วัณณ์ฎา 1

1354 คำ
ภายในบ้านไม้สองชั้นขนาดไม่ใหญ่มาก มีสองพ่อลูกอาศัยอยู่สองคน ในเวลาที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าทั้งสองก็พูดคุยถึงเรื่องแผนการที่คิดจะทำ “วันนี้แกจะไปบ้านวัณณ์ฎาไหม?” “ไปจ้ะพ่อ” สิ้นเสียงเล็กคนเป็นพ่อก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะช้อนตามองลูกสาวแล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พ่อไม่ได้อยากได้ตำราแล้ว แกไม่ต้องไปเอาตำรามาให้พ่อแล้วก็ได้” ลออ ได้ยินเช่นนั้นก็พูดออกไปด้วยท่าทีมุ่งมั่นอีกทั้งสีหน้าจริงจัง “สู้มาขนาดนี้แล้ว ยังไงหนูก็จะเอาตำรามาให้พ่อให้ได้” เพราะเธอลงทุนทำมาขนาดนี้แล้วจะล้มเลิกง่าย ๆ ก็คงไม่ใช่ ลอง ผู้ซึ่งเป็นพ่อเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะเคยบอกลออหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ยังดื้อรั้นที่จะทำต่อเหมือนเช่นตอนนี้ จึงทำได้เพียงนั่งเป็นห่วงลูกสาว อีกทั้งยังตำหนิตัวเอง หากคราแรกไม่อยากได้ตำราของอีกคน ทุกวันนี้คงไม่รู้สึกแบบนี้ “งั้นตอนเย็นก็รีบกลับบ้าน” “จ้ะ” “แล้วก็ระวังตัวด้วย พวกผู้ชายเห็นนิ่ง ๆ มันไว้ใจไม่ได้” “ท้าเลย! อย่างหนูไม่มีผู้ชายคนไหนได้เจาะไข่แดงง่าย ๆ หรอก” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มพูดด้วยท่าทีมั่น ๆ พร้อมกับสะบัดผม เพราะเชื่อมั่นในตัวเองไม่มีทางหลงคารมคมคายของใครง่าย ๆ แน่นอน นับประสาอะไรแม้กระทั่งชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะฐานะและหน้าตา อีกทั้งยังเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายคน เธอยังไม่สนใจเลย ทั้งที่อยู่ใกล้ชิดเขาทุกวัน... คนเป็นพ่อได้ยินเช่นนั้นก็ทำได้เพียงนั่งฟังเงียบ ๆ จากนั้นทั้งสองก็กินข้าวต่อกระทั่งอิ่ม ลออก็เก็บจานไปล้างคว่ำไว้ในครัว ก่อนจะคว้าปิ่นโตที่ใส่แกงส้มเพื่อเอาไปให้อีกคน จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกแล้วตะโกนบอกพ่อที่นั่งอยู่ชานบ้าน “พ่อ! หนูไปบ้านพี่วัณณ์ก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้หนูเอาตำรามาฝาก” “ระวังตัวด้วย” “จ้า” สิ้นเสียงสดใสลออก็เดินไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ จากนั้นก็ขับมุ่งตรงไปยังบ้านไม้หลังหนึ่งที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน เพื่อเอาตำราที่คนเป็นพ่อเคยอยากได้มาให้ โดยมีสายตาของคนเป็นพ่อมองด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะพูดพึมพำคนเดียว “ไปเอาตำรายังไง ถึงต้องทำกับข้าวไปฝากเขา” รถมอเตอร์ไซค์ออโตแล่นอยู่บนถนนคอนกรีตขนาดเล็ก และผ่านบ้านเรือนของชาวบ้านแต่ละหลัง เพื่อมุ่งไปยังบ้านไม้สองชั้น ร่างเล็กเจ้าของรถคันดังกล่าวขับรถด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ยิ่งเข้าใกล้บ้านอีกคนในหัวก็คิดไม่ตก “เฮ้อ~ วันนี้จะใช้ไม้ไหนทำให้ตาลุงหลงดีนะ” เนื่องจากอ่อยทุกสารพัดวิธีเพื่อให้ได้ตำราสุดหวงของเขา แต่เขาก็ยังไม่สนใจเธอเลย... หลังจากขับรถคู่ใจมาสักพักก็ถึงหน้าบ้านของ วัณณ์ฎา ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้า ซึ่งอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เพียงคนเดียว เนื่องจากปู่แท้ ๆ ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิดบวชเป็นพระไม่สึก ลออสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ จากนั้นก็ไม่รอช้า รีบบิดรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปภายในบ้านของอีกคนทันที เมื่อรถออโตแล่นผ่านรั้วเข้ามาข้างใน ตาคู่สวยก็สะดุดกับรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ภายในบ้าน เธอจึงมองด้วยความสงสัยพร้อมกับพูดพึมพำ “ขนาดมาก่อนพระบิณฑบาต ยังมีคนมาถึงก่อนอีกเหรอวะ” จากนั้นก็เลือกไม่สนใจเพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอที่ต้องมาสนใจ มีเพียงเรื่องเดียวที่ต้องการคือตำราที่พ่อเธออยากได้จากอีกคนเท่านั้น หลังจากเอาขาตั้งรถมอเตอร์ไซค์ลงเรียบร้อย มือเล็กก็รีบคว้าปิ่นโตที่มีแกงส้มแสนอร่อย ที่ทำมาบังหน้าเพราะต้องการผลประโยชน์จากอีกคน ก่อนจะเดินสะบัดก้นไปยังบันไดบ้านด้วยท่าทีอารมณ์ดี อีกฝั่งบนชั้นสองของบ้านหลังดังกล่าว มีร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาคิ้วดกดำรับกับตาคมกริบ กำลังประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้เด็กสาวในหมู่บ้านวัยสิบแปดปี ที่วันนี้มีสอบเข้ามหาวิทยาลัย จึงเดินทางมาเพื่อให้เขาพรมน้ำมนต์และอวยพรให้ ในเวลาที่วัณณ์ฎาจับใบคูณพรมยังศีรษะให้เอย ก็ได้ยินเสียงใสแจ๋วดังมาจากหัวบันไดบ้าน... “ลออคนสวยมาแล้วจ้า” เขาจึงเบี่ยงสายตาไปมอง ก่อนจะเห็นลออเดินถือปิ่นโตขึ้นมาบนบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่พอเห็นเขากำลังพรมน้ำมนต์ให้เอยอยู่ ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที วัณณ์ฎาเห็นเช่นนั้นก็เลือกไม่สนใจ ก่อนจะละสายตาจากลออแล้วพรมน้ำมนต์ให้เอยต่อกระทั่ง... ตึก ตึก! ได้ยินเสียงเดินกระทืบเท้าคล้ายกับไม่พอใจในบางอย่าง ซึ่งไม่ต้องทายเขาก็รู้ว่าเหตุมาจากอะไร วัณณ์ฎาจึงหันไปมองลอออีกครั้ง ก่อนจะเห็นเธอเดินดุ่ม ๆ จนแทบจะเหยียบหัวอรแม่ของเอย มานั่งลงที่โต๊ะไม้สักด้านข้างตน ก่อนจะได้ยินอรพูดขึ้น... “มึงไม่เหยียบหัวกูเลยละอีลออ” “น้าอรให้ฉันเหยียบไหมละจ๊ะ” ลออเถียงกลับไปทันควันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะคนอย่างเธอไม่ยอมใครอยู่แล้ว พอหญิงสาวรุ่นราวคราวแม่ได้ยินเช่นนั้น ก็กัดฟันดังกรอดด้วยความโกรธกรุ่นก่อนจะด่ากราดหญิงสาวรุ่นลูก “อีนี่เถียงคำไม่ตกฟาก พ่อมึงไม่เคยสั่งสอนมารยาทหรือไง” “สอนจ้ะ สอนดีด้วยแต่ฉันไม่จำ” ลออพูดลอยหน้าลอยตาโดยไม่รู้สึกผิด เพราะเธอไม่ชอบอรที่พยายามเอาลูกสาวมาถวายให้อีกคน ไม่ใช่ว่าหึงหวงแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่อยากมีคู่แข่งเพิ่มให้เหนื่อยก็เท่านั้น ฝั่งวัณณ์ฎาเมื่อได้ยินลออเถียงอรไม่ตกฟาก เขาจึงกระแอมเสียงเพื่อให้เธอรู้ตัว พอร่างเล็กหันมอง จึงส่งสายตาคาดโทษกับกิริยามารยาทที่เธอแสดงออกมาเมื่อครู่ ซึ่งดูไม่น่ารักเอาซะเลย แต่ถึงแม้เขาจะไม่พอใจในการกระทำของเธอ ทว่าก็ไม่ได้พูดดุด่าหรือสั่งสอนเธอต่อหน้าคนอื่น... ส่วนลออพอเห็นวัณณ์ฎามองเธอด้วยสายตาดุ ๆ จึงส่งยิ้มให้ แล้วสไลด์ตัวนั่งลงยังพื้นข้างโต๊ะไม้สัก วัณณ์ฎาจึงเลือกไม่สนใจก่อนจะวางใบคูณลงยังขันสีทอง จากนั้นก็หันไปพูดกับเอยที่นั่งมองเขาอยู่ “ขอให้สอบติดนะ” “ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ” ทางด้านลออขมุบขมิบปากพูดล้อเลียนเอย ขณะนั่งกอดอกมองรุ่นน้องสาวที่ตอบอีกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตามองเขาไม่ละไปไหน “งั้นหนูไปสอบก่อนนะคะ” “ไปสักทีเถอะ มัวแต่ร่ำไรอยู่นั่นแหละ” ลออพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกับกลอกตามองบน เมื่อสองแม่ลูกไม่ยอมกลับไปสักที โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เธอเอ่ยออกมาเมื่อครู่ไม่ได้มีแค่เอยที่ได้ยิน ทว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนโต๊ะไม้สักก็ได้ยินเต็มสองรูหู แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเพราะเอาแต่นั่งมองรุ่นน้องในหมู่บ้านเขม็ง... หลังจากสองแม่ลูกกลับไปแล้ว ทำให้บนชั้นสองของตัวบ้านมีเพียงเขากับเธอเท่านั้น ลออจึงยกยิ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะเริ่มแผนการอ่อยอีกคนเชิงธุรกิจเพื่อให้เขาหลงแล้วยกตำราให้...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม