บทที่6

2699 คำ
ภายในสวนสาธารณะใจกลางเมืองใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขามากมายให้ร่มเงาอยู่บริเวณริมสระน้ำ หญิงสาวที่นั่งอยู่เพียงคนเดียวบนเก้าอี้ตัวยาวกำลังร้องไห้อยู่เงียบๆ ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาไม่ขาดสาย โดยไม่คิดจะเช็ดมันออกคำพูดของคนใจร้ายยังดังกึกก้องเข้ามาในสมองไม่จางหายยิ่งทำให้หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม ใจร้าย...คงไม่มีคำไหนเหมาะสมกับคำๆ นี้อีกแล้ว เขาทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง เขาพูดออกมาได้ยังไงว่าเธองี่เง้า ไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพราะว่าเธอรักเขาทั้งนั้น เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าเธอจะเสียใจแค่ไหนกับคำพูดของเขา รณาพร่ำต่อว่าคนใจร้ายที่เธอวิ่งหนีมาในใจไม่ขาดสาย ขนาดเธอร้องไห้วิ่งหนีออกมาขนาดนี้เขายังไม่คิดจะโทรตามเธอโทรมาง้อเธอสักนิด ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาไม่ขาดสายนั่งทอดอารมณ์ทอดสายตาผ่านม่านน้ำตาออกไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างที่อยู่รอบตัวแม้แต่น้อยไม่สนใจด้วยว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้เธออ่อนแอเกินกว่าจะพบเจอหรือพูดคุยกับใครทั้งนั้นปล่อยให้ทุกอย่างเคลื่อนไหวไปตามกฎของโลกใบนี้ จวบจนเวลาผ่านเนิ่นนานไปหลายชั่วโมงคนที่นั่งร้องไห้ก็เริ่มจะรู้สึกตัวเมื่อแสงแดดที่ส่องสว่างเจิดจ้าเริ่มจะลดแสงลงเรื่อยๆ ร่างบางหันซ้ายแลขวาก็พบเพียงความว่างเปล่าอยู่รอบกาย ภายในสวนสาธารณะเริ่มจะเงียบสงบลงเมื่อผู้คนที่ออกมาเดินเล่นหรือออกกำลังกายเริ่มจะทยอยกลับออกไป ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำรณารีบเช็ดน้ำตาทิ้งไปด้วยความเร็วลุกขึ้นยืนและมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณอีกครั้ง รีบก้าวเดินออกจากตรงนั้นทันที เป้าหมายคือด้านหน้าสวนสาธารณะที่ติดกับถนนสายหลักและยังพอมีผู้คนออกกำลังกายอยู่บ้าง อยากจะเขกศีรษะตัวเองเสียจริงที่ต้องการมุมสงบนั่งร้องเหมือนกับนิยายหรือในละครโดยลืมไปเสียสนิทว่ามุมสงบนั้นคือด้านในสุดของสวน รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อ รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังตามเธอมากอดกระชับกระเป๋าสะพายให้แน่นอีกมือก็จับโทรศัพท์มือถือเอาไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้โทรขอความช่วยเหลือได้ทัน ปี๊ด! ปี๊ด! ปี๊ด! เสียงแตรรถมอเตอร์ไซต์ที่ดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังไม่อาจจะทำให้รณาชะลอฝีเท้าลงได้เลยมีแต่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว หัวใจเต้นระส่ำด้วยความตื่นกลัวใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด “น้องสาว