2. ความจริง

1710 คำ
ซูหลันตื่นตระหนกกับการกระทำของแม่ทัพหนุ่ม เพราะไม่มีใครร้องท้วงหรือกล่าวสิ่งใดเลย มีแต่นำทางและเดินตามเสียมากกว่า สาวใช้ก็ถูกแยกตัวออกไปอีกด้าน “นี่ท่านจะพาข้าไปที่ใด” เอ่ยถามเสียงสั่น “ห้องข้า เจ้าต้องอยู่ที่นั่น” คำตอบของเขามันทำให้คนที่ถูกอุ้มอยู่ถึงกับนิ่งไป เพราะไม่เข้าใจการกระทำนี้เลย ดูเหมือนเขาจะแค้นมารดาของเด็กคนนี้มาก ฟังจากคำพูดที่เอ่ยกับคนร้ายเหล่านั้น แต่เหตุไฉนถึงพาตัวนางมาด้วย และสิ่งที่คิดอยู่ในหัวมันก็ทำให้ซูหลันหลุดปากถามทันที “ท่านคิดจะแก้แค้นกับข้ากระนั้นหรือ เพราะท่านแม่ข้าตาย จึงคิดจะมาลงที่ข้าใช่หรือไม่” ถามเขาอย่างตื่นกลัว เพราะซีรีย์ที่เคยดูมาก็เป็นแบบนี้ แก้แค้นพ่อแม่ไม่ได้ก็มาลงที่ลูกแทน คนตัวโตก็คงคิดจะทำแบบนี้เป็นแน่ “หึ! คิดอะไรของเจ้าซูหลัน สตรีผู้นั้นหาใช่มารดาที่แท้จริงของเจ้าไม่ อีกอย่างข้าแค้นนางมิได้แค้นเจ้า จะลงมือกับสตรีที่ข้าพึงใจได้เช่นไรกัน” เอ่ยก่อนจะวางร่างเล็กลงบนโต๊ะกลางห้อง พร้อมกับแทรกตัวเข้าไปยืนกลางหว่างขานาง ทำให้ยามนี้ทั้งคู่ห่างกันเพียงคืบ “พึงใจกระนั้นหรือ ท่านเอ่ยอันใดออกมารู้ตัวหรือไม่” มือขาวยกขึ้นดันอกแกร่ง เพราะมีบางอย่างดุนดันอยู่ที่ขาเรียวของนาง ทำเอาซูหลันตัวสั่นเทาทันที “ข้าชอบเจ้ามานานมิรู้หรือ ข้ามิยอมให้เจ้าไปเป็นของผู้อื่นหรอกซูหลัน” เสียงกระเส่าดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าโน้มเข้ามาหาจนซูหลันรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดลงมา พร้อมกับมือใหญ่ยกขึ้นบีบเค้นเต้าอวบเอาดื้อๆ โดยใช้อีกมือกอดเอวคอดไว้ เพื่อรั้งให้ร่างเล็กขยับเข้ามาหาจนส่วนล่างเขามันดุนดันชนกับเนินเนื้อของนาง “อ๊ะ! อย่านะเจ้าคะ ข้าพึ่งเจอเรื่องน่ากลัวมา ท่านจะทำเช่นนี้มิได้” ตำหนิเขาเสียงเบา “เพราะเหตุนี้ข้าจึงอยากปลอบประโลมเจ้าอย่างไรล่ะ อย่าดื้อนะซูหลัน พี่จะอ่อนโยนกับเจ้า” เอ่ยบอกเสียงกระเส่า มือก็ยกขึ้นรั้งท้ายทอยนาง ก่อนจะแนบริมฝีปากลงละเลียดชิมความนุ่มหยุ่นบนปากอิ่ม ร่างเล็กสั่นสะท้านกับสัมผัสหวานละมุนที่อีกฝ่ายมอบให้ ต่อมาร่างกายก็ร้อนวาบขึ้นมาเมื่อคนตัวโตสอดลิ้นอุ่นเข้าไป ซูหลันพยายามขืนตัวเอาไว้เพราะเกรงจะหลงไปกับสัมผัสของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งดูเหมือนมันจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนนางเริ่มจะทานทนไม่ไหวเผลอตอบกลับอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มได้ใจเบียดกายเข้าหามากขึ้น ทั้งคู่แลกลิ้นใส่กันจนคนน้องแทบจะละลายคาอ้อมแขนเขา จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา จึงทำให้ร่างแกร่งของแม่ทัพหนุ่มหยุดชะงัก ก่อนจะใช้หางตามองไปยังผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตู ซูหลันรีบกระชับผ้าคลุมบนตัว เมื่อเห็นคนแปลกหน้าซึ่งมีรูปร่างพอกันกับแม่ทัพเดินเข้ามา และหยุดลงข้างกายทั้งคู่มองต่ำลงมาที่เนินอกของนางและริมฝีปากอิ่ม “หล่อจัง ทำไมคนยุคโบราณถึงมีแต่คนหล่อๆ เลย” นึกในใจ ก่อนจะมองทั้งคู่สลับกันไปมาตาปริบๆ เพราะหน้าตาละม้ายคล้ายกันมาก “เจ้าไม่บาดเจ็บตรงไหนนะ” เสียงทุ้มของผู้มาใหม่เปล่งออกมา พร้อมกับใช้สายตามองสำรวจทั่วตัว ซูหลันส่ายหัวไปมาแทนการเอ่ยตอบอีกฝ่าย เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร “ไหนบอกว่าจะรอให้น้องยอมรับความรู้สึกเราก่อน เหตุใดถึงลงมือเร็วเช่นนี้” คนมาใหม่เอ่ยขึ้นอีก แต่สายตากลับจ้องไปที่เนินเขาอวบภายใต้อาภรณ์เปียกชื้น ซึ่งมือขาวยกขึ้นปิดเอาไว้ แต่มันก็ไม่อาจบดบังสองเต้าใหญ่ได้ “นางรับรู้แล้วไม่เห็นจำเป็นต้องรอ เจ้ามาก็ดี เริ่มวันนี้เลยแล้วกัน” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยจบก็หันกลับมาหาคนตัวเล็กตรงหน้า ซึ่งนั่งมองเขาทั้งสองตาโต เพราะคำพูดสองแง่เช่นนี้มันสื่อไปในทิศทางที่ซูหลันคิดดีไม่ได้เลย “เดี๋ยวนะ พวกท่านตกลงอะไรกัน มันเกี่ยวกับข้าอย่างไร แล้วท่านคิดจะทำอันใด” นางแผดเสียงใส่ทันที เพราะใบหน้าคมคายของแม่ทัพโน้มลงมาหาอีกครั้ง มือเล็กจึงรีบยกขึ้นดันหน้าผากเขาเอาไว้ “ซูหลันอย่าดื้อ” เสียงทุ้มอ่อนโยนเปล่งออกมา “ดื้อบ้า ดื้อบออะไร พวกท่านนั่นแหละ หยุดการกระทำเลยนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะกัดลิ้นตาย” ตวาดเสียงดังใส่หวังให้เขาหยุด และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เพราะเขาชะงักการกระทำยืนนิ่งมองใบหน้างาม ยิ่งไปกว่านั้นคนน้องมีหยดน้ำตาไหลรินลงมาด้วย คงเพราะตื่นกลัวพวกเขาเป็นแน่ “พี่ขอโทษ จะไม่ทำแล้วอย่าร้องนะเมียจ๋า” แม่ทัพหนุ่มผู้องอาจเอ่ยเสียงเบาอ่อนโยน เขาไม่อยากให้คนน้องกลัว “เราสองคนก็แค่รอวันนี้มานาน จึงมิอาจหักห้ามใจลงได้ เจ้าอย่าร้องเลยนะคนดี” คราวนี้คือเสียงของบุรุษอีกคน “พวกท่านต่างก็คิดจะเอาแต่สิ่งที่ตนต้องการ เหตุใดถึงไม่นึกถึงสตรีที่ท่านบอกว่ามีใจบ้าง ข้าพึ่งสูญเสียทุกอย่างไป เรื่องราวแท้จริงก็ยังไม่รู้ แต่ท่านทั้งสองก็คิดจะรังแกข้าแล้ว เห็นแก่ตัวที่สุด” ถ้อยคำตำหนิร่ายยาวออกมา ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าถอดสี เพราะมันจริงเช่นที่นางเอ่ย สองพี่น้องโผเข้ากอดร่างเล็กเอาไว้ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบประโลม ทำเอาซูหลันยิ่งสับสน เพราะทั้งคู่อ่อนโยนเป็นอย่างมาก คนน้องเดินไปเอาอาภรณ์มาเปลี่ยนให้ คนพี่ก็ไปต้มน้ำขิง เรียกว่ายามนี้นางมีบุรุษรูปงามถึงสองคนคอยเอาใจไม่ห่าง “นี่มันอะไรกัน สองคนนี้ทำไมถึงทำดีกับเธอนักซูหลัน” ความสงสัยเกิดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางกุลีกุจอของทั้งคู่ พอนางเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จก็เดินมานั่งที่โต๊ะกลางห้อง ซึ่งตอนนี้มีอาหารมากมายวางอยู่ พร้อมกับสองหนุ่มและคนสนิทที่พอจะคุ้นหน้าดีของแม่ทัพเว่ย “นั่งลงสิ ทานเสร็จแล้วเจ้าอยากรู้เรื่องใด พี่จะเล่าให้ฟัง” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้น ซูหลันจึงนั่งลงข้างกายบุรุษทั้งสอง นางนั่งลงทานอาหารเงียบๆ จนกระทั่งตะเกียบถูกวางลง อาหารที่เหลือก็ถูกยกออกไป แม่ทัพหนุ่มจึงหันมาหาสตรีตัวน้อย ที่เขาหมายมั่นเอาไว้ว่าจะให้นางเป็นฮูหยิน ตั้งแต่ซูหลันเริ่มแตกเนื้อสาว นางก็เผยความงามออกมาให้เห็น จนบุรุษทั่วทั้งเมืองจับจ้องหมายจะส่งแม่สื่อมาสู่ขอ ดีที่นางเอ่ยปากจะรอคนถูกใจจึงยังไม่ได้ออกเรือน “เอาล่ะ เจ้าอยากรู้เรื่องใดบ้าง” หานว่านกงเอ่ยขึ้น เขาคือบุตรชายคนรองของสกุลหาน เป็นองครักษ์หนุ่มฝีมือดีขององค์รัชทายาท และเป็นที่หมายปองของสตรีในเมือง “ท่านแม่ทำเรื่องใด ผู้คนถึงได้เคียดแค้นเพียงนี้ แล้วสาวใช้ของข้าอยู่ที่ใดกันเจ้าคะ” เอ่ยถามเสียงเบา “สาวใช้เจ้าถูกส่งไปที่เรือนจำแล้ว” เป็นแม่ทัพหนุ่มที่ตอบคำถาม คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที “ไยท่านถึงจับนางไปล่ะ” ถามพร้อมกับหันใบหน้ามาหา คนพี่ก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบ “นางเป็นคนของเสี่ยวมี่ คอยปิดบังเรื่องราวทุกอย่างไม่ให้เจ้ารู้ เพราะเจ้าบอกว่าจำสิ่งใดมิได้” ว่านกงเอ่ย “ยิ่งฟังยิ่งงงเจ้าค่ะ” บอกออกไปอย่างที่คิด บุรุษทั้งสองเผยยิ้มให้คนน้อง ก่อนที่ว่านกงจะเป็นคนเล่าเรื่องต่อ “เสี่ยวมี่เป็นเพียงมารดาเลี้ยงเจ้า สองปีก่อนนางสั่งคนลอบสังหารท่านลุงเฉิน มาสามเดือนก่อนก็ลงมือกับเจ้าจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ยังดีที่ฟื้นขึ้นมา ดีที่เจ้าจำเรื่องทุกอย่างมิได้ ไม่เช่นนั้นคงถูกนางกำจัดไปอีกครั้งแล้ว” “จะ..จริงหรือ เหตุใดนางจึงใจร้ายเพียงนี้” น้ำเสียงนั้นผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าจะมีคนร้ายกาจวางแผนสังหารผู้อื่นเป็นผักปลา มันดูโหดร้ายเกินไป “จากนี้เจ้ามิต้องกังวลอันใดแล้วนะ มีพี่สองคนอยู่ ต่อไปจะดูแลเจ้าอย่างดีมิให้น้อยหน้าผู้ใดเลย” ว่านกงเอ่ยเสียงอ่อนโยน พร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ อีกข้างก็มีแม่ทัพหนุ่มทำไม่ต่างกัน ทำเอาผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลางถึงกับใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา เพราะไม่คิดว่าตนจะโชคดีมีผู้ชายถึงสองคนมาแสดงความรัก “เด็กคนนี้ ช่างมีเสน่ห์เสียจริง มีแต่คนดีๆ มารุมชอบ ไม่น่าด่วนจากไปเลย” คนจากยุคปัจจุบันคิด “ทำไมถึงเงียบไปล่ะ” เว่ยถิงเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน “ท่านทั้งสองไยถึงไม่ให้ข้าเตรียมใจสักนิด คนเราจะอยู่ด้วยกันก็ต้องพูดคุยศึกษากันก่อนสิ ไม่ใช่จู่โจมเช่นนี้ ขอเวลาข้าหน่อยเถอะ” เอ่ยบอกเสียงสั่นพร้อมกับก้มหน้า “ได้สิ แต่เจ้าต้องนอนกับพี่ทั้งสองคนบนเตียงเดียวกัน พี่สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินหากเจ้าไม่เต็มใจ” แม่ทัพหนุ่มยังต่อรอง ทำเอาใบหน้าหวานหันกลับมามองทันที “ตะ ต้องนอนด้วยกันหรือ?” ถามเสียงสั่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม