บทที่ 7
เช้าวันต่อมา...
วันนี้ฉันนัดกับเดเนียลไว้ว่าจะไปรับรถของฉันที่จอดทิ้งไว้ที่ผับของไซเรนเมื่อคืน ซึ่งเดเนียลมันเป็นคนอาสาจะมารับฉันที่คอนโดเอง
ตอนแรกฉันก็ไม่ยอมมันหรอกเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนที่มันจูบหน้าผากของฉันยังติดตาฉันอยู่เลย ฉันเลยไม่อยากเจอหน้ามันเท่าไหร่ ไม่รู้สิมันรู้สึกแปลกๆ ที่โดนผู้ชายคนอื่นนอกจากไซเรนทำแบบนั้น เพราะปกติฉันจะยอมแค่ไซเรนคนเดียวไงที่ได้เข้าใกล้ตัวฉัน ส่วนผู้ชายคนอื่นฉันไม่ยอมให้เข้าใกล้อยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นเรื่องเมื่อคืนจึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับฉันที่ยอมให้เดเนียลทำแบบนั้น อีกอย่างเดเนียลมันก็คะยั้นคะยอจะมารับฉันให้ได้ด้วยนี่สิ ฉันเลยต้องเออออกับมันไป
คิดเสียว่าช่วยลดโลกร้อนละกัน
ติ๊งน่อง ติ๊งน่อง~
ในขณะที่ฉันกำลังนั่งดูรายการทีวีอยู่ที่โซฟาเพื่อรอเดเนียลมารับพลางๆ ก็ได้ยินเสียงคนกดอ๊อดหน้าห้องพอดี ฉันจึงลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายตรงหน้าเตรียมเดินไปเปิดประตู เพราะคิดว่าคนที่มากดอ๊อดหน้าห้องน่าจะเป็นเดเนียลแน่นอนเพราะวันนี้ฉันไม่ได้นัดใครมาที่ห้องนอกจากเดเนียลคนเดียว...
พรึบ!
“มาเร็วกว่าที่คิดอีกน่ะนาย”
“...”
ฉันเปิดประตูค้างไว้แต่ตัวเองก็มัวแต่เลือกรองเท้าอยู่ข้างประตู เลยไม่ได้สังเกตข้างหน้าห้องที่เดเนียลรออยู่ พอหันมาอีกที...
“นาย...” ฉันมองคนตรงหน้าอย่างตกใจที่เห็นเป็นเขายืนเท้าเอวมือข้างเดียวอยู่หน้าประตู แต่กลับไม่ใช่เดเนียลอย่างที่คิดไว้ ใช่ คนที่ยืนอยู่หน้าประตูตอนนี้ไม่ใช่เดเนียลแต่เป็นไซเรนต่างหาก...
“จะออกไปไหน” เขาถามฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมกับขยับเดินเข้ามาใกล้ฉัน ก่อนจะดันตัวฉันให้กลับเข้าในห้อง ตามเดิมส่วนเขาก็เดินตามเข้ามาพร้อมกับใช้เท้าปิดประตูลงอย่างเสียงดัง...
ปัง!!
“ไซเรน” ฉันมองหน้าไซเรนพร้อมกับเรียกชื่อของเขาเสียงเบา บอกเลยฉันไม่ชินกับสายตาดุๆ นิ่งๆ แบบนี้ของไซเรนเท่าไหร่เพราะไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้เห็นไซเรนในโหมดนิ่งแบบนี้ แต่ด้วยความที่ฉันเองก็ไม่อยากให้คนตรงหน้าเห็นว่าฉันกำลังประหม่ากับท่าทางนั้นของเขาก็เลยทำเป็นนิ่งเชิดๆ ใส่เขาไปอย่างมาดมั่นแทน
“นายมีอะไร”
“เมื่อกี้ฉันถามว่าจะไปไหน แล้วเธอนัดใครมาที่ห้อง”
“จะไปไหนมันก็เรื่องของฉันปะ นายมายุ่งอะไรด้วย” ฉันว่าออกไปอย่างขึงขังแต่ดูคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้สิ เขากำลังทำสีหน้าไม่พอใจใส่ฉัน
หึ ทีเมื่อคืนไม่เห็นจะสนใจฉันเลยด้วยซ้ำ
หมับ!
ไซเรนเข้ามากระชากต้นแขนของฉันไปจับไว้จนร่างกายของฉันถลาไปติดกับแผงอกของมันอย่างรุนแรง
ฉันนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดที่ถูกมือหนาของไซเรนบีบไว้
ฉันเจ็บน่ะที่มันบีบแขนฉันไว้แบบนั้น แต่ฉันก็ต้องข่มความเจ็บไว้เพราะไม่อยากแสดงให้ไซเรนเห็นว่ากำลังเจ็บปวดแค่ไหนที่โดนมันบีบแบบนี้
ถึงแม้ว่าในดวงตาของฉันตอนนี้ที่กำลังสบตากับมันจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาก็ตาม
“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันเอวา ฉันถามก็ตอบ”
“....”
“หึ อวดดี!!” ไซเรนพูดพร้อมกับเพิ่มแรงบีบต้นแขนของฉันให้แรงกว่าเดิม แรงจนฉันรู้สึกว่ากระดูกมันจะแตกอยู่แล้ว
“อ๊ะ ฉันเจ็บน่ะ!” สุดท้ายฉันก็ร้องออกมาพร้อมกับพยายามสะบัดแขนออกจากมือของไซเรนเพราะทนความเจ็บปวดที่ได้รับไม่ไหว
แต่ไซเรนไม่ยอมปล่อยแขนฉันง่ายๆไง จนกระทั่งมันเห็นน้ำตาที่ฉันพยายามสะกดกลั้นไว้ไหลลงมา มันถึงยอมปล่อยแขนฉันแต่ก็เปลี่ยนมากอดเอวฉันแทน
แล้วพอฉันหันไปมองที่แขนตัวเองก็อยากเอากระเป๋าฟาดหน้ามันทันที เพราะตอนนี้ที่แขนของฉันมันขึ้นรอยแดงพร้อมกับรอยนิ้วมือของเขา แต่ฉันก็ทำได้แค่เม้มปากเงียบไปเท่านั้น จนเป็นมันเองที่ถามฉันอีกครั้ง
“ที่นี่จะบอกฉันได้รึยังว่าจะไปไหนแล้วเมื่อกี้เธอนัดใครมาที่ห้อง”
“หึ ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย แล้วก็ปล่อยฉันด้วย ฉันรีบ”
Rrrr
ครืดดด ครืดดดดด
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของฉันดังขึ้นในขณะที่ฉันกับไซเรนกำลังยืนจ้องหน้ากันนิ่ง ฉันจึงละสายตาจากมันเพื่อเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะกดรับสาย แต่...
พรึบ!!!
“อ๊ะ ไซเรน คืนโทรศัพท์ฉันมาเดี๋ยวนี้เลยน่ะ” ใช่ ไซเรนมันแย่งโทรศัพท์จากมือฉันไปดูว่าใครโทรมา...
“หึ เดเนียลงั้นเหรอ?” ไซเรนละสายตาจากจอโทรศัพท์ของฉันหันมากระตุกมุมปากใส่ฉันอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบนิ่งแทน พร้อมกับกำโทรศัพท์ในมือแน่น จนฉันกลัวว่ามันจะแตกละเอียดคามือของเขา
“เดี๋ยวนี้เธอกล้ายุ่งกับคนอื่นเหรอว่ะเอวา”
“แล้วทำไมฉันจะยุ่งกับคนอื่นไม่ได้หะ ในเมื่อนายยังยุ่งกับคนอื่นได้เลยไซเรน”
“อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่เมียนายด้วย เพราะฉะนั้นฉันจะยุ่งกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน!”
“เอวา!!”
ตุบ!เพล้ง!!!!
เฮือก! ฉันยืนนิ่งอ้าปากค้างตกใจกับภาพตรงหน้าหลังจากที่ตาบ้าไซเรนมันเขวี้ยงโทรศัพท์ฉันลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้เศษอะไหล่โทรศัพท์ของฉันแตกกระจายเต็มพื้น
พัง! พังหมดแล้วโทรศัพท์ฉัน พังเพราะความโมโหบ้าของมัน
ฉันยังยืนนิ่งไว้อาลัยกับเศษโทรศัพท์ของตัวเองที่พื้นอย่างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนกำมือแน่นด้วยความโมโหที่เห็นสภาพโทรศัพท์ที่รักเป็นแบบนั้น ก่อนที่จะข่มอารมณ์ไว้แล้วเงยหน้าขึ้นไปถามร่างสูงตรงหน้าสีหน้านิ่ง คือข้างนอกนิ่งแต่ข้างในตอนนี้ฉันอยากจะฆ่าไอ้บ้าตรงหน้าให้ตายคามือมาก
“พอใจนายแล้วใช่ไหม ถ้าพอใจแล้วก็ไปให้พ้นหน้าฉันซะ!”
“เธอกล้าไล่ฉันเหรอวะเอวา”
“ไม่ไปใช่ไหม งั้นฉันไปเอง” พอฉันพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไปทันที
หมับ!
แต่ยังไม่ทันได้เดินพ้นหน้าไซเรน แขนของฉันก็ถูกดึงให้กลับมายืนที่เดิมอีกครั้งซะก่อนพร้อมกับที่มันกำลังจะอ้าปากพูดกับฉันแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงอ๊อดหน้าห้องเสียก่อน
ติ๊งน่อง ติ๊งน่อง~
ไซเรนก็เลยจำเป็นต้องปล่อยมือฉันแล้วเดินไปดูเองว่าใครที่มากดอ๊อดแต่หลังจากที่เขารู้ว่าเป็นใครมากดอ๊อดหน้าห้องสีหน้าแววตาของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนจะเอ่ยถามฉันด้วยความขึงโกรธ
“เธอนัดมันมาที่ห้องเลยเหรอว่ะเอวา! หึ กะจะนัดมันมาเอากันที่ห้องใช่ไหมห่ะ!”
เพี้ยะ!! ทันทีที่เขาพูดจบฉันก็ฟาดมือใส่ใบหน้าเขาเต็มแรงจนหน้าหันไปอีกข้าง
“เลว นายอย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเลวเอาไม่เลือกแบบนาย ที่ไม่ว่าใครยอมถ่างขาให้ นายก็เอามันมะ-...อื้อ~” ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ไซเรนก็ดึงใบหน้าของฉันเข้าไปจูบซะก่อนพร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากล่างของฉันอย่างแรง จนฉันรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในปากของตัว แต่ฉันก็ทำได้แค่ร้องประท้วงอยู่ในลำคอเท่านั้นเพราะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ นอกจากใช้มือของตัวเองผลักเขาออก...
พลัก! หลังจากที่ไซเรนผละออกจากปากฉันแล้ว เขาก็ยืนจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ฉันตาโตขึ้นมา...
“ปากดีนักน่ะ งั้นเธอก็โดนฉันเอาจนขาถ่างไปเลยละกันเอวา!”
พรึบ!
“อ๊ะ ไซเรน!!! ปล่อยฉันน่ะ”
ตุบๆ ตุบๆ
“ฉันบอกให้ปล่อยไงไอ้บ้า!!!” ไซเรนจัดการอุ้มฉันขึ้นพาดบ่าทันทีที่เขาพูดจบ แล้วก็เดินไปทางห้องนอนของฉันโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงร้องของฉันรึเสียงกดอ๊อดหน้าห้องที่ยังดังอยู่เลยสักนิด
ตึก ตึก ตึก
พรึบ ตุบ!
“อ๊ะ!” จุก บอกเลยว่าจุกมากเพราะเมื่อกี้ไซเรนมันโยนฉันลงบนเตียงอย่างแรง โดยที่ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด
ฟึบ!
“นะนายจะทำอะไรไซเรน หยุดเดี๋ยวนี้เลยน่ะ” ฉันถึงกับถอยห่างทันทีที่เห็นไซเรนเขายืนแกะกระดุมเสื้อของตัวเองที่ละเม็ดอย่างใจเย็นจนเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องแข็งแรงของเขา
แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองสีหน้าของเขาตอนนี้แล้วมันกลับส่วนทางกับการกระทำอย่างสิ้นเชิง เพราะใบหน้าที่เขาแสดงออกมาตอนนี้มันน่ากลัวจนฉันแอบใจหวั่นใจ
“เอาเธอจนขาถ่างไงเอวา” ไซเรนตอบฉันด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไรเลยสักนิด ขณะที่กำลังขึ้นเตียงมาหาฉัน ก่อนที่จะ...
ฟรึบ แควก!!!!! ใช่แล้ว สิ้นสุดคำพูดของเขาเมื่อกี้เสื้อผ้าของฉันก็ถูกฉีกขาดเป็นสองส่วนทันที ไม่พอเขายังพยายามจัดการดึงแพนตี้และบราของฉันด้วย...
“อ๊ะ! ไซเรน ฉันบอกให้หยุดไง” ฉันดิ้นจนสุดชีวิตจากน้ำมือของเขาแต่เข้าใจไหมว่าเขามันเป็นผู้ชายและฉันเป็นผู้หญิงดิ้นให้ตายฉันก็สู้แรงเขาไม่ได้ จนในที่สุดแพ้นตี้และบราของฉันก็ฉีกขาดไปตามๆ กันก่อนที่เขาจะแทรกตัวเองเข้ามาอยู่ตรงกลางกายของฉันแล้วทำสิ่งที่ทำให้ฉันแทบอยากจะกรี๊ดออกไปเดี๋ยวนั้น
สวบ!
“อึก!” ใช่เขากระแทกแก่นกายตัวเองเข้ามาในร่างกายของฉันอย่างแรงและเข้ามาทีเดียวมิดด้ามโดยที่ไม่ได้เล้าโลมส่วนนั้นของฉันก่อน ทำเอาฉันรู้สึกจุกและเจ็บปวดไปหมด
แต่คนบ้าอย่างไซเรนเขาหาสนใจฉันไหม เขาไม่ได้สนใจว่าฉันจะเจ็บเลยสักนิด เพราะหลังจากที่ตัวตนของเขาเข้ามาในร่างกายฉันได้เขาก็จัดการกระแทกแรงๆใส่น้องสาวของฉันทันที โดยที่ไม่ถามความพร้อมจากฉันเลยสักนิด...
ไซเรนจัดการใส่จังหวะกระแทกใส่น้องสาวของฉันตามอำเภอใจของเขา เขาอยากปลดปล่อยอารมณ์กรุ่นโกรธกับร่างกายฉันแค่ไหน เขาก็จัดการเพิ่มแรงขึ้นเท่านั้น จนฉันที่อยู่ใต้ร่างของเขารู้สึกปวดแสบตรงส่วนนั้นไปหมด
แต่เพราะฉันไม่สามารถขัดขืนเขาได้และต่อให้ฉันพยายามจะขัดขืนเขาแค่ไหน เขาก็สามารถกดข้อมือเล็กๆของฉันให้จมไปกับเตียงได้ในที่สุด
“ซี๊ดด ร่างกายเธอเป็นของฉันคนเดียวเอวา หมาตัวไหนก็อย่าหวังว่าจะได้มันไป”
ปากว่าตามองขวางแต่แรงกระแทกที่ส่งเข้ามาให้ฉันรับยังคงรุนแรงและหนักหน่วงตามอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาตอนนี้อย่างต่อเนื่อง จนฉันที่เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วเริ่มรู้สึกเหมือนภาพของคนที่กำลังคร่อมร่างกายตอนนี้มันเลือนลางยังไงไม่รู้ แต่ฉันก็ต้องพยายามเก็บความอ่อนแอตรงนั้นไว้ให้ถึงที่สุด
เพราะฉันไม่อยากให้ไซเรนมันว่าฉันอ่อนแอที่โดนมันเอาแค่นี้ก็ทนไม่ได้
“หึ อวดดีเข้าไปเอวา” ไซเรนว่าด้วยสีหน้าแสยะยิ้มตรงมุมปากที่เห็นฉันนอนนิ่งไม่ขยับหรือแม้แต่เผยความเจ็บปวดให้เขาเห็น จนเขาเริ่มเพิ่มแรงกระแทกให้เร็วกว่าเดิม ทำเอาร่างกายของฉันกระเพื่อมและสั่นไปหมด
“ครางออกมาเอวา”
“.....”
“หึ คิดจะเงียบ ก็เงียบให้สุดละกันเอวา อย่าเผลอครางออกมาก็แล้วกัน เพราะถ้าฉันได้ยินเมื่อไหร่ฉันจะเอาเธอจนตายกันไปข้างเลยเอวา”
“....”
ฉันเบือนหน้าหันไปอีกทางไม่อยากสนใจสิ่งที่ไซเรนกำลังพล่ามตอนนี้ เพราะตอนนี้ฉันพยายามข่มความเจ็บปวดตรงส่วนนั้นเอาไว้ไม่ให้มีเสียงออกไป สิ่งที่ฉันสามารถระบายแทนเสียงครางได้ในตอนนี้ก็คือกำผ้าปูที่นอนให้แน่นที่สุดเพื่อระบายความเจ็บปวดเอาไว้ แต่พอเวลามันผ่านไปแล้วหลายนาทีคนที่อยู่บนร่างกายของฉันก็เหมือนจะเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมา เท่านั้นแหละ
ปั่ก!!!
“อ๊ะ!”
“หึ ครางออกมาจนได้สินะ งั้นเธอก็เตรียมขาถ่างได้เลยเอวา”