มาเดินอะไรคนเดียวอยู่ตรงนี้” เสียงเอ่ยแซวของชายหนุ่มรูปร่างผอมแขนที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อยืดที่สวมใส่เต็มไปด้วยรอยสักทั้งสองข้าง ทำให้รณายิ่งตื่นกลัวมากขึ้นกว่าเดิมหัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอก รีบสาวเท้าก้าวเดินจนแทบจะเป็นวิ่งไม่ได้เอ่ยตอบชายหนุ่มคนนั้นแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงขี่รถขนาบข้างไม่ยอมห่างพร้อมทั้งส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้สาวสวยในชุดนักศึกษา ยิ่งเห็นอีกคนตื่นกลัวก็ยิ่งได้ใจเอ่ยแซวขึ้นอีกรอบ “ถ้าจะเดินเร็วขนาดนี้ ซ้อนท้ายรถมอไซต์พี่ไปได้นะครับ คนสวย” “ไม่ต้องมายุ่ง” รณาตลาดแว้ดออกไปพร้อมทั้งพยายามปลดล็อกโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครบางคนที่เธอคิดออกเป็นคนแรกด้วยมืออันสั่นเทา นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มขี่รถมาปาดหน้าในทันที รณาหยุดเท้าแทบไม่ทันถอยหลังออกไปตามสัญชาตญาณอย่างระวังตัว “จะโทรหาใครน้องสาว อย่าทำตัวไม่น่ารักหน่อยเลยน่า” ร่างสูงผอมแห้งลงจากรถเดินประชันหน้ากับรณา ค่อยๆ เดินเข้าใกล้รณาอย่างช้าๆ พร้อมทั้งส่งยิ้มน่าเกลียดน่ากลัวมาให้แลบลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมทั้งกวาดสายตามองสำรวจรูปร่างงามสมส่วนตรงหน้ารณาถอยหลังออกไปเรื่อยๆ อย่างระแวดระวังตัวสายตาจ้องมองหน้าผู้ชายตรงหน้าสลับกับมองโทรศัพท์มือถือที่เธอกำลังต่อสายหาแมทธิวด้วยความหวังอยากให้เขารีบรับสายเธอในตอนนี้อย่างอกสั่นขวัญแขวนอยากให้เขามาช่วยเธอให้พ้นจากความน่ากลัวนี้ แมทธิวมองชื่อคนที่โทรเข้ามาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่บนเบาะรถด้านข้างก่อนจะส่ายหน้าไปมายิ้มๆ ไหนบอกว่าจะไม่รักเขา ไหนบอกว่าจะไม่สนใจเขา นี่ยังไม่ทันข้ามวันกลับโทรมาหาเขาแล้วซะงั้นยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงร้องอย่างต่อเนื่องขึ้นมากำลังจะกดรับแต่สัญญาณกลับถูกตัดไป ชายหนุ่มจึงวางมันไว้ที่เดิมโดยไม่คิดจะโทรกลับไปเพราะคิดว่ารณาคงโทรมาต่อว่าเขาเหมือนเคยที่เขาไม่ได้โทรไปง้อเธอ “ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” รณาเอ่ยไล่เสียงสั่นน้ำตาเริ่มคลอรอบดวงตาอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มร่างผอมแห้งย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ ถอยหลังหนีลนลานด้วยความกลัวพยายามกดโทรศัพท์ต่อสายหาแมทธิวอีกครั้งแต่ปลายสายกลับติดต่อไม่ได้ “จะถอยไปไหนล่ะน้องสาว เราไปหาที่เงียบๆ ทำเรื่องสนุกๆ กันดีกว่า อีกอย่างไม่ต้องพยายามโทรให้คนมาช่วยหรอก กว่าคนจะมาช่วยเราก็คงสนุกกันเสร็จแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ” ไม่พูดเปล่ายังยื่นมือหมายจะคว้ามือของรณาเอาไว้แต่รณากลับเบี่ยงตัวหลบทัน “กรี๊ดดดด!!!” ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ วิ่งหนีหลบไปทางอื่นด้วยความเร็วสุดชีวิตเท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้งภาวนาในใจขอให้ใครสักคนก็ได้มาช่วยเธอที แมทธิวมองเบอร์ที่โทรเข้ามาอีกครั้งด้วยความแปลกใจและสงสัยเพราะไม่ใช่เบอร์ของรณาที่โทรเข้ามาอย่างที่คิดไว้แต่กลับเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้า ชายหนุ่มรีบยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์มากดรับสายในทันทียังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปปลายสายก็รีบพูดออกมาด้วยความเร็ว “ไปช่วยของขวัญด้วยค่ะ ของขวัญกำลังอยู่ในอันตราย ตอนนี้ของขวัญอยู่ที่สวนสาธารณะ....” เสียงพูดด้วยความตื่นตกใจและเป็นห่วงของปลายสายทำให้หัวใจของแมทธิวเต้นแรงด้วยความเป็นห่วงครั้นจะถามกลับไปว่าเป็นใครแต่สายกลับถูกตัดไปเสียก่อนพอโทรกับก็เป็นสัญญาณปิดเครื่อง นั่นยิ่งทำให้แมทธิวกระวนกระวายมากยิ่งขึ้น รีบบึ่งรถไปยังสวนสาธารณะที่ว่านั้นด้วยความเร็ว “กรี๊ดดด!!! หลบไปนะไอ้บ้า ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยที “รณาร้องตะโกนเสียงหลงขอความช่วยเหลือเมื่อชายหนุ่มคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ได้ทันโทรศัพท์ที่อยู่ในมือร่วงหล่นลงพื้น ร่างบางดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดแรงพยายามแกะมือของชายหนุ่มที่จับมือเธอเอาไว้ออก แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะนอกจากจะแกะไม่ออกแล้วชายหนุ่มผอมยังออกแรงบีบมากขึ้น สายตาและใบหน้าเต็มไปด้วยความหื่นกาม อารมณ์กระสันในกายพลุ่งพล่านเมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อสาวที่อยู่ตรงหน้า “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องร้องสาวน้อย เก็บเสียงเอาไว้ครางตอนที่เรามีความสุขด้วยกันดีกว่า” รณาน้ำตาไหลพรากตัวสั่นเหมือนลูกนกที่กำลังจะถูกสัตว์ร้ายลากไปกินเป็นอาหาร “ฮื่อๆ ไม่ ไม่ ป๋าแมทช่วยของขวัญด้วย ฮื่อๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย” แม้ความหวังจะมีเพียงน้อยนิดรอบตัวมีแต่ความมืดมิดและเงียบสงบแต่รณาก็ยังหวังให้เจ้าของชื่อที่ตัวเองพูดถึงหรือใครก็ได้มาช่วยชีวิตเธอได้ทัน “คนอะไรยิ่งร้องไห้ยิ่งสวย อยากเห็นจังว่าถ้าไม่มีเสื้อผ้าปกปิดร่างกายจะสวยงามขนาดไหน ฮ่าๆๆ” รณาแทบจะทรุดลงกองที่พื้นแข่งขาอ่อนแรงรู้สึกรังเกียจผู้ชายที่ยืนทำหน้าตาหื่นกามแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตัวเองอยู่ในขนาดนี้เสียเหลือเกิน หันมองซ้ายมองขวาเพื่อหาทางออกให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ และในระหว่างที่รณากำลังคิดหาทางอยู่นั้น ร่างบางถูกกระชากเข้าไปจนแทบจะชิดติดร่างผอมแห้งนั้นรณาจึงใช้แรงทั้งหมดที่มีขืนตัวเองเอาไว้ยกมือข้างที่ว่างขึ้นตบหน้าผู้ชายคนนั้นเต็มแรง เธอขอสู้ตายสู้จนกว่าจะสู้ไม่ได้เธอจะไม่ยอมถูกขยะสังคมคนนี้ย่ำยีเด็ดขาด “นี่มึงกล้าตบหน้ากูเหรอ!!! อีนี่วอนซะแล้ว พูดดีๆ ไม่ชอบใช่มั้ย มึงชอบแบบ ซาดิสเหรอ ได้!!” คนถูกตบหน้าเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโหอารมณ์เกรี้ยวกราดเงื้อมือขึ้ฟาดลงไปบนใบหน้าขาวเต็มแรงจนรณาเซถลาล้มลงไปนั่งที่พื้น ใบหน้าชาไปทั้งแถบรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจความเจ็บที่เกิดขึ้นรีบถดถอยกายหนีไปด้วยความเร็วยันตัวลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต “มึงจะไปไหนอีนี่ ฤทธิ์เยอะจังนะมึง” ตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย รีบวิ่งตามมาคว้าเเขนรณาเอาไว้ได้ทันั “กรี๊ดด!!! ปล่อยฉัน ปล่อย!!” กรีดร้องออกมาสุดเสียงทั้งตกใจทั้งกลัวพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิตแต่ยิ่งดิ้นตัวเองก็ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น “ปล่อยให้มึงไปตามตำรวจมาลากกูเข้าคุกเหรออีบ้า มานี่!! ตามกูมาอย่าฤทธิ์เยอะถ้าไม่อยากถูกฆ่าตาย” ไม่พูดเปล่ายังฉุดกระชากลากถูกรณาให้เดินเข้ไปยังด้านข้างที่มีต้นไม้ใหญ่ รณาส่ายหน้ารัวๆ ขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินไปตามเเรงกระชาก “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที ฮื่อๆ” ทั้งร้องตะโกนขอความช่วยเหลือทั้งพยายามแกะมือสากนั้นออก แต่ก็ไม่เป็นผลหญิงสาวยังถูกฉุดกระชากเข้าไปอย่างไม่ปรานี “ร้องไห้ตายก็ไม่มีคนมาช่วยมึงหรอก” คำขู่ที่ดังขึ้นมายิ่งทำให้รณาหัวใจแทบหยุดเต้น มองไปรอบกายก็มืดมิดไม่มีใครสักคนหรือรถสักคันที่ขับผ่านเข้ามาในนี้ เมื่อความหวังที่จะมีคนได้ยินแทบจะเป็นศูนย์รณาก็ขอสู้อีกสักครั้งพยายามยื้อตัวเองไว้ไปเดินตามเเรงกระชาก โน้มตัวไปข้างหน้าและออกแรงดึงมือชายหนุ่มที่จับมือเธอไว้ขึ้นมาก่อนจะก้มลงไปกัดมือนั้นเต็มแรงจนชายคนนั้นถึงกับหยุดชะงักและสะบัดมือออกด้วยความเจ็บ “โอ้ยยยย!!! อีนี่ ฤทธิ์เยอะจังนะมึง” ร้องออกมาด้วยความเจ็บ สะบัดมือออกและฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของรณาอีกครั้ง ร่างบางเซถลาล้มลงที่พื้น ชายหนุ่มจึงใช้โอกาสนี้ ผลักรณาให้นอนลงกับพื้นหญ้าขึ้นคร่อมร่างบางเอาไว้จับข้อมือทั้งสองข้างตรึงไว้กับพื้น “กรี๊ดด!! ปล่อย ปล่อยฉัน กรี๊ด!! ช่วยด้วย ฮื่อๆ ช่วยด้วย ป๋าเเมทช่วยของขวัญด้วย กรี๊ด!!!” แม้ความหวังจะมืดมิดริบหรี่เต็มทนแต่รณาก็ยังคงร้องขอความช่วยเหลือพร้อมทั้งดิ้นหนีไม่ยอมหยุด รณาเบื่ยงหน้าหลบหลับด้วยความกลัวเเละขยะเเขยงผู้ชายคนนี้ท่ีกำลังก้มใบหน้าหื่นกามลงมาหาเธอเรื่อยๆ น้ำตาไหลพรากอาบแก้มลงมาอย่างคนสิ้นหวังเเละกลัวสุดชีวิตได้เเต่ภาวนาในใจขอให้เเมทธิวมาช่วยเธอให้รอดพ้นจากคนชั่วคนนี้ด้วยเถิด ภาพของหญิงสาวที่ต่อสู้กับผู้ชายและร้องขอให้คนมาช่วยอยู่ในสายตาของใครบางคนที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท้ากำลังจะก้าวออกไปช่วยหญิงสาวแต่ก็ต้องชะงักไว้เมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงผ่านหน้าไปพร้อมทั้งเสียงแตรที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณ ตามด้วยร่างสูงของเจ้าของรถที่วิ่งลงมาจากรถตรงไปช่วยหญิงสาว คนที่แอบมองดูอยู่ถึงกับอย่างหัวเสียที่มีคนมาขัดจังหวะพลันหางตาก็เห็นเงาอะไรบางอย่างวิ่งหนีไปอีกทางร่างสูงจึงรีบสาวเท้าไปในทันที “เฮี้ยเอ้ย!!” สบถออกมาเสียงดังกระชากผู้ชายที่กำลังขึ้นคร่อมรณาออก ยกเท้าเตะเสยเข้าที่ปลายคางของผู้ชายคนนั้นเต็มแรงจนกระเด็นไปด้านหลัง "ของขวัญ!! " เเมทธิวรีบพยุงรณาลุกขึ้น เเละทันทีที่เห็นเเมทธิวอยู่ตรงหน้ารณาก็โผลเข้ากอดชายหนุ่มเอาไว้เเน่น “ป๋าแมท!! ฮื่อ...ช่วยของขวัญด้วย ฮื่อๆ” แมทธิวโอบกอดร่างบางที่สั่นเทาด้วยความกลัวเอาไว้แน่นเสียงสะอื้นไห้ของรณาบีบหัวใจของเเมทธิวให้เจ็บมากขึ้น ยิ่งเห็นสภาพของหญิงสาวใบหน้าก็ปรากฏสันนูนของกรามที่ขบกันแน่นด้วยความโมโห สายตาคมดุจเหี่ยวจ้องมองคนที่กำลังตะเกียกตะกายหนีอย่างเอาเรื่อง "ไม่เป็นไรนะผมอยู่ตรงนี้เเล้ว ลุกไหวมั้ยไปรอผมที่รถนะ” พูดพร้อมกับพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นยืน และยืนมองจนกว่ารณาเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย แแมทธิวจึงหันมาสนใจผู้ชายอีกคนที่กล้าทำร้ายรณา ร่างสูงเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นอย่างเชื่องช้า มองหน้าผู้ชายผอมแห้งใบหน้าดำเคล้าเหมือนคนติดยาเสพติดไม่มีผิดเพี้ยนด้วยสายตาวาวโรจน์ลุกโชนด้วยไฟโมโหที่พร้อมจะแผดเผาคนตรงหน้าให้ตายลงตรงนี้ ลมหายใจหอบฟึดฟัดด้วยอารมณ์แรงโกรธที่โถมทวีเข้ามากราบมขบกันแน่นจนเป็นสันนูนมือสองข้างกำเข้าหากันเเน่น “มึงมีอะไรจะพูดมั้ย” เอ่ยถามออกไป อย่างไม่ต้องการคำตอบเท่าไหร่นัก ส่วนคนถูกถามก็ถึงกับหายใจหายคอไม่ออกลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ ขาค่อยๆ ขยับถอยหลังหนีไปทีละนิดอย่างระวังตัว “ระ เรื่องของผัวเมีย มึงอย่ามาแส่” กลั้นใจตอบออกไปเสียงห้วน แม้จะรู้สึกกลัวชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าตัวเองและมีสายตาคมกริบดุจมีดนั้นก็ตาม แมทธิวหรี่ตามองอย่างไม่สบอารมณ์กับคำพูดที่ได้ยิน ผัวเมียอย่างนั้นเหรอกล้าพูดได้เต็มปาก “มึงว่าใครเป็นผัวใครเป็นเมีย ไหนพูดให้กูฟังอีกทีสิ” น้ำเสียงเหี้ยมเอ่ยถามออกไปชัดทุกคำจ้องผู้ชายตรงหน้าแทบจะฉีกเนื้อออกมาเป็นชิ้นๆ จนคนถูกถามกลืนน้ำลายดึงเอือก ถอยหลังหนีไปสองสามก้าวชี้มือไปยังรณาที่อยู่ในรถ “ก็ ก็อีนั่นไงเมียกู” ผว๊ะ!! ตุ๊บ!! สิ้นเสียงของชายหนุ่มแมทธิวก็เตะเสยปลายคางเข้าไปอีกรอบจนคนที่บอกว่าตัวเองคือสามีรณากระเด็นฟุบลงกับพื้น จากนั้นก็จัดการประเคนเท้าใส่อีกรัวๆ ปล่อยโอกาสให้คนที่อ้างตัวเป็นสามีของรณาได้มีโอกาสพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว แม้แต่จะอ้าปากร้องเพราะเจ็บก็ไม่มีโอกาสได้เปิดปากร้องออกมาด้วยซ้ำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม