Chapter 1
ความหวานติดปาก...
“นู่นไง...พี่ใหญ่มาแล้ว” ดาราเอ่ยบอกมัลลิกา เมื่อเห็นลูกชายคนโตของเธอกำลังเดินเข้ามาในงานการกุศลด้วยท่าทางน่าเกรงขามในมาดนักธุรกิจ ลูกสาวของบรรดาคุณหญิงคุณนายที่มาร่วมงานในคืนนี้ต่างแอบมองคนตัวสูงด้วยความสนใจ เพราะนอกจากใบหน้าที่หล่อเหลาดูดีชวนให้น่าหลงใหลแล้ว เขายังเป็นหนุ่มโสดวัยยี่สิบเจ็ดปีที่มีดีกรีเป็นถึงซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจส่งออกอีกด้วย ที่แต่ละปีเขาสามารถทำผลประกอบการได้กำไรเป็นพันล้าน
“สวัสดีครับคุณน้ามัลลิกา” ไอศูรย์เอ่ยทักทายมัลลิกา หญิงวัยกลางคนผู้ที่เป็นเพื่อนคุณแม่ของเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“สวัสดีจ้ะพี่ใหญ่” มัลลิกาพยักหน้าตอบรับคำทักทายของไอศูรย์ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น และที่มัลลิกาเรียกไอศูรย์ว่า ‘พี่ใหญ่’ เพราะว่าไอศูรย์เป็นลูกชายคนโตของดารา
“เอ๊ะ! น้องมัดไปเข้าห้องน้ำนานจัง...” ดาราเอ่ยถามถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของมัลลิกาด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าลูกสาวของมัลลิกาไปเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ
“นั่นน่ะสิ เดี๋ยวฉันขอตัวไปดูลูกสาวของฉันก่อนนะดารา” มัลลิกาเอ่ยบอกดารา แล้วผละตัวจะเดินออกไปตามลูกสาวของเธอที่ห้องน้ำ
“นั่นไง...น้องมัดเดินมานู่นแล้ว” ดาราพูดบอกมัลลิกาด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นลูกสาวของมัลลิกากำลังเดินเข้ามาภายในงานด้วยท่าทางสวยดูแพงในชุดราตรียาวสีทอง โดยกระโปรงผ่าสูงโชว์ขาเนียนขาว
“...” ไอศูรย์หันไปมองตามคุณแม่ของเขาที่พยักพเยิดใบหน้าไปทางหญิงสาวตัวเล็กหุ่นดีที่คุ้นตา
“...” มัดหมี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหม่า เมื่อเห็นว่ามัลลิกาและดารายืนอยู่กับคนโรคจิตที่รังแกเธอที่สวนหย่อม
“น้องมัดทำไมหน้าซีดจังเลยล่ะลูก” ดาราเอ่ยถามมัดหมี่ที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือดราวกับคนไม่สบาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเห็นมัดหมี่ดีๆ อยู่เลย
แต่ทว่ายังไม่ทันที่มัดหมี่จะได้เอ่ยตอบดารา มัลลิกาผู้เป็นคุณแม่ของหญิงสาวก็ยกมืออังที่หน้าผากมน เพื่อวัดอุณหภูมิไข้ด้วยความเป็นห่วง “น้องมัดไม่สบายหรือเปล่าลูก”
“ปะ...เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร” มัดหมี่ตอบกลับมัลลิกาและดาราด้วยรอยยิ้มหวาน เมื่อเห็นว่าทั้งคู่มีสีหน้ากังวลใจเพราะเป็นห่วงเธอ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก” มัลลิกาเอามือลูบศีรษะทุยเล็กอย่างโล่งใจ ก่อนที่มัลลิกาจะแนะนำไอศูรย์ให้มัดหมี่ได้รู้จัก “น้องมัด นี่พี่ใหญ่ลูกชายคนโตของคุณน้าดารา”
“สวัสดีค่ะพี่ใหญ่” มัดหมี่ยกมือไหว้ตามมารยาท ทั้งที่ภายในใจของเธออยากจะพุ่งตัวเข้าไปฟาดและทุบกลางหลังของคนตัวสูงก็ตามที
“...” ไอศูรย์พยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง และจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“น้องมัด จำพี่ยักษ์ใหญ่ของหนูได้ไหมลูก?” มัลลิกาเอ่ยถามมัดหมี่ เมื่อเห็นว่ามัดหมี่ทำราวกับไม่รู้จักไอศูรย์
“...” มัดหมี่ชะงักนิ่งกับคำถามของมัลลิกา ดวงตากลมโตที่มีขนตาเป็นแพงอนงามสบตากับคนตัวสูงแวบนึง ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานจะก้มหน้างุดลง เมื่อคนตัวสูงเล่นจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา
“น้องจะแต่งงานกับพี่ยักษ์ใหญ่ น้องจองพี่ยักษ์ใหญ่ไว้แล้วนะคะ” ดาราพูดเสริมเติมแต่งด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่ามัดหมี่ก้มหน้างุดราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“พอจะจำพี่เขาได้ไหมลูก?” มัลลิกาเอ่ยถามต่อ เมื่อเห็นมัดหมี่นิ่งเงียบไป
“หนูจำไม่ได้เลยค่ะม้า” มัดหมี่ส่ายหน้าปฏิเสธด้วยรอยยิ้มเจื่อน
“แล้วใหญ่ล่ะลูก จำน้องมัดได้ไหม? น้องตัวเล็กของพี่ยักษ์ใหญ่น่ะ” ดาราเอ่ยถามลูกชายคนโตของเธอบ้าง อีกทั้งใบหน้าของดาราก็ลุ้นไปด้วยว่าทั้งสองจะจำกันได้หรือไม่
“ไม่ครับ” ไอศูรย์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
“สงสัยเรื่องราวมันนานแล้วเธอ เด็กๆ เลยจำกันไม่ได้” มัลลิกาเอ่ยพูดกับดารา
“อาจจะจริงตามที่เธอพูดนั่นแหละ เพราะตอนนั้นน้องมัดก็พึ่งจะสองขวบเอง อีกอย่างเด็กๆ เจอกันแค่ครั้งเดียว” ดาราเออออกับมัลลิกา ก่อนที่จะเดินเข้าไปหามัดหมี่ใกล้ๆ “น้องมัด...”
“คะ...คุณน้าดารา”
“ไปโดนอะไรกัดมาลูก...” ดาราเอ่ยถามมัดหมี่เสียงเบา เพื่อไม่ให้ลูกชายของเธอได้ยินเรื่องของผู้หญิงคุยกัน เมื่อเห็นเนินหน้าอกขาวผ่องเป็นผื่นรอยแดงช้ำเลือดราวกับโดนอะไรกัดมา
“แพ้อะไรหรือเปล่าลูก” มัลลิกายกมือไปลูบรอยแดงเบาๆ
“เอ่อ...คือหนูโดนมดอสูรกัดมาน่ะค่ะ”
“ฮะ! มดอสูร??” มัลลิกาและดาราทำสีหน้าตกใจกับคำพูดของมัดหมี่
“แฮ่ๆ หนูหมายความว่า มดนิสัยไม่ดีน่ะค่ะ นิสัยไม่ดีมากๆ”
“มดนิสัยไม่ดีเหรอลูก...?” ดาราและมัลลิกาก็ยังคงทำสีหน้างุนงงไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามัดหมี่หมายถึงอะไร
“ใช่ค่ะ...มดอสูรที่นิสัยไม่ดีมากๆ ถ้ามดนิสัยดีคงไม่กัดหนูแบบนี้หรอกค่ะ มดตัวนี้นิสัยเสียสุดๆ ค่ะ” มัดหมี่พูดกระแนะกระแหนแล้วเหล่ตามองคนตัวสูงที่ยืนทำหน้าเรียบนิ่ง แต่ทว่าซ่อนความร้ายกาจเอาไว้เหมือนอสูรร้าย
“ฮ่าๆ พูดจาได้น่าเอ็นดูจังเลยลูก” ดาราหัวเราะร่วนกับคำพูดคำจาของมัดหมี่ที่พูดจาได้น่าฟัง โดยที่ดาราไม่รู้ว่าเลยมัดหมี่จงใจพูดประชดลูกชายคนโตของเธอ
“ช่างพูดนะเรา” มัลลิกาเอามือโยกศีรษะมัดหมี่เบาๆ อย่างเอ็นดู
“เออมัลลิกา เห็นเธอบอกกับฉันว่าน้องมัดจะต้องฝึกงานเทอมหน้าแล้วใช่ไหม?”
“อืม...ใช่” มัลลิกาพยักหน้าตอบดารา
“ให้น้องมัดไปฝึกงานกับพี่ใหญ่ไหม? จะได้เรียนรู้งานบริหารไปด้วย” ดาราเสนอความเห็นกับมัลลิกา โดยที่ดาราและมัลลิกาสบตากันอย่างมีเลศนัยแอบแฝง ที่คิดการใหญ่กว่าเรื่องที่ให้มัดหมี่ไปฝึกงานกับไอศูรย์
“เอ่อ...คุณน้าดาราคะ หนูฝึกงานบริษัทที่บ้านดีกว่าค่ะ”
“แต่ม้าเห็นด้วยกับคุณน้าดารานะลูก น้องมัดควรจะไปฝึกงานกับพี่ใหญ่ เพราะพี่ใหญ่เขาเก่งด้านบริหาร น้องมัดจะได้เอาความรู้มาปรับใช้กับบริษัทของเราไงลูก” มัลลิกาเอ่ยกับลูกสาวของเธอ
“ตะ...แต่ว่าหนู...” มัดหมี่เริ่มอึกอัก เพราะไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาปฏิเสธดี เพราะแม่ของเธอไม่ได้แค่บอกกล่าว แต่มันเป็นการบังคับให้เธอต้องทำตามนี้
“พี่ใหญ่สอนงานน้องได้ไหมจ๊ะ ถ้าน้าจะฝากน้องไปฝึกงานกับพี่ใหญ่ ให้น้องไปเป็นเลขาก็ได้” มัลลิกาหันไปเอ่ยถามไอศูรย์อย่างเป็นงานเป็นการ
“ได้ครับ” ไอศูรย์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนที่จะมองคนตัวเล็กที่สีหน้าซีดเผือดมากกว่าเดิม
“ฝากน้องด้วยนะพี่ใหญ่” มัลลิกาเอ่ยฝากฝังลูกสาวของเธอกับไอศูรย์ทันที โดยที่มัลลิกาไม่เอ่ยถามลูกสาวของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ครับ”
“ม้าคะ...แต่หนูไม่...”
“ไม่มีแต่จ้ะ” มัลลิกาและดาราเอ่ยพูดออกมาพร้อมกันราวกับนัดหมายกันเอาไว้
“...” มัดหมี่ได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างหนักใจ เพราะเธอไม่มีสิทธ์ตัดสินใจกับการฝึกงานของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยหวานเบือนหน้าหนีหันไปทางอื่น เมื่อเธอหันไปสบตากับดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธออยู่พอดี...
สองเดือนต่อมา...
ติ่ง! เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกชั้นสูงสุดของตึกบริษัทส่งออก ขาเรียวเล็กก้าวเดินตามฝ่ายบุคคลไปทางฟากฝั่งทางห้องประธานบริษัท BZ และเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของท่านประธานร้าย ใจดวงน้อยของเด็กฝึกงานป้ายแดงก็เต้นโครมครามแทบจะทะลุออกมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง หลังจากที่ได้สัมผัสความร้ายกาจของเขาในงานการกุศลในตอนนั้นจนเธอแทบจะรับมือไม่ไหว
ก๊อก! ก๊อก!
“ขออนุญาตค่ะท่านประธาน” ฝ่ายบุคคลเอ่ยขออนุญาตคนในห้องด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เชิญครับ”
แกร๊ก!
“ท่านประธานคะ เมี่ยงพาน้องฝึกงานมาส่งค่ะ” ฝ่ายบุคคลเอ่ยบอกท่านประธานบริษัทพร้อมกับยื่นแฟ้มประวัติของมัดหมี่ให้เขา เพื่อทำตามขั้นตอนของบริษัท ถึงแม้จะรู้แล้วว่านักศึกษาฝึกงานคนนี้เป็นเด็กฝึกงานเส้นใหญ่ก็ตามที
“งั้น...คุณเมี่ยงลงไปทำงานได้เลยนะ”
“รับทราบค่ะ” ฝ่ายบุคคลพยักหน้าและก้มศีรษะให้ท่านประธานเล็กน้อย ก่อนที่ฝ่ายบุคคลจะเดินออกจากห้อง
ไอศูรย์หยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปล็อกประตูห้องทำงานเสียงดัง กึก! และจากนั้นขาแกร่งก็เดินเข้าไปประชิดเด็กฝึกงานที่ยืนบีบมือตัวเองด้วยท่าทางประหม่า
“ถะ...ถอยไปนะคะ พี่ใหญ่จะทำอะไรหนู” มัดหมี่เอ่ยถามเสียงสั่น พร้อมกับเอามือเล็กดันหน้าท้องแกร่งเอาไว้ เมื่อเขาจงใจเบียดตัวและไล่ต้อนให้เธอไปยืนด้านหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ จากนั้นเขาก็แทรกตัวไปยืนตรงกลางหว่างขาสวย จนสะโพกมนเกยขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ อีกทั้งกระโปรงตัวสั้นยังร่นขึ้นจนเกือบเห็นแพนตี้ตัวจิ๋ว จนมือเล็กต้องดึงรั้งกระโปรงลง แต่ก็ไม่เป็นดั่งใจคิด เมื่อไอศูรย์กักขังเธอเอาไว้แน่นด้วยแขนแกร่งของเขา จนยากจะขยับตัว
“แล้วเราจะทำอะไรกันดีล่ะ?” ไอศูรย์เอาใบหน้าหล่อเหลาไปประชิดใกล้ใบหน้าสวยหวาน จนเหลือช่องว่างเพียงนิดปากหยักได้รูปก็จะสัมผัสที่ริมฝีปากอวบอิ่มอยู่แล้ว
“...” ริมฝีบางอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง เพราะถ้าเธอขยับปากพูด ปากของเธอคงสัมผัสกับปากของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
“ไปกินอะไรมา ปากถึงได้เลอะแบบนี้” ไอศูรย์เอ่ยถามพร้อมกับมองริมฝีปากอวบอิ่มที่น่าลิ้มลองความหวานของมันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ฮะ! อื้อ!” ปากเล็กอ้าปากหวอเพราะหลงกลกับคำถามของเขา จนเปิดโอกาสให้คนตัวสูงประกบจูบและสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวตวัดดูดชิมความหวานในโพรงปากเล็กอย่างหนักหน่วง
จ๊วบ! จ๊วบ!
ตุ้บ! ตุ้บ!
“อ่อย (ปล่อย)...อื้อ!” มือเล็กทุบไปที่หลังแกร่งอย่างแรง
“ความหวานมันติดที่ปากของเธอ ฉันเอาออกให้ละ” เขาตวัดลิ้นเลียขอบปากตัวเองอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะผละตัวออกจากคนตัวเล็ก แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้พนักสูงตามเดิม
“หนูจะฟ้อง คุณน้าดารา!” มัดหมี่มองเขาน้ำตาคลอเบ้า เมื่อโดนเขาจู่โจมขโมยจูบแรกอย่างหนักหน่วงโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว นี่นับว่าเป็นครั้งที่สองที่เขาจู่โจมเธออย่างป่าเถื่อนราวกับโจรปล้นสวาท
“แล้วเธออยากมีเรื่องฟ้องแม่ของฉันมากกว่าเรื่องจูบไหมล่ะ?” คิ้วเข้มเลิกคิ้วขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เจ้ากล แล้วทำท่าจะหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ จนทำให้คนตัวเล็กต้องรีบถอยหลังกรูดไปที่ประตู ดวงตากลมโตตวัดมองค้อนเขาอย่างไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะรีบปลดล็อกประตู แล้วรีบออกไปจากห้องทำงานของเขาทันที...