“น่าเบื่อ”
เคิร์กสบถอย่างเบื่อหน่าย ดวงตาสีเฮเซลนัทกวาดมองไปยังบริเวณสนามหญ้าหน้าคฤหาสน์หลังงามที่ถูกเนรมิตให้เป็นปาร์ตี้ฉลองงานวันเกิดของภัสสร ภรรยาใหม่ของผู้เป็นบิดา อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลนระคนรังเกียจ ความเกลียดชังอัดแน่นอยู่ในอก ยิ่งเห็นสีหน้าระริกระรี้ยามที่ภัสสรควงแขนบิดาของเขาเดินไปทั่วงานความเกลียดชังก็ยิ่งเพิ่มพูน
“ฮึ”
เคิร์กแค่นเสียงขึ้นจมูก ดวงตาคมกริบที่ยังคงมีร่องรอยของความไม่พอใจละสายตาจากภาพที่ทำให้อารมณ์ขุ่น มือหนายกไวน์ในมือขึ้นจิบอีกหนึ่งอึกก่อนจะวงลงบนโต๊ะริมสระ ร่างสูงหมุนตัวจากที่ยืนอยู่ตั้งใจจะกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อหยิบกุญแจรถที่วางเอาไว้บนห้องนอน เพราะคิดว่าตนอดทนอยู่ในงานบ้าบอนี่มาได้ถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มมันมากเกินพอแล้ว
“เดี๋ยวก่อนสิเคิร์ก จะรีบไปไหนล่ะ”
รอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของไคลน์บ่งบอกว่าเจ้าตัวเอ็นดูคนเป็นน้องชายอยู่ไม่น้อย เคิร์กผ่อนลมหายใจยามที่ให้คำตอบคนเป็นพี่ชาย
“พี่ก็รู้ว่าผมไม่อยากอยู่ในงานงี่เง่านี่เท่าไรหรอก อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากมาตั้งแต่แรก”
“โดนพ่อขู่อีกล่ะสิ”
“ก็เหมือนทุกทีนั่นแหละ นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่เค้าเอามาขู่ผมได้”
เคิร์กอดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้ม ส่วนไคลน์นั้นอมยิ้มนิดๆ ตอนที่สั่นศีรษะเบาๆ ดวงตาสีเดียวกันกับเคิร์กยังคงจับจ้องอยู่ที่คนเป็นน้องชาย
“เอาน่า พ่อก็แค่ขู่ไปงั้นแหละ เค้าไม่ทำจริงๆ หรอกน่า”
“ว่าได้ที่ไหนล่ะ พี่ก็รู้ว่ายายภัสสรนั่นกระหายอยากได้คฤหาสน์หลังนี้มากแค่ไหน”
“หวงขนาดนั้นทำไมนายไม่กลับมานอนเฝ้าล่ะ”
“พี่ก็รู้ว่าผมไม่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับผู้หญิงหิวเงินแบบนั้นหรอก แค่โดนบังคับให้มาร่วมงานก็ฝืนใจจะแย่”
“นายนี่นะ”
ไคลน์อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะอีกครั้งคล้ายระอาคำตอบของคนเป็นน้องเต็มทน หากแต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“แล้วพี่สะใภ้เป็นยังไงบ้าง”
“เบ็ตสบายดี” ไคลน์กล่าวถึงเบ็ตตี้ภรรยาหมาดๆ ที่เพิ่งจะจูงมือเข้าประตูวิวาห์ได้ราวๆ สองเดือนเศษ
“แล้วนี่พากันไปฮันนีมูนหรือยัง ถ้าให้ผมเดาคงยังสินะ”
“ใช่ ตอนนี้เบ็ตเค้าสนุกกับการเรียนจัดดอกไม้น่ะฉันเลยไม่อยากเร่งเค้า อยากไปเมื่อไรค่อยพาไป”
“พี่สะใภ้ไม่ว่างหรือพี่ไม่ว่างกันแน่ไคลน์”
“เออน่า ก็ด้วยกันนั่นแหละ”
“ฮึ”
เคิร์กกระตุกยิ้มมุมปาก การได้สนทนากับพี่ชายทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของชายหนุ่มค่อยๆ จางหายไปจนแทบไม่หลงเหลือ
“แล้วนี่ตกลงจะกลับจริงๆ ใช่ไหม”
“ครับ ว่าแต่ผม พี่เองก็ไม่ได้นอนค้างที่นี่ซะหน่อย”
“ฉันมันคนมีเมียก็ต้องกลับไปนอนกับเมียสิ”
“ฮึ”
“อิจฉาก็รีบหาเมียซะสิ ไม่ใช่ควงไปทั่ว”
“ไม่ดีกว่า น่าเบื่อ”
“ให้จริง อย่าให้รู้นะว่าแอบซุกเมียเอาไว้”
“เร็วไปสิบปี” สองพี่น้องยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ “เออนี่ ถ้าพี่สะใภ้ว่างต้นเดือนหน้าไปดูผมแข่งรถที่มอนซาสิ จะได้ถือโอกาสพาพี่สะใภ้ไปฮันนีมูนด้วย”
เคิร์กกล่าวถึงการแข่งขันฟอร์มูลาวันที่เจ้าตัวกำลังจะเดินทางไปแข่งในช่วงต้นเดือนที่จะถึงที่สนามมอนซาซึ่งเป็นสนามที่ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี ชายหนุ่มเป็นนักแข่งรถภายใต้สังกัดทีมเฟอร์รารี่ ซึ่งการแข่งขันฟอร์มูลาวันในแต่ละฤดูกาลจะแข่งทั้งหมดยี่สิบเอ็ดสนาม โดยสนามมอนซาเป็นสนามที่สิบสาม และเคิร์กก็ทำคะแนนสะสมแต่ละสนามได้ดีมาตลอด
และเป็นอีกปีที่เคิร์กมีโอกาสได้แชมป์ค่อนข้างสูง
“ไอเดียดีนี่ ไว้ฉันจะลองชวนเบ็ตดูก่อน”
“โอเค ผมไม่คาดหวังนะ แต่จะเตรียมบัตรวีไอพีไว้ให้ก็แล้วกัน”
“ขอบใจไอ้น้องชาย”
เคิร์กยกยิ้มมุมปากตอนที่ไคลน์ยกมือขึ้นตบไหล่กว้างของตนเบาๆ
“ผมไปดีกว่า อยู่นี่มาเกินชั่วโมง เริ่มหายใจไม่ออกแล้ว”
“จะไม่ไปบอกลาพ่อก่อนเหรอ”
“ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากเข้าใกล้ยายนั่นพี่ก็รู้”
ไคลน์ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมยกยิ้มมุมปากตอนที่มองตามแผ่นหลังกว้างของน้องชายที่ค่อยๆ เดินหายเข้าไปในตัวบ้าน
เคิร์ก คาร์เตอร์ คือชื่อของชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เคิร์กเป็นนักแข่งรถยนต์ทางเรียบในรายการการแข่งขันเอฟวันหรือฟอร์มูล่าวัน และชายหนุ่มก็ได้แชมป์ติดกันถึงสี่สมัยซ้อนและกำลังรอลุ้นว่าเจ้าตัวจะคว้าแชมป์สมัยที่ห้ามาครองได้หรือไม่ภายใต้สังกัดทีมเฟอร์รารี่เช่นเดิม
ขายาวก้าวขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ มุ่งหน้าไปทางปีกซ้ายของตัวตึกซึ่งเป็นห้องนอนของชายหนุ่ม มือหนาจับที่ลูกบิดประตูแล้วผลักเข้าไปด้านใน
ภายในห้องมีเพียงแสงสลัวจากดวงจันทร์ที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา ชายหนุ่มไม่คิดจะเปิดไฟเพราะตั้งใจแค่จะเข้ามาหยิบกุญแจรถที่วางเอาไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง เท้าหนาหยุดลงแล้วเอื้อมมือไปหยิบกุญแจรถ หากแต่ครู่เดียวก็วางลงที่เดิมเพราะนึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา
ระหว่างที่เคิร์กจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ประตูห้องของชายหนุ่มก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างบางของเขมรดา เจ้าของดวงตากลมโตสีดำขลับกวาดมองไปรอบบริเวณห้อง ก่อนจะกดเปิดสวิตช์ไฟตรงฝาผนัง จากนั้นขาเรียวก็ก้าวเข้ามาที่โต๊ะเล็กข้างเตียง
“คุณน้าเอาโทรศัพท์ไว้ตรงไหนนะ”
เขมรดายกมือขึ้นเกี่ยวเส้นผมสีดำยาวสลวยขึ้นทัดใบหูระหว่างที่เจ้าตัวสอดส่ายสายตามองหาโทรศัพท์มือถือ มือเรียวเปิดที่ลิ้นชักหากแต่ไม่พบสิ่งที่ต้องการ หญิงสาวก็ดันปิดไว้ตามเดิม ร่างบางเปลี่ยนเป้าหมายใหม่มุ่งหน้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท้าเล็กขยับไปได้สามก้าวแต่ยังไม่ทันได้ถึงโต๊ะเครื่องแป้งดี เสียงบานประตูเลื่อนดังขึ้น ดวงตาคู่สวยหันไปทางต้นเสียง ดวงตาสีดำขลับเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นเคิร์กก้าวออกมาจากห้องน้ำ ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็มองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ
“คุณเป็นใคร”
“...”
“แล้วเข้ามาห้องผมได้ยังไง”