รณานอนกลิ้งตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนพยายามข่มตาให้หลับแต่สุดท้ายก็หลับไม่ลง เสียงน้ำย่อยในกระเพาะดังออกมาบ่งบอกสาเหตุของการนอนไม่หลับในคืนนี้ ร่างบางเด้งตัวลุกขึ้นนั่งผมเผ้ายุ่งเหยิง คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่หัวเตียงขึ้นมากดดูเวลาซึ่งตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม ร่างบางคลานลงจากเตียงออกมานอกห้องเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาอะไรทานดับความหิว รณามองความว่างเปล่าในตู้เย็นตาละห้อยเพราะนอกจากน้ำเปล่าแล้วในตู้ก็ไม่มีอะไรเลย นึกโทษตัวเองที่สะเพร่าไม่แวะซื้อของกินติดไม้ติดมือมาแช่ไว้รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองชอบหิวกลางดึก
“แล้วจะกินอะไรล่ะ.... ป๋าแมทจะนอนหรือยังนะ” เอ่ยพึมพำออกมา มองประตูห้องของตัวเองอย่างชั่งใจว่าจะไปเคาะประตูห้องพักของแมทธิวดีมั้ย แต่ถ้าเธอไม่เคาะเธอก็จะหิวและถ้าเธอหิวเธอก็จะนอนไม่หลับ ไม่เสียเวลาคิดให้มากความรณาก็เดินออกจากห้องครัวตรงไปยังห้องพักของแมทธิวที่อยู่ข้างๆ ทันที
รณากดกริ่งที่อยู่หน้าห้องไปสองสามครั้งด้วยความเกรงใจเจ้าของห้องไม่รู้ว่าเขาจะนอนหลับไปแล้วหรือยัง ถ้าหลับไปแล้วเธอคงรู้สึกผิดที่มาปลุกเขากลางดึกแบบนี้ ในระหว่างที่รณากำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นั้นประตูห้องที่ปิดสนิทก็เปิดออก
รณามองคนที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีน้ำตาลด้วยหัวใจเต้นรัว ใบหน้าของชายหนุ่มมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปราย ผมที่ถูกจัดแต่งเป็นทรงในช่วงเวลาปกติตอนนี้เปียกลู่ลงตามใบหน้าเนื่องจากเจ้าตัวสระผมทำให้ใบหน้าอ่อนโยนขึ้นจากเดิมไม่น้อย แผงอกกำยำที่มีไรขนอ่อนๆ โผล่ออกมาจากรอยแยกของชุดคลุมทำให้รณาอยากจะยื่นมือจับลูบเล่นเสียเหลือเกินว่ามันจะนุ่มมือหรือไม่
“มีอะไร” เสียงเข้มเอ่ยถามออกมา เมื่อเห็นคนที่ยืนจ้องเขาตาเป็นประกายไม่พูดอะไรออกมาเสียทีและเหมือนเสียงนั้นจะดึงสติของรณาให้กลับมา
“คะ อ๋อ! คือของขวัญหิวค่ะ... ในห้องป๋าแมทมีอะไรกินมั้ยคะ มาม่าก็ได้หรือนมกับขนมปังก็ยังดี” แมทธิวไม่ได้เอ่ยอะไรตอบกลับแต่หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง รณาจึงรีบเดินตามเข้ามาโดยไม่ลืมปิดประตูให้ชายหนุ่ม
“ของขวัญไม่ได้มารบกวนป๋าแมทใช่มั้ยคะ”
“ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังไม่นอน”
“แล้วทำไมเพิ่งอาบน้ำคะ นี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วนะ”
“ทำงานเพิ่งเสร็จ... ห้องผมไม่มีมาม่านะ แต่มีนมกับขนมปัง เดี๋ยวของขวัญนั่งรอที่โซฟาก่อนก็ได้เดี๋ยวผมทำแซนวิสให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ของขวัญพอทำได้ ป๋าแมทไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะ ของขวัญไม่รบกวนแล้ว อ๋อ! แล้วก็เอาผ้าขนหนูออกมาด้วยนะคะเดี๋ยวของขวัญเช็ดผมให้” แมทธิวพยักหน้ารับเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า รณาจึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อจัดการกับความหิวของตัวเอง
แมทธิวออกมาจากห้องอีกครั้งด้วยชุดนอนเสื้อยืดแขนสั้นและกางเกงนอนขายาว ในมือถือผ้าขนหนูติดมาด้วยแต่เขาไม่ได้จะให้รณาเช็ดให้อย่างที่เธอบอก ร่างสูงนั่งลงที่โซฟาและจัดการเช็ดผมเองตัวเอง
“เดี๋ยวของขวัญเช็ดให้ค่ะ” รณาที่เดินถือแก้วนมกับขนมออกมาจากในครัวเมื่อเห็นแมทธิวกำลังขยี้ผมตัวเองอย่างแรงก็เอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไร กินเถอะเดี๋ยวผมทำเอง”
“งั้นป๋าแมทเช็ดรอไปก่อนนะคะ ของขวัญขอกินนมแก้วนี้หมดก่อนแล้วเดี๋ยวของขวัญเช็ดให้” ว่าแล้วรณาก็รีบจัดการนมที่ถืออยู่ในทันทีพร้อมทั้งแซนวิสอีกหนึ่งชิ้นด้วยความเร็ว
“มาค่ะ เดี๋ยวของขวัญทำให้” รณายื่นมือหมายจะดึงผ้าขนหนูที่อยู่ในมือแมทธิวมา แต่ชายหนุ่มกับไม่ยอมปล่อย
“ไม่เป็นไรผมทำเอง”
“อย่าดื้อสิคะ มาค่ะ นั่งเฉยๆ รีบเช็ดให้แห้งจะได้นอนเร็วๆ” ในที่สุดรณาก็แย่งผ้าขนหนูมาจากแมทธิวได้สำเร็จ
คนถูกกล่าวหาว่าดื้อก็จนใจจะเถียงต่อ จึงได้แต่นั่งเฉยๆ ปล่อยให้รณาเช็ดผมตามที่เธอต้องการ
“ขอโทษนะคะ” รณาเอ่ยขึ้นก่อนที่เธอจะเช็ดผมให้แมทธิว เพราะยังไงเธอก็อายุน้อยกว่าเขามากการที่เธอจะทำอะไรบนศีรษะเขาก็ควรจะขอโทษเขาก่อน
แมทธิวไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปอีกนอกจากนั่งตัวตรงหันหน้ามาทางรณาและหลับตาลงให้รณาเช็ดผมให้เงียบๆ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวส่งผลให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นไหวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ กลิ่นสบู่อาบน้ำและโลชั่นที่ติดอยู่บนผิวกายของหญิงสาวส่งกลิ่นหอมโชยเข้ามาในจมูกจนแมทธิวต้องเผลอสูดเข้าไป น้ำหนักมือที่ออกแรงเช็ดผมไม่ได้รุนแรงหรือแผ่วเบาจนไม่รู้สึกอะไรมันกลับพอดีจนเขารู้สึกสบายเหมือนกำลังถูกรณานวดศีรษะคลายความเครียดไปในตัว
รณาเช็ดผมให้แมทธิวอย่างตั้งอกตั้งใจ แอบมองใบหน้าคมของชายหนุ่มเป็นระยะเมื่อเห็นเขายังนั่งหลับตานิ่งก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เช็ดต่อจนผมของชายหนุ่มแห้งแต่ก็ใช่ว่ารณาจะหยุดแต่กลับวางหัวแม่มือลงบนหว่างคิ้วทั้งสองข้าง คนที่หลับตาอยู่ๆก็ลืมตาขึ้นมองด้วยความสงสัยว่ารณาจะทำอะไร รณาส่งยิ้มไปให้เอ่ยบอกออกไป
“เดี๋ยวของขวัญนวดให้ค่ะ” แมทธิวไม่ได้ตอบอะไรหลับตาลงเหมือนเดิม เมื่อเห็นแมทธิวไม่ขัดขืนหรือเอ่ยห้ามรณาก็ออกแรงนวดเบาๆ บริเวณหัวเข้ม นวดเลยมายังขมับทั้งสองข้างลงมายังท้ายทอยด้านหลังและกลับมายังขมับอีกรอบนวดวนอยู่อย่างนั้น
“ป๋าแมทอย่าทำงานดึกมากนะคะ พักผ่อนเยอะๆ มีอย่างที่ไหนห้าทุ่มเพิ่งจะได้อาบน้ำ ห้าทุ่มมันเป็นเวลาเข้านอนแล้วนะคะ อย่าโหมงานหนักมากขนาดนี้สิ ของขวัญเป็นห่วงรู้มั้ยคะ” เอ่ยบอกออกไปพร้อมทั้งขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อจะได้นวดให้ถนัดมากขึ้น คนที่นั่งหลับตาอยู่ถึงกับลืมตาขึ้นมองเจ้าของคำพูดที่บอกว่าเป็นห่วงเขา ทำให้ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ในระยะประชิดพอดิบพอดี
สายตาสองคู่ที่อยู่ใกล้กันแค่ฝ่ามือกั้นจ้องมองกันนิ่งด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ก่อตัวขึ้น บรรยากาศเงียบสงบพร้อมทั้งความเย็นจากเครื่องปรับอากาศรวมทั้งกลิ่นหอมจากร่างกายของกันและกันทำให้คนทั้งคู่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกที่ซ่อนตัวอยู่ลึกๆ ภายใน
กลิ่นหอมจากกายสาวยังโชยเข้ามาในจมูกของแมทธิวไม่จางหาย ริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นเล็กน้อยในตอนนี้ช่างยั่วยวนและเชิญชวนให้เขาเข้าไปสัมผัส สายตาที่ทอดมองมาช่างมีแรงดึงดูดมหาศาลทำให้เขาไม่สามารถละสายตาออกไปจากดวงหน้างามนี้ได้เลย มีแต่จะโน้มใบหน้าลงต่ำตามการเชิญชวนของริมฝีปากอิ่ม
มือที่ค้างอยู่บนเส้นผมดกดำนุ่มมือค่อยๆ ลดลงกลายมาเป็นโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้แทน ส่วนอีกข้างก็เลื่อนลงมาจับบ่าแกร่งเอาไว้ สายตาคมจ้องมองเหมือนมีมนต์สะกดให้เธอจ้องตอบกลับไป ริมฝีปากหยักที่อยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ทำให้รณาอยากสัมผัสอยากลอง
เมื่อทุกสิ่งเป็นใจต่างคนก็ต่างปล่อยตัวให้เป็นไปตามกฎของธรรมชาติที่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ใบหน้าคมโน้มต่ำลงมาเรื่อยๆ ตามแรงโน้มถ่วงของโลกแตะริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มแผ่วเบาขบเม้มริมฝีปากล่างอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล ความนุ่มนิ่มจากสัมผัสในคราแรกทำให้แมทธิวอยากจะสำรวจภายใน มากกว่านี้ว่าจะนุ่มและหวานหรือไม่ ลิ้นเรียวสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่มอย่างเชื่องช้า
สัมผัสแรกที่ได้คือความนุ่ม สัมผัสต่อมาคือความหวานดุจน้ำผึ้งที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน ลิ้นสากละเมียดละไมชิมความหวานที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้นทุกซอกทุกมุมก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ลิ้นเล็ก เกี่ยวรัดเอาไว้อย่างหยอกเย้าอ้อยอิ่งและเอาแต่ใจอยู่ในที
จุมพิตแสนหวานอ่อนโยนที่แมทธิวมอบให้ที่ทำให้รณาหัวหมุนสมองขาวโพลน โอบกอดลำคอแกร่งเอาไว้แน่น หลับตาพริ้มรับจุมพิตจากชายหนุ่ม หูอื้อไม่ได้ยินเสียงใดมีเพียงเสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงของหัวใจที่เต้นแรงไปด้วยความสุขในขณะนี้
แมทธิวชิมความหวานที่ซ่อนอยู่ในโพรงปากนุ่มอย่างไม่รู้เบื่อ ฝ่ามือหนาประคองท้ายทอยเล็กเอาไว้ริมฝีปากหยักลอบยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อรณาพยายามจูบตอบกลับมาอย่างไม่ประสา และความไม่ประสานั้นก็ทำให้อารมณ์บางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ภายในก่อตัวขึ้นมา เกี่ยวตวัดรัดรึงลิ้นเล็กเอาไว้อย่างดูดดื่มและเรียกร้องมากขึ้นจนคนไม่ประสาในเรื่องนี้แทบจะขาดอากาศหายใจลมหายใจติดขัด มือที่จับบ่าเอาไว้ทุบลงไปเบาๆ ที่หน้าอกแกร่งเป็นการบอกอีกคนว่าเขากำลังสูบออกซิเจนในร่างกายของเธอไปเกือบหมด
และเหมือนสติความยั้งคิดที่หายไปจะกลับเข้ามา แมทธิวผละริมฝากออกจากเรียวปากอิ่มนั้นในทันที ต่างคนก็ต่างนั่งหันหน้าไปด้านหน้าด้วยความรู้สึกที่ต่างกันออกไป รณาเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่นหอบหายใจเอาอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุดใบหน้าร้อนวูบวาบไปทั่วหน้าลำคอแห้งผากไม่กล้าหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ ด้วยซ้ำ
แมทธิวผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่ปล่อยตัวเองให้ถลำลึกลงไปมากกว่านี้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมาด้านนอกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ นี่เขาทำอะไรลงไปเนี่ย ขำแบบนั้นกับเธอรณาได้ยังไงทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเขาก็สามารถควบคุมอารมณ์ในส่วนนี้ได้ดี แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้เผลอไผลไปกับอารมณ์นี้ได้
“ผมขอโทษ ผมสัญญาว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก” รณาหันมองแมทธิวในทันทีกับคำพูดที่ได้ยิน ใบหน้าที่ซับสีเรื่องอลงเล็กน้อย ได้ไงอ่ะ! จะไม่ทำแบบเมื่อกี้อีกได้ยังไง ทำได้สิ เธอยังไม่ได้ว่าอะไรเขาสักหน่อยเลยนะที่เธอนั่งเงียบไม่ได้พูดเธอแค่อายเท่านั้น
“ของขวัญยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” อ้อมแอ้มตอบกลับมา
“แต่มันไม่สมควร”
“เราแค่จูบกันเองนะคะยังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยสักหน่อย อีกอย่างไม่นานเราสองคนก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้วแค่จูบกันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ป๋าเเมทอย่าคิดมากไปเลย... ป๋าแมท แต่งงานเสร็จเรามีลูกกันเลยนะคะ ของขวัญอยากมีลูก ป๋าแมทอยากได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชายคะ”
ลูกเหรอ? หัวใจของแมทธิวกระตุกวูบเต้นสะดุดในทันที คำๆ นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในสมองของเขาแม้เเต่น้อย เขาไม่เคยคิดภาพตัวเองมีลูกเลยสักครั้งว่าจะเป็นยังไง วาดภาพตัวเองอุ้มลูกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
“ผมไม่เคยคิดถึงคำนี้เลย อีกอย่างของขวัญก็รู้ว่าเราสองคน...”
“หลังจากเรียนจบเราสองคนจะแต่งงานกันทันทีค่ะ ไม่ว่าใครก็ห้ามของขวัญไม่ได้” รณาเอ่ยตัดบทออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอรู้ว่าแมทธิวจะพูดอะไรต่อจากนั้น เธอไม่อยากได้ยิน เธอไม่อยากฟังเพราะเธอฟังมันจนเบื่อแล้วที่แมทธิวบอกว่า เรื่องของเธอกับเขามันเป็นไปไม่ได้