โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“เรียบร้อยครับ อีกหนึ่งสัปดาห์หมอจะนัดมาตัดไหม ระหว่างนี้ก็คอยระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะครับ”
เสียงทุ้มของคุณหมอรูปหล่อทำให้มณีเนตรรู้สึกเคลิ้มหนัก แต่ก็ยังเป็นห่วงเพื่อนมากกว่าจะมาบ้าผู้ชายในตอนนี้
“แล้วเพื่อนของเนตรจะเสียโฉมมั้ยคะคุณหมอ”
“อ๋อ ไม่หรอกครับ หลังจากตัดไหมแล้วถ้าเราไม่ไปแกะตรงสะเก็ดแผลให้มันลึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวทุกอย่างก็กลับมาปกติเองครับ อีกอย่างแผลของคนไข้ไม่ได้อยู่บนใบหน้าชัดเจน จะอยู่ในกลุ่มผมด้านหน้า ต่อให้ทิ้งแผลเป็นไว้ก็มองไม่ชัดหรอกครับ”
“เห็นชัดก็ดีค่ะ จะได้จำ” เสียงภูษิตาพูดออกมาเหมือนคนใจลอย จนหมอหนุ่มต้องมองเธออย่างสงสัย
“มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ” คำถามนั้นทำให้เธอรู้ตัวว่าเผลอคิดดังจนเกินไป
“เอ่อ...เปล่าค่ะไม่มีอะไร ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ตอนนี้ฉันกลับได้แล้วใช่มั้ยคะ”
“เดี๋ยวรอรับยาก่อนนะครับถึงจะกลับได้”
“ต้องกินยาด้วยเหรอคะ”
“ก็มียาลดปวดและแก้อักเสบน่ะครับ คนไข้คงไม่ชอบกินยาสินะครับ” รอยยิ้มอ่อนโยนของเขากลับทำให้เธอพาลนึกไปถึงใครอีกคน ก่อนที่เธอจะสลัดความคิดนั้นทิ้งไป
“ใช่ค่ะ รายนี้เค้าไม่ชอบกินยาทุกชนิด บางทีป่วยก็ยังไม่ยอมกินยาลดไข้เลยนะคะบอกว่าเดี๋ยวก็หายเอง น่าตีจริงๆ เลยค่ะ ยังไงรบกวนขอนามบัตรของคุณหมอเอาไว้ได้มั้ยคะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ให้ยัยพู่โทรมาปรึกษาค่ะ”
เพราะรู้สึกว่าสายตาที่หมอหนุ่มมองเพื่อนของเธอมันดูมีอะไรๆ ซ่อนอยู่ มณีเนตรเลยคิดจะทำหน้าที่กามเทพ แทนการงาบคุณหมอสุดหล่อไว้กินเสียเอง อย่างน้อยภูษิตาก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนในตอนนี้
“เนตร อย่ารบกวนคุณหมอเค้าสิ” ภูษิตาพอจะมองออกว่าเพื่อนรักต้องการจะทำอะไร แต่ในตอนนี้เธอไม่อาจเปิดใจรับใครเข้ามาได้จริงๆ
“ไม่รบกวนหรอกครับ ถ้ามีอะไรก็โทรมาปรึกษาหมอได้เลยไม่ต้องเกรงใจ นี่ครับ นามบัตรของหมอ” เขายื่นนามบัตรให้กับเธอพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
“เอ่อ ขอบคุณค่ะคุณหมอ...เอกธนา”
เธอก้มลงอ่านชื่อของเขาบนนามบัตร
“เรียกว่าหมอเอกหรือพี่หมอก็ได้ครับ คิดว่าหมอคงอายุมากกว่าคนไข้หลายปี”
“แล้วคุณหมออายุเท่าไหร่เหรอคะ” มณีเนตรเป็นคนถามขึ้น เลยได้เห็นภูษิตามองค้อนให้เพราะเธอไม่ได้อยากรู้จักเขามากนัก
“ปีนี้สามสิบแล้วครับ คงจะ...แก่มากเลยใช่มั้ย”
เขาบอกพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองอย่างขัดเขิน
“อุ๊ย! เพิ่งสามสิบเองค่ะยังไม่แก่หรอก เพื่อนของเนตรชื่อชมพู่ค่ะ เรียกว่าพู่เฉยๆ ก็ได้ ปีนี้เราอายุยี่สิบสี่ค่ะ อันที่จริงวันนี้วันเกิดยัยพู่เค้าด้วย ถ้าไม่เจอกับ...กับอุบัติเหตุซะก่อน คงได้ฉลองกันยันสว่างไปแล้วล่ะ”
มณีเนตรเกือบจะหลุดปากพูดถึงคนใจร้ายคนนั้นดีที่ยั้งปากไว้ทัน
“อ้าวเหรอครับ งั้นก็สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้มีความสุขมากๆ ถ้าหากว่าอดีตที่ผ่านมามีเรื่องอะไรที่ทำให้ทุกข์ใจ ก็ถือซะว่าวันนี้เราได้เกิดใหม่ ได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ จะได้ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์ในเรื่องเดิมๆ อีกนะครับ”
คำอวยพรของคุณหมอใจดีทำให้ภูษิตาเริ่มยิ้มออกมาได้ เธอจึงยกมือขึ้นไหว้เขา
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ พู่ก็ตั้งใจว่านับจากนี้พู่จะเริ่มชีวิตใหม่แล้วค่ะ จะไม่ทุกข์ใจให้เรื่องในอดีตอีกแล้ว”
“ดีแล้วครับ ยังไงหมอก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวออกไปรอรับยา แล้วกลับบ้านพักผ่อนนะครับ ยาที่จัดให้ก็เริ่มกินพรุ่งนี้เพราะเมื่อกี้หมอฉีดยาให้แล้วล่ะ”
“ได้ค่ะ งั้นเราขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ”
เธอยกมือไหว้เขาอีกครั้งเช่นเดียวกับมณีเนตร
“ครับ สวัสดีครับ” เขายกมือขึ้นรับไหว้ก่อนจะมองทั้งสองคนก้าวออกไปจากบริเวณห้องฉุกเฉิน
“แกจะยิ้มอะไรนักหนาน่ะเนตร พู่เศร้าอยู่นะ ลืมหรือไง”
ภูษิตาหันมาถามเพื่อนรักที่เอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งแต่ออกมาจากห้องฉุกเฉินจนถึงหน้าห้องยา
“ก็รู้ว่าเศร้า แต่ฉันว่านะพู่ในเรื่องร้ายก็ยังมีเรื่องดี ในเมื่อแกโดนอีตาคนใจร้ายนั่นทิ้งแล้ว แกก็ควรจะมองหาคนใหม่ที่ดีกว่า อย่าง...คุณหมอสุดหล่อนั่นไง”
“บ้าน่า พู่ไม่ได้คิดอะไรกับเค้านะ”
“ตอนนี้ยัง แต่ในอนาคตก็ไม่แน่นี่นา ฉันรู้ว่าตอนนี้แกยังเฮิร์ตหนัก แต่ในเมื่อแกเลือกที่จะเดินเข้าไปรับความเจ็บปวดเอง แกก็ต้องอยู่กับมันให้ได้และเริ่มต้นใหม่จริงมั้ย”
“พู่รู้ รู้ดีว่าสักวันก็อาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น...แต่ก็...ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้”
“ช้าไปน่ะสิ แกน่ะเสียเวลาชีวิตไปตั้งสามปีกับการรักผู้ชายคนนั้นนะอย่าลืมสิ”
“พู่ไม่ได้ลืม เนตรต่างหากล่ะที่ลืม”
“ฉันลืมอะไร?” มณีเนตรมองเพื่อนรักอย่างสงสัย
“ก็ลืมว่า...มันไม่ใช่แค่สามปีที่พู่รักผู้ชายคนนั้นยังไงล่ะ”
ภูษิตายิ้มให้เพื่อนรักและยิ้มให้ความน่าสมเพชของตัวเอง ก่อนที่น้ำตามันจะไหลออกมาอีกครั้ง แม้จะไร้เสียงสะอื้นใดๆ แต่มณีเนตรก็รู้ดีว่าข้างในหัวใจของเพื่อนมันแหลกสลายเพียงใด
ยิ่งเมื่อคิดว่าตอนนี้เจษฎ์กับผู้หญิงคนนั้นอาจจะกำลังกอดกัน จูบกัน หรือทำอะไรๆ แบบที่เธอกับเขาเคยทำร่วมกัน หัวใจของเธอมันก็ยิ่งเจ็บจนเกินจะรับไหวแต่ในเมื่อของเล่นชิ้นนี้เลือกที่จะไม่ยอมเป็นของตาย เธอก็ต้องทนรับมันให้ได้แล้วเดินหน้าต่อไป
แม้หัวใจจะพังยับเยิน...