Chapter 1

1957 คำ
Chapter 1 ความหวานติดปาก... “นู่นไง...พี่ใหญ่มาแล้ว” ดาราเอ่ยบอกมัลลิกา เมื่อเห็นลูกชายคนโตของเธอกำลังเดินเข้ามาในงานการกุศลด้วยท่าทางน่าเกรงขามในมาดนักธุรกิจ ลูกสาวของบรรดาคุณหญิงคุณนายที่มาร่วมงานในคืนนี้ต่างแอบมองคนตัวสูงด้วยความสนใจ เพราะนอกจากใบหน้าที่หล่อเหลาดูดีชวนให้น่าหลงใหลแล้ว เขายังเป็นหนุ่มโสดวัยยี่สิบเจ็ดปีที่มีดีกรีเป็นถึงซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจส่งออกอีกด้วย ที่แต่ละปีเขาสามารถทำผลประกอบการได้กำไรเป็นพันล้าน “สวัสดีครับคุณน้ามัลลิกา” ไอศูรย์เอ่ยทักทายมัลลิกา หญิงวัยกลางคนผู้ที่เป็นเพื่อนคุณแม่ของเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีจ้ะพี่ใหญ่” มัลลิกาพยักหน้าตอบรับคำทักทายของไอศูรย์ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น และที่มัลลิกาเรียกไอศูรย์ว่า ‘พี่ใหญ่’ เพราะว่าไอศูรย์เป็นลูกชายคนโตของดารา “เอ๊ะ! น้องมัดไปเข้าห้องน้ำนานจัง...” ดาราเอ่ยถามถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของมัลลิกาด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าลูกสาวของมัลลิกาไปเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ “นั่นน่ะสิ เดี๋ยวฉันขอตัวไปดูลูกสาวของฉันก่อนนะดารา” มัลลิกาเอ่ยบอกดารา แล้วผละตัวจะเดินออกไปตามลูกสาวของเธอที่ห้องน้ำ “นั่นไง...น้องมัดเดินมานู่นแล้ว” ดาราพูดบอกมัลลิกาด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นลูกสาวของมัลลิกากำลังเดินเข้ามาภายในงานด้วยท่าทางสวยดูแพงในชุดราตรียาวสีทอง โดยกระโปรงผ่าสูงโชว์ขาเนียนขาว “...” ไอศูรย์หันไปมองตามคุณแม่ของเขาที่พยักพเยิดใบหน้าไปทางหญิงสาวตัวเล็กหุ่นดีที่คุ้นตา “...” มัดหมี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหม่า เมื่อเห็นว่ามัลลิกาและดารายืนอยู่กับคนโรคจิตที่รังแกเธอที่สวนหย่อม “น้องมัดทำไมหน้าซีดจังเลยล่ะลูก” ดาราเอ่ยถามมัดหมี่ที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือดราวกับคนไม่สบาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเห็นมัดหมี่ดีๆ อยู่เลย แต่ทว่ายังไม่ทันที่มัดหมี่จะได้เอ่ยตอบดารา มัลลิกาผู้เป็นคุณแม่ของหญิงสาวก็ยกมืออังที่หน้าผากมน เพื่อวัดอุณหภูมิไข้ด้วยความเป็นห่วง “น้องมัดไม่สบายหรือเปล่าลูก” “ปะ...เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร” มัดหมี่ตอบกลับมัลลิกาและดาราด้วยรอยยิ้มหวาน เมื่อเห็นว่าทั้งคู่มีสีหน้ากังวลใจเพราะเป็นห่วงเธอ “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก” มัลลิกาเอามือลูบศีรษะทุยเล็กอย่างโล่งใจ ก่อนที่มัลลิกาจะแนะนำไอศูรย์ให้มัดหมี่ได้รู้จัก “น้องมัด นี่พี่ใหญ่ลูกชายคนโตของคุณน้าดารา” “สวัสดีค่ะพี่ใหญ่” มัดหมี่ยกมือไหว้ตามมารยาท ทั้งที่ภายในใจของเธออยากจะพุ่งตัวเข้าไปฟาดและทุบกลางหลังของคนตัวสูงก็ตามที “...” ไอศูรย์พยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง และจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “น้องมัด จำพี่ยักษ์ใหญ่ของหนูได้ไหมลูก?” มัลลิกาเอ่ยถามมัดหมี่ เมื่อเห็นว่ามัดหมี่ทำราวกับไม่รู้จักไอศูรย์ “...” มัดหมี่ชะงักนิ่งกับคำถามของมัลลิกา ดวงตากลมโตที่มีขนตาเป็นแพงอนงามสบตากับคนตัวสูงแวบนึง ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานจะก้มหน้างุดลง เมื่อคนตัวสูงเล่นจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา “น้องจะแต่งงานกับพี่ยักษ์ใหญ่ น้องจองพี่ยักษ์ใหญ่ไว้แล้วนะคะ” ดาราพูดเสริมเติมแต่งด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่ามัดหมี่ก้มหน้างุดราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “พอจะจำพี่เขาได้ไหมลูก?” มัลลิกาเอ่ยถามต่อ เมื่อเห็นมัดหมี่นิ่งเงียบไป “หนูจำไม่ได้เลยค่ะม้า” มัดหมี่ส่ายหน้าปฏิเสธด้วยรอยยิ้มเจื่อน “แล้วใหญ่ล่ะลูก จำน้องมัดได้ไหม? น้องตัวเล็กของพี่ยักษ์ใหญ่น่ะ” ดาราเอ่ยถามลูกชายคนโตของเธอบ้าง อีกทั้งใบหน้าของดาราก็ลุ้นไปด้วยว่าทั้งสองจะจำกันได้หรือไม่ “ไม่ครับ” ไอศูรย์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงปกติ “สงสัยเรื่องราวมันนานแล้วเธอ เด็กๆ เลยจำกันไม่ได้” มัลลิกาเอ่ยพูดกับดารา “อาจจะจริงตามที่เธอพูดนั่นแหละ เพราะตอนนั้นน้องมัดก็พึ่งจะสองขวบเอง อีกอย่างเด็กๆ เจอกันแค่ครั้งเดียว” ดาราเออออกับมัลลิกา ก่อนที่จะเดินเข้าไปหามัดหมี่ใกล้ๆ “น้องมัด...” “คะ...คุณน้าดารา” “ไปโดนอะไรกัดมาลูก...” ดาราเอ่ยถามมัดหมี่เสียงเบา เพื่อไม่ให้ลูกชายของเธอได้ยินเรื่องของผู้หญิงคุยกัน เมื่อเห็นเนินหน้าอกขาวผ่องเป็นผื่นรอยแดงช้ำเลือดราวกับโดนอะไรกัดมา “แพ้อะไรหรือเปล่าลูก” มัลลิกายกมือไปลูบรอยแดงเบาๆ “เอ่อ...คือหนูโดนมดอสูรกัดมาน่ะค่ะ” “ฮะ! มดอสูร??” มัลลิกาและดาราทำสีหน้าตกใจกับคำพูดของมัดหมี่ “แฮ่ๆ หนูหมายความว่า มดนิสัยไม่ดีน่ะค่ะ นิสัยไม่ดีมากๆ” “มดนิสัยไม่ดีเหรอลูก...?” ดาราและมัลลิกาก็ยังคงทำสีหน้างุนงงไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามัดหมี่หมายถึงอะไร “ใช่ค่ะ...มดอสูรที่นิสัยไม่ดีมากๆ ถ้ามดนิสัยดีคงไม่กัดหนูแบบนี้หรอกค่ะ มดตัวนี้นิสัยเสียสุดๆ ค่ะ” มัดหมี่พูดกระแนะกระแหนแล้วเหล่ตามองคนตัวสูงที่ยืนทำหน้าเรียบนิ่ง แต่ทว่าซ่อนความร้ายกาจเอาไว้เหมือนอสูรร้าย “ฮ่าๆ พูดจาได้น่าเอ็นดูจังเลยลูก” ดาราหัวเราะร่วนกับคำพูดคำจาของมัดหมี่ที่พูดจาได้น่าฟัง โดยที่ดาราไม่รู้ว่าเลยมัดหมี่จงใจพูดประชดลูกชายคนโตของเธอ “ช่างพูดนะเรา” มัลลิกาเอามือโยกศีรษะมัดหมี่เบาๆ อย่างเอ็นดู “เออมัลลิกา เห็นเธอบอกกับฉันว่าน้องมัดจะต้องฝึกงานเทอมหน้าแล้วใช่ไหม?” “อืม...ใช่” มัลลิกาพยักหน้าตอบดารา “ให้น้องมัดไปฝึกงานกับพี่ใหญ่ไหม? จะได้เรียนรู้งานบริหารไปด้วย” ดาราเสนอความเห็นกับมัลลิกา โดยที่ดาราและมัลลิกาสบตากันอย่างมีเลศนัยแอบแฝง ที่คิดการใหญ่กว่าเรื่องที่ให้มัดหมี่ไปฝึกงานกับไอศูรย์ “เอ่อ...คุณน้าดาราคะ หนูฝึกงานบริษัทที่บ้านดีกว่าค่ะ” “แต่ม้าเห็นด้วยกับคุณน้าดารานะลูก น้องมัดควรจะไปฝึกงานกับพี่ใหญ่ เพราะพี่ใหญ่เขาเก่งด้านบริหาร น้องมัดจะได้เอาความรู้มาปรับใช้กับบริษัทของเราไงลูก” มัลลิกาเอ่ยกับลูกสาวของเธอ “ตะ...แต่ว่าหนู...” มัดหมี่เริ่มอึกอัก เพราะไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาปฏิเสธดี เพราะแม่ของเธอไม่ได้แค่บอกกล่าว แต่มันเป็นการบังคับให้เธอต้องทำตามนี้ “พี่ใหญ่สอนงานน้องได้ไหมจ๊ะ ถ้าน้าจะฝากน้องไปฝึกงานกับพี่ใหญ่ ให้น้องไปเป็นเลขาก็ได้” มัลลิกาหันไปเอ่ยถามไอศูรย์อย่างเป็นงานเป็นการ “ได้ครับ” ไอศูรย์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนที่จะมองคนตัวเล็กที่สีหน้าซีดเผือดมากกว่าเดิม “ฝากน้องด้วยนะพี่ใหญ่” มัลลิกาเอ่ยฝากฝังลูกสาวของเธอกับไอศูรย์ทันที โดยที่มัลลิกาไม่เอ่ยถามลูกสาวของเธอเลยแม้แต่น้อย “ครับ” “ม้าคะ...แต่หนูไม่...” “ไม่มีแต่จ้ะ” มัลลิกาและดาราเอ่ยพูดออกมาพร้อมกันราวกับนัดหมายกันเอาไว้ “...” มัดหมี่ได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างหนักใจ เพราะเธอไม่มีสิทธ์ตัดสินใจกับการฝึกงานของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยหวานเบือนหน้าหนีหันไปทางอื่น เมื่อเธอหันไปสบตากับดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธออยู่พอดี... สองเดือนต่อมา... ติ่ง! เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกชั้นสูงสุดของตึกบริษัทส่งออก ขาเรียวเล็กก้าวเดินตามฝ่ายบุคคลไปทางฟากฝั่งทางห้องประธานบริษัท BZ และเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของท่านประธานร้าย ใจดวงน้อยของเด็กฝึกงานป้ายแดงก็เต้นโครมครามแทบจะทะลุออกมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง หลังจากที่ได้สัมผัสความร้ายกาจของเขาในงานการกุศลในตอนนั้นจนเธอแทบจะรับมือไม่ไหว ก๊อก! ก๊อก! “ขออนุญาตค่ะท่านประธาน” ฝ่ายบุคคลเอ่ยขออนุญาตคนในห้องด้วยน้ำเสียงสุภาพ “เชิญครับ” แกร๊ก! “ท่านประธานคะ เมี่ยงพาน้องฝึกงานมาส่งค่ะ” ฝ่ายบุคคลเอ่ยบอกท่านประธานบริษัทพร้อมกับยื่นแฟ้มประวัติของมัดหมี่ให้เขา เพื่อทำตามขั้นตอนของบริษัท ถึงแม้จะรู้แล้วว่านักศึกษาฝึกงานคนนี้เป็นเด็กฝึกงานเส้นใหญ่ก็ตามที “งั้น...