่ยไว้มีมากมายข้าจำไม่ได้หรอก แต่ท่านไม่ควรที่จะทำเช่นนี้ "
" เจ้าจำคำพูดที่ข้าเคยเอ่ยกับเจ้าเมื่อครั้งที่เจ้าพึ่งเข้ามาอยู่ในจวนข้าได้หรือไม่ "
ฝูหรงนึกถึงคำพูดของอีกคน เมื่อนึกขึ้นได้ใบหน้าของคนตัวเล็กก็เปลี่ยนสี เป็นสีแดงระเรื่อทันที
" นึกออกแล้วสินะ ที่ข้าเคยบอกกับเจ้าว่า "
" ฝันไปเถอะว่าข้าจะร่วมหอกับหญิงเช่นเจ้า วันใดที่ข้าทำเช่นนั้นข้าจะเอามีดแทงตนเองเสียดีกว่า "
ฟานอวี้เอ่ยออกมาอีกครั้งจนคนที่นั้งอยู่ข้างๆหน้าแดงกว่าเดิม
" ตอนนี้เจ้าเข้าใจสิ่งที่พี่ทำแล้วใช่หรือไม่ จากนี้พี่จะไม่ปล่อยเจ้าไปแล้วนะ พี่ไม่สนใจว่าเจ้าจะเคยแต่งงานหรืออยู่กินกับผู้ใดมาทั้งนั้น แต่จากนี้ไปเจ้าจะต้องอยู่กับพี่เพียงผู้เดียวเท่านนั้น ไม่ใช่แค่ 3 เดือน แต่จะต้องเป็นตลอดชีวิตของเรา "
ฝูหรงมองคนตัวโตจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา มือหนาเกลี่ยน้ำตาคนตัวเล็กออก พร้อมกับเอ่ยบางอย่างออกมา
" พี่ขอโทษนะฝูหรง ขอโทษที่พูดจาไม่ดีกับเจ้า ขอโทษที่พี่ดูหมิ่นเจ้า บาดแผลนี้มันอาจจะชดใช้ไม่หมดกับสิ่งที่พี่เคยทำ แต่พี่อยากให้เจ้าอภัยให้พี่ได้หรือไม่ "
ฝูหรงดีใจจนน้ำตาไหลไม่หยุด ได้แต่พยักหน้าให้กับคนตัวโต ฟานอวี้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด