3

1186 คำ
จนกระทั่งวันนี้ที่เธอเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งของป้าอย่างชัดเจนที่จะบังคับให้เธอกลับบ้าน ท่านถึงขั้นอาศัยว่าตนเองเป็นคนเก่าคนแก่ในบ้านวาคอนซีเลส ได้เอ่ยขอร้องให้มาเรียสซึ่งอยู่ที่แมนฮัตตันพอดีในช่วงนี้และจะต้องกลับบ้านในช่วงคริสมาสต์ช่วยรับเธอให้กลับบ้านไปพร้อมๆ กันด้วยเพราะเธอใช้ข้ออ้างเรื่องไม่มีตั๋วเดินทาง ทำทุกอย่างเพื่อบังคับให้เธอกลับบ้าน จึงทำให้มาเรียสใช้ผู้ช่วยคนสนิทติดต่อเธอมาและสั่งให้เธอมารอเขาในวันนี้... หญิงสาวมองออกไปข้างนอกหน้าต่างกระจกบานกว้างที่เห็นวิวของเซ็นทรัล พาร์คและแม่น้ำที่อยู่ไกลๆ เธอกำมือเข้าหากันแน่นเพื่อระงับอารมณ์ตอนที่ได้ยินเสียงกุกกักเหมือนมีใครสักคนกำลังเปิดประตู ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านตามที่คริสตอฟบอกไว้ก่อนหน้านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ออกมาจากห้องนั้นคือคนที่เธอยังทำใจไม่ได้เลยว่าจะต้องมาเจอเขา “มาแล้วเหรอ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กว่าหกฟุตห้านิ้วในชุดสูทสีเนวี่บลูสุดเนี้ยบพอดีตัว ขับให้เห็นแผ่นอกกว้างและช่วงขายาวก็เดินตรงมาหยุดตรงหน้าเธอ ดวงตาสีฟ้าอมเทาราวกับอัญมณีคู่งามของเขาจ้องมองเธอนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลานั้นประกอบไปด้วยจมูกโด่งเป็นสันสวย โหนกแก้มสูงที่บริเวณปลายคางมีไรเคราขึ้นมาน้อยๆ ส่งให้เขาดูเป็นผู้ชายมากยิ่งขึ้น และริมฝีปากหยักสวยที่มักจะเม้มแน่นเสมอ ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นมาเรียสนั้นส่งให้เขาดูหล่อเหลาบาดใจเสียจนเธอมักจะเผลอกลั้นหายใจทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา “ค่ะ” เจลกาได้แต่ตอบรับเสียงแผ่วเบา รีบเบนสายตาหลุบมองต่ำ และจ้องปลายเท้าของตนเองเขม็งราวกับว่าจะสแกนหาอะไรที่ติดอยู่บนนั้นแต่เธอรู้ดีว่ามันไม่มี “เดี๋ยวอีกสิบนาทีเราต้องออกเดินทางแล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีสบายๆ ขณะยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดูเวลา “คริสตอฟกำลังให้คนโทร.แจ้งนักบินแล้วและกำลังเตรียมรถ” “ค่ะ” คราวนี้เขามองหน้าเธอ ดวงตาสีฟ้าอมเทาที่มักเฉยชามีประกายของความแปลกใจวาบผ่านนิดหน่อย “ไม่เจอกันกี่ปีนะ...สามสี่ปีได้ไหม เธอดูโตขึ้นแต่พูดน้อยลงนะ” “สามปีค่ะ” หญิงสาวตอบคำถามแรกของเขา ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สะกดให้ราบเรียบ ขณะยิ้มน้อยๆ ให้ชายหนุ่ม “แล้วที่พูดน้อยลงเป็นเพราะเจไม่รู้จะตอบอะไรดีค่ะ” เป็นครั้งแรกที่เธอตอบอะไรยาวๆ ต่อหน้าเขา มาเรียสที่ปกติมักจะพูดน้อยอยู่แล้วก็พยักหน้ารับ ก่อนจะชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น แล้วชายหนุ่มก็หมุนตัวไปรับโทรศัพท์นั้นทิ้งให้เธอนั่งอยู่บนโซฟานั้นเพียงลำพัง เขามักเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง จำเธอได้ในฐานะหลานสาวของแม่บ้านคนสนิทมารดาที่ตายจากไป แต่ก็ไม่เคยสนใจเธอมากไปกว่านั้น... ถ้าไม่ใช่เพราะป้าจิตติมาของเธอ เจลการู้ดีแก่ใจว่าเธอนั้นไม่มีทางมีตัวตนสำหรับเขาได้เลย ต่อให้เขาเป็นคนช่วยชีวิตเธอ เขาก็ไม่มีทางจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ด้วยซ้ำ ผิดกับเธอที่ไม่เคยลืมสีหน้าของเขาในวันนั้นได้เลย เหมือนกับสิ่งเหล่านั้นประทับลงไปในวิญญาณของเธอเสียแล้ว... “คุณเจลกา คุณท่านให้มาเชิญคุณไปพร้อมกันได้แล้วครับ” คริสตอฟที่เดินมาหยุดตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ก็เอ่ยขึ้น ผู้ช่วยหนุ่มยิ้มสวยให้เธออีกครั้งพลางเชื้อเชิญอย่างแย้มยิ้มอารมณ์ดี เนื่องจากว่าการกลับบ้านของมาเรียสในเวลานี้นั้นก็ถือเป็นโอกาสที่เขาจะได้มีวันหยุดพักผ่อนไปในตัว หลังจากที่ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาคริสตอฟทำงานข้างกายมาเรียสตลอดเวลาและไม่มีวันพักผ่อนเลย ถึงแม้ว่าบ้านของเจ้าตัวก็อยู่เมืองเดียวกับที่เธอกับมาเรียสกำลังจะกลับไปก็ตาม แต่ คริสตอฟนั้นจะตามไปทีหลัง เพราะวันหยุดของเขาแท้จริงคือวันพรุ่งนี้ต่างหาก “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินตามหลังคริสตอฟที่เดินนำหน้าออกไปจากห้องนี้เพื่อเดินทางไปยังสนามบินที่ตอนนี้เจ็ตส่วนตัวของมาเฟียหนุ่มคงจอดรออยู่ ติ๊ดๆ เสียงข้อความและอาการสั่นของโทรศัพท์มือถือในเสื้อโอเวอร์ โคตของตนเองดังขึ้นทำให้เจลกาล้วงหยิบเอาไอโฟนรุ่นปีที่แล้วของตนเองออกมา จิ้มเข้าสู่โปรแกรมแชทจึงเห็นว่าเป็นคณิสรส่งข้อความมาหาเธอ ‘เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะยะชะนี แล้วอย่าแอบมองหนุ่มหล่อมากล่ะ รักเขาแค่ไหนก็ระงับใจบ้างนะ ตอนอยู่บนเครื่องบินเจ็ตสุดหรูสองต่อสองก็อย่าไปกระโดดปล้ำเขาล่ะ กฎหมายล่วงละเมิดทางเพศแรงอยู่นะยะเธอ แต่อ๊ะ...ระดับคนคนนั้นคงไม่อาศัยกฎหมายหรอก เขาจะต้องหาทางฆ่าเธอให้ตายแน่นอนที่ไปทำให้เขาเสื่อมเสียทางร่างกายอย่างนั้นน่ะ’ ข้อความจิกกัดยาวเหยียดแต่แสดงออกถึงความห่วงใยทำให้คนอ่านเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ถึงจะเข้าใจความห่วงใยนั้นแต่ต้องจิกกัดเธอเบอร์นี้ด้วยเหรอ! เจลกาไม่รอช้า กดพิมพ์ข้อความส่งให้เพื่อนเกย์ปากจัดที่ตอนนี้กำลังสำลักความสุขตายเพราะลางานบินไปนอนอาบแดดที่ฮาวายกับแฟนหนุ่มของตนเองไปแล้วอย่างรวดเร็วทันที ‘นังคินปากเสีย! ขอให้คืนนี้วิลเลี่ยมรอดพ้นมือแก! ขอให้แกสวรรค์ล่ม อด อด อด!’ เธอสาปแช่งกลับไป ไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งข้อความโหยหวนกลับมา ‘กรี๊ด! แกร้ายกาจมากนังชะนี! ฉันขอให้แกแพ้ภัยตัวเอง!’ อีกฝ่ายยังส่งข้อความมายาวเหยียด แต่เจลกาไม่สนใจจะอ่านอีกต่อไป เธอเก็บมันเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทตามเดินระหว่างที่เดินตาม คริสตอฟต้อยๆ จนขึ้นมาบนรถลิมูซีนคันใหญ่ และตรงกันข้ามก็คือมาเรียสที่ยังคงคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่กำลังแล่นไปยังสนามบิน ทว่าหูกลับได้ยินมาเรียสคุยโทรศัพท์อยู่อย่างชัดเจน หญิงสาวแนบหน้ากับกระจกเย็นชืดแม้ภายในรถจะเปิดฮีสเตอร์ก็ตามที ขณะที่หัวใจเหน็บหนาวไม่ต่างจากอากาศภายนอกเพราะว่าตอนนี้มาเรียส วาคอนซีเลสกำลังคุยโทรศัพท์กับแฟนสาวคนล่าสุดของเขาอยู่...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม