พอเสร็จกิจรอบที่สามการินก็อุ้มคนตัวเล็กเข้าไปในห้องน้ำเพื่อสานต่อ เมื่อกินเธอจนหนำใจแล้วอยากผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำอุ่น ตอนนี้ทั้งคู่จึงนอนแนบกันจนจะกลายเป็นเนื้อเดียว
“ได้กอดขิมแบบนี้ ผมชอบนะ” เขาเอ่ยขณะพรมจูบข้างแก้มนุ่มเบาๆ
“แค่กอดอย่างเดียวใช่ไหมคะ”
“อย่างอื่นด้วย” พอได้ยินเธอแซวกลับ คนไม่ชอบแพ้จึงอยากแกล้งต่อด้วยการใช้ปลายนิ้วสะกิดเม็ดทับทิมแดงระเรื่อ ทำเอาเธอครางในลำคอ
“อ๊ะ…คุณกาย ไม่เอา อย่าแกล้งขิมสิ”
“ขิมก็อย่าทำให้มันเขี้ยวสิ รู้ไหมหลังๆ มานี้ขิมทำตัวน่าแกล้งแค่ไหน”
“น่าแกล้งแค่ไหนคะ” เธอเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมหรี่ตาหยอกเย้าเขาต่ออย่างไม่เข็ดหลาบสักที
“ที่สุด”
“อย่างคุณกายเหรอจะแกล้งขิมได้ ไม่กลัว...” ไม่รอหญิงสาวพูดจบ เขาบังคับใบหน้างามให้เงยขึ้น เรียวปากหยักกดจูบหวานล้ำก่อนงับริมฝีปากบางเบาๆ เพราะอยากแกล้ง
“ไม่ได้อยากให้กลัว” การินกระซิบเสียงแหบพร่า “แต่อยากเอา”
คำพูดลามกทำใบหน้าหวานร้อนผ่าว
“ทริปนี้ผมมีความสุขมากนะ ขิมชอบไหม”
“ค่ะ ขิมชอบ” เธอพลิกกายแนบไปอีกฝั่งหนึ่งของอ่างอาบน้ำ อยู่ดีๆ ใจข้างในตะโกนสั่งให้รวบรวมความกล้าเพื่อพูดประโยคถัดมา
“ไม่ใช่แค่ที่นี่” คริมาคิดว่าถึงเวลาที่ควรพูดเรื่องนี้จริงจังสักที เธอต้องการเผยความรู้สึกต่อการิน ไม่อาจรอให้ทุกอย่างสายไปกว่านี้ ระยะเวลาเกือบสี่ปีสำหรับคนที่มีสิทธิ์แค่แอบชอบเขาไปวันๆ มีตัวตนแค่อยู่ในมุมมืดของกันและกัน มันทรมานหัวใจดีนะ
“...”
“แต่ขิมชอบคุณ”
การินนิ่งไปพักใหญ่ รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเมื่อครู่เลือนหายไป แค่นี้ก็น่าจะชัดเจนแล้วว่าคำสารภาพเมื่อครู่ชายหนุ่มไม่เคยต้องการ
“คุณกาย” เสียงหวานอ่อนลง
“ผมเคยบอกขิมแล้วใช่ไหม ตั้งแต่คืนแรกที่เรานอนด้วยกัน…” เสียงทุ้มจริงจังขึ้น ไม่เหมือนทุกทีที่ติดอ่อนโยนยามอยู่ด้วยกันเพียงสองคน
“สิ่งที่ขิมต้องระวังไม่ใช่ผม...แต่คือหัวใจตัวเอง”
ดวงตาคู่หวานสั่นระริก ชายหนุ่มพูดออกมาได้อย่างใจร้ายที่สุด มีโอกาสใกล้ชิด เสพติดในร่างกายกันและกันเกือบทุกวัน มีใครบ้างจะไม่หวั่นไหว ในสมองของคริมาไม่เคยลืมภาพการินเข้ามาช่วยเธอในตอนนั้น เพราะเธอตกหลุมรักเจ้าชายขี่ม้าขาวตั้งแต่ทีแรก ตกหลุมรักความใจดีของเขา แม้ว่าแท้จริงความสัมพันธ์ระหว่างกันเหมือนพิษร้าย เพราะยิ่งถลำลึกเข้าไป ยิ่งมีอานุภาพทำลายล้าง กัดกินใจเธอจนแหลกลาญ
คริมากำลังทรมานเพราะรักเขา...รักผู้ชายใจร้ายคนหนึ่ง
เสี้ยววินาทีที่เธอกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ การินก็ลุกยืนเต็มความสูงก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอวสอบหลวมๆ เขาไม่ปลอบโยนแม้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังเสียใจ
ชายหนุ่มหมุนกายทิ้งเธอไว้ในห้องน้ำ...ฝากบาดแผลแห่งความผิดหวังไว้ในใจคนแอบรัก
พอเขาจากไปคริมาก็ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นมา เธอฟุบหน้ากัดริมฝีปากสะอื้นไห้เบาๆ เพราะไม่อยากรบกวนคนข้างนอก
“ฮึก…ทำไม” หญิงสาวจมอยู่กับความเสียใจพลางตั้งคำถามกับความเงียบซ้ำๆ
ทำไม...ทำไม เขาถึงรักเธอไม่ได้?
การินมีกำแพงหัวใจที่สูงมาก แต่คริมาคิดว่าความจริงใจจะสามารถทลายหัวใจกระด้างได้ในวันหนึ่ง จนวันนี้เธอรู้ว่าตัวเองกำลังคิดผิด เพราะไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอนาคต ผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีเธออยู่ในนั้น ชายหนุ่มไม่มีวันหันกลับมารักกัน
เหลือแค่คริมารู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว เธอรักเขาจนหมดใจและความรู้สึกพวกนั้นก็มากขึ้นในทุกวัน แต่ขณะเดียวกันการินก็ยังเหมือนเดิม
เขาไม่เคยรัก...ไม่เคยมีเธออยู่แม้สักเสี้ยวของหัวใจ
หยาดน้ำตารินไหลอาบแก้มพร้อมเสียงร้องไห้ระงม อุ่นไอรักยังคละคลุ้งในห้องกว้าง สัมผัสของเขาแม้เจือจางแต่ยังฝากฝังอยู่ทุกตารางนิ้วของผิวกายไม่มีทางลบเลือน
คริมาปล่อยตัวเองจมดิ่งกับความเสียใจ เกือบครึ่งชั่วโมงก็พาร่างกายอันบอบช้ำออกจากห้องน้ำ แววตาเศร้าๆ สั่นระริกเมื่อเห็นว่าการินเข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อย
ทั้งที่รู้ว่าเธอเสียใจเจียนตายเพราะเผลอรักเขา แต่ก็ยังใจร้าย ไม่แยแสกันสักนิดเดียว การกระทำทั้งหมดนี้ไม่ต่างกับน้ำเย็นสาดใส่หน้าให้หญิงสาวลืมตามองความจริง ไม่ว่าตัวเธอจะพยายามทำเพื่อชายหนุ่มแค่ไหน
แต่เขาไม่เคยเห็นค่า...ผู้ชายอย่างการินไม่มีทางรักใคร
ริมฝีปากได้รูปหัวเราะเยาะความโง่เขลาของตัวเอง เห็นทีพวงกุญแจที่เธอแอบไปคล้องเพื่อหวังให้รักของเรายืนยาว คงเป็นแค่เรื่องหลอกให้ฝันหวานสินะ หรืออาจเพราะเลือกอยู่ในสถานะคนในความลับตั้งแต่แรก ชายหนุ่มจึงคิดว่าเธอควรอยู่ในมุมมืดต่อไป และถ้าใจวาดฝันถึงตอนจบของความสัมพันธ์ที่สวยงามเมื่อไหร่จะกลายเป็นคิดเกินตัวทันที!
และเช้าวันถัดมาการินสั่งให้เลขาเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินเป็นไฟลต์เช้าที่สุด ทั้งที่เดิมทีตั้งใจว่าจะเดินทางในช่วงค่ำเพราะอยากเที่ยวต่ออีกสักหน่อย ทั้งคู่กลับประเทศไทยโดยไม่พูดกันสักคำ ชายหนุ่มเย็นชา ส่วนคริมาเองก็เสียความรู้สึก
เธอนั่งกำมือแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลต่อหน้าเขาอีกเป็นครั้งที่สอง การกระทำของการินเหมือนสอนให้รู้ไปในตัวเช่นกัน ถ้าอยากอยู่ในความสัมพันธ์ต่อ อย่าคิดเอ่ยปากพูดคำว่า ‘รัก’ หรือ ‘ชอบ’ ออกมาเด็ดขาด ถ้าเอาใจลงไปเล่นเมื่อไหร่ก็เตรียมเจ็บทันที ตลอดห้าชั่วโมงช่างน่าอึดอัดและยาวนานเหลือเกินสำหรับคนผิดหวัง
ทันทีที่ตัวเครื่องสัมผัสรันเวย์ เหมือนคริมาหายใจได้โล่งขึ้น เธอรู้ว่าตอนนี้การินต้องการเวลา เธอเองก็ไม่ต่างจากเขาเท่าไร บางทีห่างกันสักพักเพื่อทบทวนหลายอย่าง คำตอบที่ออกมาอาจจะดีกับทั้งสองฝ่าย มากกว่าจับมือกันไว้แต่บีบคั้นหัวใจอย่างตอนนี้
บางทีให้ชายหนุ่มได้ทบทวนสักหน่อยเขาอาจจะตอบรับคำรักเหมือนกันก็ได้ ไม่ใช่มองเธอเป็นแค่คู่นอนแก้เหงาแบบทุกวันนี้ คนน้ำตาตกในคิดเข้าข้างตัวเองอย่างโง่เขลาที่สุด
ตลอดระยะเวลาในสนามบิน ชายหนุ่มจัดการทุกอย่างโดยเร็วและไม่หันกลับมาพูดกับเธอสักคำ ทั้งสองเดินออกไปข้างนอกเพื่อรอพลขับของที่บ้าน เมื่อรถคันหรูชะลอลงเพื่อจอดช้าๆ การินสั่งให้อีกฝ่ายยกแค่กระเป๋าของเธอ
“แล้วคุณกาย?” คริมาขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ผมไม่กลับ”
“คะ...” เสียงขานรับอ่อนลง “หมายความว่ายังไง”
“อยากนอนคอนโดสักพัก ผมคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องมานั่งอธิบายให้ขิมเข้าใจนะว่าทำไม”
“...”
“ในเมื่อขิมก็รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร”
คริมาพูดไม่ออก เธอเม้มริมฝีปากกลั้นน้ำตาที่จะไหลรอบเท่าไรไม่รู้ของวัน คำว่าเสียใจยังน้อยไปถ้าเทียบกับความรู้สึกตอนนี้...
ใจเธอพัง...ถูกเขาบดขยี้ด้วยท่าทีเย็นชาจนแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
“ค่ะ” ท้ายที่สุดเอ่ยอะไรไม่ได้นอกจากต้องตกลง เพราะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะรั้งเขาไว้
“กลับบ้านเถอะ” เธอหันหลังทำตามคำสั่งชายหนุ่มอย่างว่าง่าย นัยน์ตาแดงก่ำเหม่อลอย แต่ละก้าวเหมือนคนไร้วิญญาณ หรืออาจจะเป็นเพราะหัวใจเธอหลุดออกจากร่างตั้งแต่ถูกปฏิเสธรัก
ใจดวงน้อยหลุดลอยตามคนใจร้าย แม้รู้ดีว่าต่อให้เธอเจ็บปวดแค่ไหน การินก็ไม่มีวันเปลี่ยน...
เขาตัดสินใจแล้วว่าอย่างไรก็ไม่มีวันรักเธอ…ตื่นสักทีคนโง่
ผ่านไปหลายชั่วโมงตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน เธอเอาแต่จมอยู่กับกองน้ำตาในห้องนอน คริมาปล่อยน้ำตารินไหลเปรอะหมอนใบเดิมที่เคยหนุนนอนคู่กับเขา เธอถามตัวเองซ้ำๆ ว่าเมื่อไหร่จะทำใจและพอเสียที
แต่คำตอบที่ได้คือไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยวางจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้ หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าครั้งหนึ่งในชีวิตคำว่ารักเขาจะสามารถทำลายหัวใจขนาดนี้ เธอเจ็บจนจุก ร้องไห้จนแทบหมดแรง ดวงตาแดงก่ำชัดเจนว่าจมอยู่ในทะเลน้ำตาหลายชั่วโมง
“ฮึก...” คริมาสะอึกสะอื้นเหมือนคนขาดอากาศหายใจ เธอปล่อยให้ความผิดหวังนำทาง เสียงสั่นไหวเปล่งออกมาจากริมฝีปากซีดยากเกินควบคุม
“ฮือ...ทำไมไม่เคยมองขิมบ้างเลย” จุดจบผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นค่า บางทีอาจแหลกสลายแล้วหายไปในที่สุด
ติ๊ด! ติ๊ด!
เสียงสมาร์ตโฟนบางเฉียบปลุกให้เธอหลุดจากโลกแห่งความสิ้นหวัง เมื่อเห็นเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ คริมาก็เม้มริมฝีปาก สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพราะไม่ต้องการให้ปลายสายรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอ่อนแอ
‘อิมชิตา’ หรือ ‘อิม’ หนึ่งในแก๊งเพื่อนสนิทที่มีอยู่น้อยนิดของคริมา อาจเพราะเธอเป็นคนไม่ค่อยเข้าสังคม ติดจะเก็บตัวสนใจแต่เรื่องเรียนด้วยซ้ำ ทำให้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ค่อยมีสีสัน เพื่อนที่คุยประจำก็น้อยมากจนแทบนับนิ้วได้
‘ฮัลโหลสาว...ทริปเกาหลีเป็นไง ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปเลยนะ’ พอได้ยินเสียงร่าเริงของเพื่อนเล่นเอาคริมาทำตัวไม่ถูก ก้อนความผิดหวังในลำคอเหมือนตีตื้นขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
‘ก็สบายดี แกล่ะ’ แต่จำต้องใช้หลังมือบางปาดน้ำตาลวกๆ หลอกอีกฝ่ายว่าไม่เป็นไร
‘โทษนะช่วงนี้ไม่ได้คุยเลย ฉันยุ่งๆ กับเรื่องฝึกงาน’ คริมาบอก
‘ฉันถึงได้โทร.หาแกวันนี้ไง’
‘หืม...มีอะไร’
‘คืนนี้ไปเที่ยวกัน เดี๋ยวฉันไปรับที่บ้าน’ คนอกหักนิ่งชั่วขณะ เหมือนกำลังประมวลผลว่าจะตอบตกลงหรือไม่ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ออกไปดื่มเหล้ากับพัชระ แม้ปากการินบอกว่าไม่โกรธแต่เขาเลือกระบายกับร่างกายเธอแทน สมรภูมิรักครั้งนั้นหนักหน่วงจนเธอจำไม่รู้ลืม เพราะรอยแดงตามผิวกายสาวบ่งชัดว่าชายหนุ่มไม่พอใจมาก
‘อย่าคิดเยอะสิแก ยายอันก็ไปด้วยนะ เราไม่เจอกันนานแค่ไหนแล้วเคยนับนิ้วบ้างปะ’ อิมชิตาบ่นราวน้อยอกน้อยใจเสียเต็มประดา เพื่อนสาวสุดแสบคนนี้มักรู้วิธีพูดให้คริมาใจอ่อนและยอมทุกคราไป
‘...’
‘โอ๊ย อย่าเงียบ ใจคอไม่ดี สรุปไม่ไปสินะ ฉันนกแกอีกตามเคย’ หล่อนถอนหายใจ
‘งั้นแกจะมารับกี่โมงล่ะ’
‘สรุปว่า...’
‘ไป’ น้ำเสียงตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นหวีดร้องพอได้รับคำตอบที่ต้องการ ท่าทีโก๊ะกังของอิมชิตาทำเธอหลุดขำ บางทีออกไปเที่ยวกับพวกหล่อนอาจช่วยให้สลัดเรื่องการินทิ้งสักระยะ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นผลดีกับเธอก็ได้ คริมาต้องการเวลาเพื่อเลียแผลใจช้ำๆ การปล่อยความสนุกผ่านเสียงเพลงกับสองสาวน่าจะเป็นทางออกที่ถูกต้องที่สุดในตอนนี้