คุณเมี่ยงลงไปทำงานได้เลยนะ” “รับทราบค่ะ” ฝ่ายบุคคลพยักหน้าและก้มศีรษะให้ท่านประธานเล็กน้อย ก่อนที่ฝ่ายบุคคลจะเดินออกจากห้อง ไอศูรย์หยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปล็อกประตูห้องทำงานเสียงดัง กึก! และจากนั้นขาแกร่งก็เดินเข้าไปประชิดเด็กฝึกงานที่ยืนบีบมือตัวเองด้วยท่าทางประหม่า “ถะ...ถอยไปนะคะ พี่ใหญ่จะทำอะไรหนู” มัดหมี่เอ่ยถามเสียงสั่น พร้อมกับเอามือเล็กดันหน้าท้องแกร่งเอาไว้ เมื่อเขาจงใจเบียดตัวและไล่ต้อนให้เธอไปยืนด้านหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ จากนั้นเขาก็แทรกตัวไปยืนตรงกลางหว่างขาสวย จนสะโพกมนเกยขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ อีกทั้งกระโปรงตัวสั้นยังร่นขึ้นจนเกือบเห็นแพนตี้ตัวจิ๋ว จนมือเล็กต้องดึงรั้งกระโปรงลง แต่ก็ไม่เป็นดั่งใจคิด เมื่อไอศูรย์กักขังเธอเอาไว้แน่นด้วยแขนแกร่งของเขา จนยากจะขยับตัว “แล้วเราจะทำอะไรกันดีล่ะ?” ไอศูรย์เอาใบหน้าหล่อเหลาไปประชิดใกล้ใบหน้าสวยหวาน จนเหลือช่องว่างเพียงนิดปากหยักได้รูปก็จะสัมผัสที่ริมฝีปากอวบอิ่มอยู่แล้ว “...” ริมฝีบางอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง เพราะถ้าเธอขยับปากพูด ปากของเธอคงสัมผัสกับปากของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น “ไปกินอะไรมา ปากถึงได้เลอะแบบนี้” ไอศูรย์เอ่ยถามพร้อมกับมองริมฝีปากอวบอิ่มที่น่าลิ้มลองความหวานของมันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “ฮะ! อื้อ!” ปากเล็กอ้าปากหวอเพราะหลงกลกับคำถามของเขา จนเปิดโอกาสให้คนตัวสูงประกบจูบและสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวตวัดดูดชิมความหวานในโพรงปากเล็กอย่างหนักหน่วง จ๊วบ! จ๊วบ! ตุ้บ! ตุ้บ! “อ่อย (ปล่อย)...อื้อ!” มือเล็กทุบไปที่หลังแกร่งอย่างแรง “ความหวานมันติดที่ปากของเธอ ฉันเอาออกให้ละ” เขาตวัดลิ้นเลียขอบปากตัวเองอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะผละตัวออกจากคนตัวเล็ก แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้พนักสูงตามเดิม “หนูจะฟ้อง คุณน้าดารา!” มัดหมี่มองเขาน้ำตาคลอเบ้า เมื่อโดนเขาจู่โจมขโมยจูบแรกอย่างหนักหน่วงโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว นี่นับว่าเป็นครั้งที่สองที่เขาจู่โจมเธออย่างป่าเถื่อนราวกับโจรปล้นสวาท “แล้วเธออยากมีเรื่องฟ้องแม่ของฉันมากกว่าเรื่องจูบไหมล่ะ?” คิ้วเข้มเลิกคิ้วขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เจ้ากล แล้วทำท่าจะหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ จนทำให้คนตัวเล็กต้องรีบถอยหลังกรูดไปที่ประตู ดวงตากลมโตตวัดมองค้อนเขาอย่างไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะรีบปลดล็อกประตู แล้วรีบออกไปจากห้องทำงานของเขาทันที...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม