บท5เหยียบถิ่นภูเก็ต

1315 คำ
ฉลามมีสีหน้าบึ้งตึงระหว่างยืนรอคนมารับ ทันทีที่เท้าของเขาเหยียบลงบนพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ตความอึดอัดภายในจิตใจก็แทบจะระเบิดออกมา ดวงตาคู่คมลอบมองผู้คนภายในบริเวณต่างพากันกระซิบกระซาบเรื่องของเขาไม่หยุด ชายหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา ก่อนจะเห็นรถยนต์กระบะสี่ล้อซึ่งมีสภาพน่าเวทนาเคลื่อนมาจอดอยู่ด้านหน้า ใบหน้าหล่อขาวสะอาดหันมองเพียงนิดก็เมินหน้าหนี เขาลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองที่วางอยู่ไม่ต่ำกว่าสามใบขยับถอยเลี่ยงออกมา ทว่ากลับถูกลุงมีอายุ เจ้าของรถหรี่ตามองไม่หยุด แถมยังยกมือดำคล้ำขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มพร้อมก้าวเท้าเข้ามาหาด้วยความสงสัย “ไอ้บ่าวที่มาจากกรุงเทพหม้าย” (ผู้ชายที่มาจากกรุงเทพไหม) สำเนียงใต้ชัดถ้อยชัดคำเอ่ยถามทำเอาฉลามพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างหวาดระแวง เขามองลุงคนดังกล่าวยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูก่อนจะส่งมาให้เขาคุยต่อ “นายหัวมั่นอีแหรงด้วย” (นายมั่นจะคุยด้วย) แม้จะฟังออกบ้างไม่ออกบ้างทว่าชายหนุ่มก็ยอมรับโทรศัพท์ปุ่มกดที่ตกรุ่นไปมากโขยกขึ้นคุย ชื่อของปลายสายเขาคุ้นหูเพราะเคยได้ยินบิดามารดาพูดถึงให้ฟังก่อนจะมาที่นี่ ไม่ทันจะได้อ้าปากทักทายคู่สนทนาก็พูดรัวเร็ว จับประเด็นได้แค่ให้เขานั่งรถมากับลุงแก่ๆ ตรงหน้าและขึ้นเรือนั่งข้ามฝั่งไปยังเกาะ แค่ได้ฟังก็รับรู้ถึงชีวิตที่สุดแสนจะกันดาร “ผมนึกว่าบ้านลุงมั่นเขาจะอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต” “หม้ายๆ บ้านนายหัวแก่เลี้ยงหอยมุกอยู่ที่เกาะ” (ไม่ๆ บ้านนายเขาเลี้ยงหอยมุกอยู่ที่เกาะ) ฉลามหน้าเริ่มถอดสีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ภายในจิตใจกังวลถึงความลำบากที่ตัวเองจะไปพบเจอ อยู่ห่างไกลแบบนั้นจะมีไฟฟ้าเข้าถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบ “เนือยแล้วหม้าย” (หิวหรือยัง) ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัยหลังคนตรงหน้าพูดประโยคเมื่อครู่ออกมา เขาส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจก็เห็นลุงคนดังกล่าวพยักหน้ารับ “ถ้าไม่เนือยทีก็ค่อยไปกินที่บ้านนายหัวมั่น” (หากยังไม่หิวก็ค่อยไปทานที่บ้านนายมั่น) ไม่ทันจะได้คุยกันรู้เรื่องฉลามก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลุงตรงหน้ายกกระเป๋าของเขาวางลงท้ายรถอย่างไม่เบามือ วางแรงเสียจนใบหน้าหล่อครางในลำคอออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ของในกระเป๋าผมราคาแพงๆ ทั้งนั้นจะเอามาวางด้านหลังแบบนี้ได้ยังไงครับ” “ถ้าไม่ตั้งข้างหลังแล้วอีให้ไปตั้งตรงไหน” (ถ้าไม่วางด้านหลังจะให้เอาไปวางที่ไหน) “ด้านหน้าได้ไหมครับ” ฉลามรีบยกกระเป๋าใบใหญ่ของตัวเองออกมาจากท้ายรถ แอบนิ่วหน้าออกมาหลังเห็นฝุ่นมากมายเกาะติดเต็มไปหมด “แล้วคนอีนั่งพรือถ้าตั้งเป๋าไว้ข้างหน้า” (แล้วคนจะนั่งยังไงถ้าวางกระเป๋าไว้ด้านหน้า) “ถึงยังไงก็เถอะ ผมไม่ยอมวางกระเป๋าไว้ด้านหลังแบบนี้แน่ เสื้อผ้าตัวละเกือบแสน!” “ไอ้บ่าวนี้! ไอไหร่ก็ไม่โร้” (ไอ้บ่าวนี้! อะไรก็ไม่รู้) ‘ลุงรวย’ อุทานออกมาด้วยความหัวเสียกับความเรื่องมากของหนุ่มรุ่นลูก เขายกกระเป๋าขึ้นมาวางซ้อนกันบนที่นั่งข้างคนขับอีกครั้ง “อ้าว วางกระเป๋าแบบนี้แล้วผมจะนั่งตรงไหนลุง” “กูอีโร้ม้าย! เห็นว่าไม่ให้ตั้งเป๋าข้างหลัง” (กูจะรู้ไหม ไหนว่าไม่ให้วางกระเป๋าด้านหลัง) ฉลามสะดุ้งตกใจจนตัวโยนเมื่อลุงแก่ๆ ตรงหน้าตวาดลั่นเสียงดังลั่นอย่างเอาเรื่อง เขายืนชั่งใจพร้อมใช้สายตามองกระเป๋าสลับกับบริเวณท้ายกระบะรถ ลมเย็นๆ กระทบใบหน้าจนเส้นผมที่เซ็ตมาอย่างดีต้องกระเซิงไปตามแรงลม ครั้งหนึ่งของนายแบบคนดังต้องมาตกระกรรมลำบากโดยการนั่งยองๆ เกาะขอบท้ายรถกระบะท่ามกลางแสงร้อนระอุ “ชีวิตกูมันจะรันทดไปถึงไหนวะ!” แค่คิดน้ำตาก็พานจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ มารดาและบิดาผู้บังเกิดเกล้าจะรู้ไหมว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างเขาอยู่ในสภาพที่อนาถาขนาดนี้ พูดไม่ทันขาดคำรถกระบะก็เกิดสั่นขึ้นมาอย่างหนักหลังเปลี่ยนเส้นทางจากถนนคอนกรีตมาเป็นถนนลูกรัง ฝุ่นลอยคละคลุ้งทำเอาฉลามปิดปาก ปิดจมูก พร้อมกับไอจามออกมาไม่หยุด “แค่ก แค่ก เวรจริงๆ เลย!” ระยะทางกว่าสามสิบกิโลทำเอาปอดของชายหนุ่มแทบไม่ทำงาน สภาพของเขาเต็มไปด้วยคราบฝุ่นสีแดงเกาะตามตัว ดวงตาคู่คมเบิกกว้างหลังเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดราคาเกือบห้าหมื่นของตัวเองสกปรกจนไม่เหลือชิ้นดี “ไอ้เหี้ยเอ้ย!” “แขบลงมาได้แล้ว” (รีบลงมาได้แล้ว) ลุงรวยเปิดประตูพร้อมส่ายหน้าไปมากับสภาพของชายหนุ่ม เพิ่งเคยเจอคนแบบนี้เลยก็ว่าได้ ใครมันจะหวงกระเป๋ามากกว่าชีวิตตัวเอง “ไหนเรือครับ” ฉลามที่คาดหวังว่าจะได้นั่งเรือยอชต์ชิลๆ ต้องเอ่ยออกมาหลังเบื้องหน้าเห็นแต่เรือประมงขนาดเล็ก โดยมีชาวบ้านนั่งตกปลาอยู่ท้ายเรือ “เรือนั่นแหละ แขบยกเป๋าขึ้นไปได้แล้ว” (เรือนั่นแหละรีบยกกระเป๋าไปได้แล้ว) “บ้าหรือเปล่าลุง เรือเก่าขนาดนี้มีรูรั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้” “เรือเขาเอาหาปลาทุกวัน มันอีรั่วพรือ” (เรือเขาใช้หาปลาทุกวัน มันจะรั่วได้ไง) ลุงรวยที่เหนื่อยจะเสวนากับหนุ่มรุ่นลูกรีบเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าเดินทางตรงหน้ายกขึ้นเรือประมง เขาเสียเวลามามากโขแล้วหากไปช้ากว่านี้มีหวังมืดค่ำกันพอดี “อย่าให้กระเป๋าผมตกน้ำนะลุง!” ฉลามยกมือขึ้นกอดอกพร้อมเชิดหน้าสั่งคนที่เอื้อมมือออกมายกกระเป๋ามูลค่าสูงของเขาไปเก็บไว้ในเรือ ก่อนจะตะโกนเอ่ยเตือนเสียงดังเมื่อเห็นลุงตรงหน้าวางกระเป๋าเขาอย่างไม่ระมัดระวัง “กระเป๋าผมแพง วางดีๆ หน่อยลุง!” “ไอ้หัวดอนี้!” คนมีอายุตวาดคำด่าพื้นถิ่นออกมาอย่างเหลืออด ทำเอาทุกคนที่นั่งรออยู่ในเรือต่างพากันหัวเราะลั่น มีเพียงคนที่โดนด่ายืนขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเป็นทวีคูณ อะไรคือหัวดอ? “เมื่อกี้ลุงเขาพูดว่าอะไรพี่” ฉลามเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ในเรือซึ่งคาดว่าจะอายุมากกว่าเขาหลายปี ทว่าไม่ทันจะได้คำตอบเจ้าตัวก็ระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความขบขำอีกครั้ง “ไม่มีอะไรหรอก ลุงเขาแค่ด่า” “แล้วด่าว่าอะไร” “ด่าว่าไอ้หัวค*ย” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดหลังโดนไอ้ลุงแก่ๆ มาด่าว่าหัวค*ยซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แถมไอ้คนในเรือก็ต่างพากันหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน ใบหน้าหล่อฉายชัดอารมณ์หงุดหงิดก่อนจะเดินมากระแทกเท้านั่ง “หัวเราะหาแม่พวกมึงเหรอ” สิ้นเสียงนั้นภายในเรือก็ต้องตกอยู่ในความเงียบหลังได้ยินคำด่าทอออกมาจากปากของฉลาม ทำเอาชายหนุ่มหวาดระแวงกับสายตาคมกริบที่มองมาอย่างเอาเรื่อง เขาได้แต่นั่งภาวนาให้ตัวเองเดินทางไปถึงเกาะมุกงามอย่างสวัสดิภาพ โดยไม่ถูกกระทืบตายคาตีนบนเรือไปเสียก่อน . . .
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม