หนึ่งเดือนต่อมา
บรรยากาศในงานแต่งที่ถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรู ซึ่งแขกนั้นมีเพียงพ่อและแม่ของทั้งสองฝ่ายและเพื่อนสนิทของบ่าวสาวเท่านั้น เป็นงานแต่งที่เรียบง่ายและทุกอย่างดำเนินการอย่างรวดเร็ว
เจ้าบ่าวที่แต่งตัวหล่อในชุดสูทเดินควงคู่กับเจ้าสาวทั้งคู่ดูสวยหล่อเหมาะสมกันมาก ใบหน้าของเจ้าสาวแม้วันนี้เธอจะดูสวยสง่าออร่าเปล่งประกายมากแค่ไหน แต่ไร้รอยยิ้มบนใบหน้าซึ่งแตกต่างจากหมอเวย์ที่ยิ้มและดูมีความสุขมาก ทำให้เพื่อนสนิทอย่างทิชาต้องคอยเตือนเจ้าสาว
“แกยิ้มบ้างสิ สามีแกลูกชายท่านรองนายกเป็นหมออนาคตไกล เขาหล่อมากที่สำคัญรวยมากด้วยต้องดีใจสิถึงจะถูก”
“แล้วไง ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับเขาเลยสักนิด ถ้าไม่ติดที่ต้องใช้หนี้ไม่มีวันฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบชีวิตใหม่กำลังจะเริ่มต้น แม้จะมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นแต่ก็ต้องมาติดแหงกกับเค้า”
“เอาน่า....แกจะใช้ชีวิตโลดโผนปีนเขาเดินป่าอะไรก็ทำได้แล้วหลังจากนี้ ฉันจะไปเป็นเพื่อน แต่ว่าตอนนี้มีผัวก็ต้องอยู่ในโอวาทบ้างดิประมาณว่าขออนุญาตผู้ปกครอง คิดเสียว่ามีพ่อเพิ่มอีกคน คิ! คิ!”
“หมดกันชีวิตอิสระที่ฉันฝัน ทิชาฉันอยากทำอะไรตั้งมากมายอยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นบ้าง”
“เอาน่า...คุณหมอคงไม่ขังแกไว้เหมือนนกน้อยในกรงทองหรอก เขาดูเป็นคนใจดีจะตาย”
“ร้ายกาจสิไม่ว่า ฉันคิดว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงถึงเลือกฉันแต่งงานเป็นไม้กันหมา” เจ้าสาวป้ายแดงกระซิบกระซาบเพื่อนรักด้วยเสียงเบา เมื่อทั้งคู่เหลือบไปเห็นหมอเวย์และหมอนุชายืนคุยกันสนิทสนม เนื่องจากเธอไปสืบประวัติเขามา พบว่าทั้งคู่ตัวติดกันตลอดและหมอเวย์เองก็ไม่เคยคบผู้หญิงที่ไหนเป็นแฟน
“พี่หมอหล่อ ๆ เพื่อนเขาคนนั้นน่ะเหรอเห็นว่าเป็นจิตแพทย์ แกคิดว่าทั้งสองคนนั้นแอบคบกัน....”
“ชู่ววว! เบา ๆ ฉันแค่สงสัยน่ะ ถ้าพวกเขาคบกันก็ควรจะบอกครอบครัวไปนะ สมัยนี้แล้วโลกมันเปิดกว้างจะตายไป” ใบหม่อนที่สงสัยกับเหตุผลอะไรหลาย ๆ อย่างยิ่งภาพที่เธอเห็น สองหมอกอดคอหยอกล้อเล่นกันเธอยิ่งมั่นใจว่าเขานั้นไม่ชอบผู้หญิง
ทางด้านหมอเวย์ที่กล่อมพ่อกับแม่จนสำเร็จ แม้จะโดนต่อว่าและไม่พอใจกับเจ้าสาวที่ไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างใบหม่อน ด้วยความรักของพ่อและแม่จึงอนุญาตให้เขาแต่งงาน เพราะอย่างน้อยหมอเวย์ก็ยังคิดที่จะมีครอบครัว เนื่องจากอายุเขาก็เข้าเลขสามและตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนเป็นแฟน และคอยปฏิเสธผู้หญิงทุกคนที่แม่นั้นพามาให้ดูตัว
“หูกระต่ายมึงเบี้ยวไม่หล่อเลย มานี่เดี๋ยวกูจัดให้” หมอนุชาที่คอยใส่ใจจัดความเรียบร้อยให้เพื่อนรัก เพราะในวันนี้เป็นวันสำคัญอยากจะให้หมอเวย์ดูดีที่สุด ซึ่งเป็นจังหวะที่เจ้าสาวและเพื่อนสนิทกำลังมองมาที่เขาทั้งคู่พอดี จนทำให้ใบหม่อนต้องรีบบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดกับทิชาว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง
“เออ ขอบใจ”
“จนได้นะมึงน้องเค้าชื่ออะไรนะ สวยมากเลยว่ะเฮ้ยย...มองมาทางนี้พอดี นี่กะจะมีเมียเป็นจริงเป็นจังเลยไหมมึง”
“ชื่อใบหม่อน สวยจริงแต่ก็ไม่ใช่สายรุ้งอยู่ดี”
“แล้วแต่งกับเธอทำเพื่อ....ไอ้เวย์มึงยังทำใจไม่ได้ตั้งใจจะแต่งน้องเค้ามา เพราะหัวใจในร่างเธอเป็นของสายรุ้งไม่ใจร้ายไปหน่อยรึไงวะ”
“แต่กูไม่ได้เอาเธอมาเป็นเมียจริง ๆ สักหน่อย แค่อยากดูแลหัวใจของรุ้งอีกสี่ปีถ้ากูทำใจได้ก็หย่าคืนอิสระให้ใบหม่อน”
“อาการหนักนะมึง ยึดติดกับเรื่องที่ไม่ควรรุ้งมันไม่ได้รักมึงก็รู้ดีนี่ดันทุรังไปเพื่อ ระวังเถอะจะตกหลุมรักเมียตัวเองจนไม่อยากหย่า”
“เหอะ! ไม่มีทางเด็กนั่นไม่ใช่สเปกกูมึงก็รู้”
“ชิ! กูเห็นมานักต่อนักโบราณเขาว่าไว้น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน นับประสาอะไรพวกมึงอยู่ด้วยกันทุกวันนอนด้วยกันทุกคืนจะไม่รู้สึกอะไรเลย”
“ไม่มีวันกูแค่อยากดูแลหัวใจสายรุ้งเท่านั้น กูไม่แตะต้องยัยเด็กนี่แน่นอน”
“ไอ้สัดเวย์ กูจะคอยดูแล้วเมื่อวันนั้นมาถึงมึงอย่ามาร้องไห้คร่ำครวญหาเมียมึงอย่างหมาบ้าให้กูเห็นเด็ดขาด กูนี่แหละจะยุให้เมียมึงหาผัวใหม่”
“มึงควรกินยาบ้างนะนุ รักษาแต่คนไข้เพ้อเจ้ออยู่ได้ ชิ!”
“เออ มึงแหละควรมาบำบัดตั้งแต่สายรุ้งตายไปมึงเคยนอนหลับสนิทบ้างไหม กูรักษามึงได้นะไอ้เวย์”
“กูไม่ได้ป่วย ไอ้นุอย่ามาเป็นหมอแถวนี้ นู้นไปดูคนไข้มึงที่โรงพยาบาลนู้นไป หลุดออกมาจากห้องจิตเวชไล่จับแทบไม่ทัน”
“บร่ะ! ไอ้นี่ ว่าแต่เพื่อนเจ้าสาวน่ารักว่ะต้องเข้าไปทักทายสักหน่อย”
“อืม เป็นหมอโรคจิตไม่พอยังหน้าหม้อนะมึง แต่เรื่องที่กูขอให้ปิดเรื่องเจ้าสาวไว้เป็นความลับนะกูไม่อยากให้ตอนหย่าใบหม่อนเขาต้องอับอายน่ะ”
“โอเค มึงไม่ได้หย่าหรอกเชื่อกู”
“อื้อ....ไอ้นุ”
ทางด้านหมอน่านน้ำ
หลังจากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและหนีเรื่องราวการตายของหมอสายรุ้ง หมอน่านน้ำเองก็มีอาการป่วยทางใจเขาเป็นโรคเครียดและวิตกกังวล ในทุกคืนภาพที่คุณหมอสาวร้องไห้ผิดหวังในตัวเขาและสาปแช่ง ไม่ให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการและเธอกระโดดตึกเพื่อปลิดชีวิตของเธอ ตามลูกในท้องไปต่อหน้าเขาในวันนั้น
“สายรุ้งอย๊า.......เฮือก!”
ร่างสูงสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาในกลางดึกแม้อากาศจะหนาว แต่เหงื่อที่ผุดไปตามกรอบหน้านั้นก็ซึมออกมาราวกับว่าเขาออกกำลังกายมาอย่างหนัก เพราะการฝันร้ายซ้ำ ๆ จนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นหลอกหลอนเขาทำให้เจ็บป่วยเป็นโรคทางใจจนต้องเข้ารับการบำบัดและรักษา กลายเป็นความลับที่เขาปกปิดอาการไว้ เนื่องจากมีผลกับความน่าเชื่อถือ ภาพลักษณ์ในหน้าที่การงานรวมไปถึงพ่อของเขาอาจจะไม่พอใจ
“ทำไม เธอถึงไม่ยอมเข้าใจอดทนรอพี่ไม่ได้....ขอโทษ....ฮือ ๆ ๆ ” ทุกคืนที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานนอนผวาร้องไห้ไม่เคยลืมเรื่องราวฝังใจนี้ไปได้เลยสักครั้ง สิ่งเดียวที่คุณหมอหนุ่มพึ่งพาได้คือการกินยาที่ช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้น การเรียนและการใช้ชีวิตของหมอน่านน้ำผ่านพ้นไปด้วยความทุกข์ระทม
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr (เสียงโทรศัพท์)
หมอน่าน้ำ : สวัสดีครับพ่อ
พ่อ : อืม แกต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้น
หมอน่านน้ำ : ผมจะพยายามครับพ่อ นี่ก็ดึกมาแล้วพ่อมีอะไรด่วนไหมครับ
พ่อ : อย่าให้ฉันต้องผิดหวังที่ให้โอกาสลูกนอกคอกแบบแก แม้ฉันจะเหลือแกแค่คนเดียวแต่ฉันจะไม่ยอมยกโรงพยาบาลให้ง่าย ๆ พิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าแกเก่งดีได้เท่าพี่สาวแก
หมอน่านน้ำ : พ่อเตรียมห้องทำงานให้ผมได้เลยทันทีที่ผมเรียนจบ และเป็นที่หนึ่งพ่อต้องทำตามสัญญายกโรงพยาบาล H ให้ผมดูแลต่อ ผมจะรีบเรียนให้จบแม่กับพี่น้ำเหนือต้องภูมิใจ
พ่อ : ทำให้ดีอย่างปากแกก็แล้วกันตอนนี้อาการพี่สาวของแกยังทรงตัวอยู่ จำไว้แกเหลือเวลาไม่มากแล้วรีบเรียนให้จบ
หมอน่านน้ำ : พี่รอผมอยู่ผมจะตั้งใจใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าแน่นอนครับพ่อวางใจ
พ่อ : อืม