“ช่วงนี้ขิมเป็นไงบ้าง” เสียงละมุนถามสารทุกข์สุกดิบของร่างน้อยในอ้อมกอด เพราะไม่ได้ติดต่อกันหลายอาทิตย์ แต่เดิมทีนอกเหนือจากนัดหมายลับๆ ก็แทบไม่คุยกันอยู่แล้ว ตารางงานของการินยุ่งมากเพราะโรงแรมกำลังขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ ในฐานะประธานกรรมการบริหาร เขาจึงเดินทางแทบทุกเดือน
“ขิมเข้าไปฝึกงานที่โรงแรมได้สักพักแล้วค่ะ ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยเพราะยังไม่ชินแต่พยายามปรับตัวอยู่” นักศึกษาสาวบอก ในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่เกือบสองสัปดาห์ เธอได้เข้าไปฝึกงานที่ Sriwalai Hotel แล้ว คริมาเป็นเด็กในบ้านการินและ ‘คุณหญิงพราวพรรณ’ เธออยู่ใต้ชายคาคฤหาสน์หลังนี้ตั้งแต่จำความได้ หลังจากแม่แยกทางกับพ่อ ‘กรองทอง’ ก็ตระเวนสมัครงานตามที่ต่างๆ สุดท้ายมาลงเอยด้วยการเป็นแม่บ้านและดูแลเรื่องอาหารที่นี่
“อืม…นี่ขิมใกล้เรียนจบแล้วใช่ไหม” ดวงตาคู่คมทอดมองเธอด้วยแววตายากเกินอ่านออก มือของเขากระชับร่างบางเข้าหากาย จังหวะเดียวกันก็พ่นลมหายใจเอื่อยๆ
“คิดไว้หรือยังว่าเรียนจบแล้วจะเอายังไงกับชีวิตต่อ”
“ขิมคงเริ่มหางานทำอันดับแรก หลังจากนั้นก็เก็บเงินให้ได้สักก้อน ขิมอยากหาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วสร้างบ้านของตัวเองสักหลังค่ะ”
การินนอนฟังคริมาพรั่งพรูถึงอนาคตที่วาดฝันไว้ด้วยใบหน้านิ่งๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือแววตามุ่งมั่นของผู้หญิงคนนี้ เธอมีเป้าหมายชัดเจนเป็นของตัวเอง มิหนำซ้ำบางทียังฉลาดและเก่งกาจจนเขาทึ่ง
คริมาสอบชิงทุนและสามารถเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติชื่อดังตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วงมหาวิทยาลัยเธอก็ยื่นพอร์ตประวัติส่วนตัวและสามารถผ่านเกณฑ์เข้าไปศึกษาได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะเรียนดีและกิจกรรมเด่น หญิงสาวจึงเป็นที่จับตามองของเพื่อนรอบข้างเสมอ แต่ต่อให้เพียบพร้อมเพียงใดก็ยังไม่วายถูกค่อนขอดและพูดเรื่องฐานะที่ยากจนอยู่ดี การทำให้แม่มีความเป็นอยู่สุขสบาย มีบ้านสักหลังเป็นของตัวเองคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอ
“ขิมทำได้แน่นอน ในสายตาผม ขิมเก่งมากเลยนะ” ไฮโซหนุ่มว่าก่อนวางมือลูบไล้เบาๆ บริเวณศีรษะคนข้างกาย
“…”
“แม่อยากได้ขิมมาทำงานที่โรงแรมมาก ขิมรู้ใช่ไหม”
“ค่ะ ขิมรู้…”
“แต่ผมไม่อยาก”
“…คะ” เสียงหวานสะดุดเมื่อความผิดหวังเริ่มฉายชัดในดวงตาคู่งาม การินขีดเส้นแบ่งไว้สำหรับความสัมพันธ์ลับๆ นี้เสมอ ต่อให้บนเตียงเขาดูแลเธอประหนึ่งเจ้าหญิง แต่สุดท้ายพอสัมพันธ์สวาทมอดดับลง ทุกอย่างก็ถือว่าจบตรงนั้น
“ผมไม่อยากให้ขิมเอาตัวมาผูกมัดกับที่นี่เพราะยึดติดว่าตัวเองเป็นคนของบ้านหลังนี้ ขิมฉลาดและมีความสามารถ ถ้าความฝันของขิมคือจุดนั้น ผมว่าขิมยังมีตัวเลือกอีกเยอะ”
“แสดงว่าคุณกายไม่อยากให้ขิมอยู่ใกล้ๆ หรือคุณกายกังวลว่าทุกคนจะรู้เรื่อง…”
“เปล่า” นิ้วยาวจดริมฝีปากอิ่มไม่รอให้เธอพูดจบ
“ผมพูดตรงๆ ก็เพราะเห็นว่าขิมยังมีทางที่ดีกว่าก็แค่นั้น ไม่ใช่โรงแรมเราไม่ดีนะ แต่มันแค่ไม่เหมาะกับขิมในความคิดผม” การินอธิบายในสิ่งที่ตัวเองคิดให้เธอฟังอย่างไม่ปิดบัง ถึงเขากุมบังเ**ยนประธานกรรมการบริหารก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจในทุกอย่างเสมอไป
การบริหารภายในของ Sriwalai Hotel นั้นละเอียดอ่อนเกินจะพูดต่อ แต่ส่วนมากตำแหน่งใหญ่ๆ ซึ่งได้แสดงฝีมือล้วนต้องใช้เส้นสายทั้งนั้น นั่นทำให้คนมีศักยภาพถูกผลักออกไปโดยปริยาย
“คนเราจะประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่แค่เพราะโอกาสอย่างเดียว แต่อยู่ที่จังหวะและเวลาด้วย ถ้าขิมพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เหมาะกับความสามารถ ผมเชื่อว่าคนเก่งๆ อย่างขิมจะไปไกล”
“คุณกาย…” คริมาเสียงอ่อน
“ส่วนความสัมพันธ์ของเรา ขิมไม่ต้องห่วง มันไม่มีทางไกลกว่านี้แน่นอน”
“…”
“ถึงผมหวังดีกับขิมในฐานะพี่ชายร่วมบ้านก็จริง แต่ยังไม่เคยคิดจริงจังกับใคร ขิมรู้ข้อนี้ใช่ไหม”
“ค่ะ” ใบหน้างามพยักหน้าตอบ ก่อนสานสัมพันธ์ ชายหนุ่มชัดเจนว่าไม่มีวันให้สถานะคนรักแก่คริมาได้ คงมีแค่เธอละมั้งที่คิดฝันไปไกล แม้ปากบอกว่าเข้าใจแต่ข้างในยังเจ็บอยู่ดี
“ผมไม่พร้อมเอาบ่วงมารัดคอตัวเองไม่ว่าจะสถานะไหนๆ ก็ตาม”
“ขิมทราบดี”
“เพราะขิมน่ารักแบบนี้ใช่ไหม ถึงอยู่กับผมได้นานกว่าคนอื่น” คำชมและใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มของเขาไม่ต่างกับการเชือดเธอนิ่มๆ คริมาอยู่ในฐานะคู่นอนลับของการินเกือบสี่ปี ภายนอกเธออาจดูมีความสุขตอนถูกปรนเปรอด้วยสัมพันธ์สวาทเวลาชิดใกล้กันทุกครั้ง แต่อีกด้านของความรู้สึก ใจดวงน้อยเหมือนโดนบีบรัดเช่นกัน เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับความรักต้องห้าม ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมที่ตนเป็นคนเลือกเอง
ทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดกันและกันสักพักเข็มนาฬิกาก็ล่วงเลยกระทั่งเกือบเช้ามืด การินสะบัดผ้าห่มทิ้งก่อนยันกายลุกยืนเต็มความสูง
“ใกล้เช้าแล้ว ผมไปก่อนนะ” เขาเอ่ยขณะหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเต็มพื้นมาสวมใส่ พอเรียบร้อยก็ย่างเท้าเข้ามาใกล้คนบนเตียงพร้อมกดจุมพิตเบาๆ ข้างกระหม่อมบาง
“นอนต่อนะครับเด็กดี”
เมื่อประตูปิดสนิทการินก็หายไป แต่สัมผัสและกลิ่นกายยังคงติดตรึงอยู่ทุกที่ไม่เว้นแม้กระทั่งบนผิวบาง ท่าทีหวานๆ ทำเธอเคลิ้มตามก็จริง แต่บางครั้งกลับรู้สึกเหมือนถูกความใจดีของเขาแผดเผาใจดวงน้อยทีละนิด หรืออาจเป็นเพราะความอบอุ่นซึ่งชายหนุ่มมอบให้มา สุดท้ายต้องจบลงแค่บนเตียงอย่างเคย
ไม่นานดวงอาทิตย์ก็ฉายแสงรำไรบนท้องฟ้าในเวลาเกือบหกโมง คริมาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งกายเพราะต้องเข้าไปช่วยกรองทองเตรียมอาหารสำหรับคุณผู้หญิงและคุณชายของคฤหาสน์ หญิงสาวจัดการตัวเองไม่นานก็ก้าวเท้าแผ่วเบาหวังจะแกล้งหยอกเย้ามารดาที่เอาแต่ขะมักเขม้นกับโจ๊กหม้อยักษ์ เสียงหวานกระซิบข้างใบหูท่านพลางกดจมูกหอมแก้มนุ่มดังฟอด
“จ๊ะเอ๋ ขิมมาแล้ว”
“โอ๊ยลูกคนนี้นี่!” กรองทองอยากบิดคริมาให้เนื้อเขียว ก็เธอเล่นโผล่มาทางข้างหลัง หล่อนตกใจแทบจะปล่อยทัพพีในมืออยู่แล้วเชียว
“ดูซิถ้าแม่ทำหกหมดขิมจะรับผิดชอบยังไง”
“ขิมก็ทำให้แม่ใหม่ไง ไม่เห็นยากเลย” คริมาไหวไหล่บอกด้วยท่าทีเหมือนอาหารตรงหน้าทำง่ายๆ ราวปอกกล้วยเข้าปาก
“ทำพูดดี เดี๋ยวแม่จะตีเราให้แรงๆ”
“ฮ่าๆ ขิมล้อเล่นเอง” คนเป็นลูกระเบิดหัวเราะอารมณ์ดีเพราะการเห็นแม่มีรอยยิ้มในทุกวันคือความสุขเล็กๆ ของเธอ
“แม่ไปนั่งหั่นผักตรงเก้าอี้นู้นดีกว่า ขิมยืนเคี่ยวโจ๊กหม้อนี้ให้แม่เอง”
“รีบๆ ล่ะอย่าช้า วันนี้คุณหญิงบอกว่าคุณกายมีประชุมตอนแปดโมงเดี๋ยวก็ลงมาแล้ว”
“รับทราบค่ะ คุณนาย!” ขานรับจบมือนุ่มก็ยกขึ้นจดหน้าผาก ทำท่าตะเบ๊ะพร้อมรับคำสั่งมารดา คริมาวุ่นวายอยู่กับโจ๊กหม้อใหญ่กระทั่งเข็มนาฬิกาหมุนใกล้เลขเจ็ด เมื่อเคี่ยวเสร็จเธอก็ตักใส่ถ้วยโรยผักชีเล็กน้อยแล้วนำขึ้นไปเสิร์ฟทันที
วันนี้การินแต่งกายด้วยเชิ้ตขาว สวมสูทกรมท่าโทนเดียวกับเนกไท เขาใส่คัฟลิงก์สลักรูปตัว S สีเงิน แม้มองแบบผิวเผินข้าวของทุกชิ้นดูธรรมดา แต่เมื่ออยู่บนตัวไฮโซหนุ่มนั้นแสดงว่ามูลค่าย่อมมหาศาล ไหนจะบุคลิกและหน้าตาหล่อเหลาทำให้เขาดูแพงขึ้นมาแบบตะโกน
มือสากยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ ดวงตาทรงเสน่ห์ไม่เหลียวมองเธอสักนิด เขาวางมาดนิ่งรับบทคุณชายของบ้านอย่างที่ควรทำ ซึ่งคริมาเองแม้จะมีความรู้สึกน้อยใจแต่หากเลือกก้าวเข้าไปในสถานะลับๆ เธอต้องจำกฎที่เขาสร้างไว้ให้ขึ้นใจ
“โจ๊กหมูสับผักชีน้อยๆ ค่ะคุณกาย”
“ขอบคุณ” ชายหนุ่มยิ้มรับพลางละเลียดตักอาหารเข้าปากทีละนิด
“ฝีมือขิมนับวันยิ่งพัฒนาไปไกล” คุณหญิงพราวพรรณชมคริมาไม่หยุดปาก
“ขอบคุณนะคะแต่ขิมเป็นแค่ลูกมือเฉยๆ ค่ะ แม่ตื่นมาเคี่ยวข้าวต้มซุปทำทุกอย่างเองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ถ้าได้ยินคุณหญิงชมคงดีใจยิ้มทั้งวันแน่ๆ”
“โธ่ อะไรทำดีฉันก็ต้องชมสิถูกไหม” คุณหญิงพราวพรรณบอก หล่อนเจ้าระเบียบช่างตำหนิก็จริงแต่ก็เป็นคนตรงไปตรงมา
“ขอบคุณค่ะ” คริมายกมือไหว้
“ขิมไปฝึกงานที่โรงแรมเป็นไงบ้าง ชอบที่นั่นไหม ถ้าชอบ จบมาฉันว่า…”
“ผมว่าดูๆ ไปก่อนดีกว่า ฝึกงานจบขิมก็ยุ่งเรื่องทำวิจัยส่งอาจารย์อีกใช่ไหม” การินเอ่ยตัดบทสนทนาหว่านล้อมของมารดา
“น่าจะมีเวลาตัดสินใจอีกนาน” น้ำเสียงดุดันเหมือนออกคำสั่งคริมาไปในตัว
“ค่ะ งั้นขิมขอตัวก่อนนะคะ” นักศึกษาสาวก้มหน้ามองพื้น เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับคนทั้งคู่ต่อ พอพูดจบก็กอดถาดกระเบื้องหมุนตัวเดินออกนอกห้องอาหารทันที ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำคนตัวเล็กน้อยใจ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ารับความผิดหวังต่อ
คล้อยหลังคริมา คุณหญิงพราวพรรณก็กระแทกช้อนเสียงดัง ท่านรู้เรื่องความสัมพันธ์ของการินและเด็กคนนั้นตลอด แต่ก็ไม่เคยล้ำเส้นเข้าไปยุ่งเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของลูกชาย
“แกพูดไม่ไว้หน้าแม่แบบนั้นแล้วสายขิมจะมองแม่ยังไง?”
“ผมว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ครับ ปกติสายขิมเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายอยู่แล้ว”
“หึ…เหมือนเรื่องแกกับเขาสินะ”คุณหญิงพราวพรรณกระแนะกระแหน บางทีหล่อนก็นึกสนุกอยากให้คริมาขัดใจการินดูสักครั้ง คงเพราะหมั่นไส้ที่ลูกชายทำราวกับเด็กคนนั้นว่านอนสอนง่ายเชื่อฟังตัวเองเสียเต็มประดาละมั้ง ผู้ชายที่มีความมั่นใจแบบผิดๆ คิดว่าผู้หญิงคือของตายแบบนี้ ในฐานะผู้หญิงด้วยกันหล่อนเกลียดที่สุด
“แม่อยากจะสื่ออะไร?” ไฮโซหนุ่มเลิกคิ้วตั้งคำถามกับมารดา
“เปล่า ก็ฉันเห็นแกดูแลสายขิมมาหลายปีไง เด็กคนนั้นทนเก่งแถมยังเชื่อฟังแกขนาดนี้ สายขิมคงเข้าใจอะไรง่ายๆ เหมือนกับที่แกบอกนั่นแหละ”
“แม่กำลังประชดผมอยู่รู้ตัวหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ประชด แค่พูดความจริง”
“แล้วไงครับ”
“ช่างเถอะ ฉันมันคนแก่พูดอะไรเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยน่าฟัง ไม่เข้าหูแกเท่าไหร่” คุณหญิงพราวพรรณวางช้อนลงหลังจากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอาเป็นว่าสุดท้ายฉันอยากมีหลาน ส่วนแกก็เลี้ยงดูสายขิมมาหลายปี แต่ไม่บอกฉันสักคำ แสดงว่าผู้หญิงคนนี้แกก็ไม่คิดจริงจัง”
“ครับ ผมไม่คิดมีลูกแม่ก็น่าจะรู้” ดวงตาคมอ่อนแสงลง พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ทีไรราวอดีตเลวร้ายถูกขุดขึ้นมาทุกที
“แต่ฉัน…”
“ถึงแม่จะหาผู้หญิงที่ดีพร้อมขนาดไหน ผมก็ยังยืนยันคำเดิม…ชาตินี้ผมจะไม่มีลูกและไม่จริงจังกับผู้หญิงคนไหนเด็ดขาด!”